ที่มา ประชาไท
บทกวีโดย เพียงคำ ประดับความ
ย่ำสอง นาฬิกา คืนฟ้าเปลี่ยว
แสงจันทร์เสี้ยว เกี่ยวคว้าง กลางคืนเศร้า
ลมโศกหวน ทวนกิ่งไม้ ร้างใบเงา
หัวใจเจ้า ชิต บุศย์ เฉลียว ช่างเดียวดาย
สองสี่เก้าแปด กุมภา วันที่สิบเจ็ด
ภิกษุเนตร เทศน์ปลอบขวัญ อกสั่นไหว
ถึงเวลา อาหาร มื้อสุดท้าย
แตะต้องได้ กลิ่นความตาย ในสายลม
มิทันเอ่ย คำใด ในคืนนั้น
ลานประหาร น้ำตานอง กองเลือดถม
สี่นาฬิกา ยี่สิบ นาทีระทม
ความขื่นขม จมแน่น เต็มแผ่นดิน
เพื่อปกปิด แผ่นฟ้า ด้วยฝ่ามือ
ประนมถือ ธูปดอกไม้ ด้ายสายสิญจน์
สามนักโทษ ประหาร หน้ากองดิน
เตรียมป่ายปีน สู่สวรรค์ ชนชั้นแพะ
เพชรฆาต จ่อยิงลง ตรงหัวใจ
กระสุนรัว เป็นเส้นสาย ย้ำลายแผล
ร่างแหลกเหลว มือขาดหาย ยอมพ่ายแพ้
สละร่าง สังเวยแด่ เมืองทมิฬ
ธรณี นี่นี้ เป็นพยาน
หากเราผิด ท่านประหาร เสียให้สิ้น
เอาใบตอง รองมิให้ เลือดต้องดิน
ให้แร้งกา จิกร่างกิน จนสิ้นใจ
แหละธรณี นี่นี้ เป็นพยาน
เราบ่ผิด ท่านประหาร ด้วยดาบไหน
ขอดาบนั้น คืนสนอง ทุกชาติไป
ความตายไหน ใครคนก่อ ขอย้อนคืน
ขอจารึก รอยแค้น อย่างแน่นหนัก
ส่วนรอยรัก มิอาจปัก หักใจฝืน
มิเหลือแล้ว รอยอาลัย ให้กัดกลืน
ขอหยัดยืน ถางทาง สร้างโลกใหม่
จะเจ็บจำ ไปถึง ปรโลก
กี่รอยโศก มิรู้ร้าง จางหาย
จะเกิดอีก สักกี่ฟ้า มาตรมตาย
ก็อย่าหมาย ว่าจะให้ หัวใจเรา
(จะเกิดอีก สักกี่ฟ้า มาตรมตาย
ก็อย่าหมาย ว่าจะได้ หัวใจเรา)
หมายเหตุ บทกวีนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากข้