ที่มา ประชาไท
สาวตรี สุขศรี อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ที่มา: เฟซบุ๊ค Sawatree Suksri (15 มีนาคม 2554)
ผลของคดีนี้ตัดสินจำคุกสูงมาก มีข้อสังเกตดังนี้
1. ต้องถือเป็นคำพิพากษาที่ "สวน" กระแสคำพิพากษาอื่นที่เกี่ยวกับ 112 และ พ.ร.บ. คอมฯ ในช่วงที่ผ่านมา 2-3 คดีที่ยกฟ้องหรือเลื่อนยาว
2.ไม่แน่ใจว่ากิดอะไรขึ้น แต่ข้อเท็จจริง (ในทางเทคนิค) ก็คือ การจะสืบว่าใครเป็นแอดมินที่แท้จริง หรือใครโพสในเว็บ นปช.ยูเอสเอ สืบให้สิ้นสงสัยยากมาก
เอาเข้าจริง คำว่า admin ในเว็บสมัยใหม่ ใคร ๆ ก็เขียน หรือตั้งได้ บางกรณีมีระบบว่า ถ้าไม่ลงชื่อเป็นอืน ก็จะแสดงผลเป็นแอดมินได้อีก ลักษณะของเว็บไซต์นี้ (นปช. ยูเอสเอ) ก็มีระบบการทำงานคล้าย ๆ แบบนั้น แน่นอนว่า สำหรับคดีนี้ การแก้ต่างหรือข้อต่อสู้ของจำเลยในประเด็นดังกล่าว ถือว่ามีความสำคัญ แต่หลัก ๆ ก็ต้องอยู่ที่ฝ่ายโจทก์ อย่างไรก็ตาม เหตุผลของศาลชี้ว่า
“จำเลยไม่ได้นำสืบว่าหมายเลขไอพีแอดเดรสดังกล่าวไม่ได้เป็นของจำเลย และเมื่อมีชื่อในระบบว่า admin แล้วจะไม่สามารถตั้งซ้ำได้ ประกอบกับจำเลยพยายามเข้าเว็บไซต์ด้วยระบบ FTP จึงเชื่อว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิดจริง แม้ว่าบันทึกจราจรคอมพิวเตอร์จะเป็นบันทึกคนละวันและเวลากับข้อความที่ปรากฏก็ตาม ศาลตัดสินว่ามีความผิดจำคุก 13 ปี”
ตรงนี้น่าสนใจมาก ในทางกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
หลักสำคัญที่สุดในทางกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาก็คือ 1. ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าจำเลย หรือผู้ต้องหาเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่จนกว่าศาลจะพิพากษาว่ามีความผิด
2. สืบเนื่องจากข้อ 1 นั่นหมายความว่า ผู้มีภาระการพิสูจน์ ให้ศาลสิ้นสงสัย คือ "โจทก์" ไม่ใช่ "จำเลย” แต่จากเหตุผลของศาลนี้... เขาเขียนทำนองว่าจำเลยไม่ยอมพิสูจน์ ... แสดงว่าศาลหันมาให้น้ำหนักกับการแก้ต่างของ “จำเลย” มากกว่า การพิสูจน์โดย “โจทก์” ซึ่งน่าจะถูกต้องตามหลักการ
ปกติคดีความที่เกี่ยวกับเรื่องทางเทคนิคมาก ๆ แบบนี้ คนที่หนักคือโจทก์อยู่แล้ว ถ้าไม่มีปัญหาอะไร ศาลมักต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย คือ ยกฟ้อง....คำถามเรื่องนี้จึงมีว่า 1. โจทก์สืบยังไงหรือ ศาลถึงสิ้นสงสัย ? (ทั้งที่ ในเหตุผล ก็ยังแสดงให้เห็นถึงความสงสัยอยู่)
2.ฝ่ายจำเลยได้พยายามทำลายน้ำหนักของโจทก์หรือไม่ อย่างไร?
สุดท้ายโทษคดีนี้สูงมากอย่างไม่น่าเชื่อ !