ที่มา thaifreenews
โดย lovethai
บทสัมภาษณ์“ณัฐวุฒิ”ตอน ๑:ถ้าอำนาจนอกระบบไม่หยุดบงการตั้งรัฐบาล ประชาชนจะไม่ฟังใครอีกแล้ว
ระวังจะพังกันทั้งกระดาน!
โดย...ชัยฤทธิ์ ยนเปี่ยม
หลังออกจากเรือนจำ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” แม่เหล็กของคนเสื้อแดง ยังต้องรับบทหนักเพื่อช่วยเหลือเหยื่อเสื้อแดงที่บาดเจ็บและที่ถูกคุมขังในเรือนจำ แม้ “หนุ่มเต้น”จะมีปัญหาสุขภาพ เดินกระเผก อยู่หลายเดือนจากโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นปราสาท แต่ก็ไม่ย่อท้อเพราะความฮึกเหิมที่มีอยู่เต็มเปี่ยมเมื่อมั่นใจเสื้อแดงกำลังชนะในการเลือกตั้งเร็ววันนี้ เขาเปิดใจกับ “โพสต์ทูเดย์” อย่างละเอียดถึงทิศทางการต่อสู้ ตัวตน อนาตต และการปรองดอง
ถ้าไม่เคารพผลเลือกตั้ง...จะไม่มีใครฟังใครแล้ว
0ได้ข้อสรุปอะไรจากที่อยู่ในคุก 9 เดือน
เราได้ข้อสรุปว่า ฝ่ายผู้มีอำนาจพร้อมที่จะทำทุกวิธีการเพี่อปกป้องอำนาจของตัวเองและจะไม่ยอมให้ประชาชนได้ระบอบประชาธิปไตยอย่างที่เรียกร้อง รวมถึงการใช้กำลังเข้าเข่นฆ่า เมื่อเราเข้าใจตรงนี้ว่ามีความอำมหิตเกินพิกัด จากฝ่ายที่มีอำนาจก็จะต้องกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหวของเรา ไม่ให้สุ่มเสี่ยงที่จะเปิดโอกาสให้เขาทำอย่างนั้นได้อีก ที่เป็นข้อสรุปของเราซึ่งก็เป็นข้อยืนยันอยู่แล้ว คือ เราต้องใช้หลักสันติวิธีในการต่อสู้ เพราะถ้าเรายืนยันสันติวิธี แม้เราอาจไม่สามารถต้านทานปฏิบัติการทางทหารได้ แต่เรามีความชอบธรรมในทางการเมืองที่จะต่อสู้ต่อไป มีคนบอกว่า การต่อสู้ของเราที่ผ่านมา คนเสื้อแดงพ่ายแพ้ยับเยิน แต่ผมว่า ไม่ใช่ แน่นอนความสูญเสียเกิดขึ้นกับประชาชน เกิดความบอบช้ำกับขบวนการ แต่เราอธิบายสิ่งนี้ว่าเป็นความพ่ายแพ้ไม่ได้ เพราะเราต่อสู้ทางการเมืองเพื่อหวังให้การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองนำพาไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่เราต้องการ และถ้าเราชนะทางการเมืองเราก็จะชนะทุกอย่าง
0 อะไรคือ ชัยชนะ เป็นรัฐบาลหรือ เพราะจะได้ช่วยผลักดันอะไรได้มาก
ผมอยู่ข้างในติดตามการวิเคราะห์ข่าวของสื่อว่า เลือกตั้งครั้งนี้มีหวยล็อค ไม่ว่า ใครชนะเลือกตั้ง ประชาธิปัตย์ก็จะได้เป็นรัฐบาล และหลายๆ ฝ่ายเชื่อกันด้วยว่า ประชาธิปัตย์จะไม่ชนะเลือกตั้งแต่จะเป็นรัฐบาล การวิเคราะห์แบบนี้ มันอธิบายว่า ผู้ที่ตั้งประเด็นในการวิเคราะห์ ไม่ได้มองเห็นพลังของประชาชนเลยว่า ถึงเวลาแล้วที่คุณ จะล็อคหวยได้จริงหรือไม่ แล้วประชาชนที่ เขาออกมาแสดงเจตนารมณ์เลือกพรรคการเมืองที่เป็นเสียงข้างมากในการเลือกตั้ง เขาจะปฏิกิริยากับสิ่งนั้นอย่างไร แต่หลังการเลือกตั้ง ถ้ามีการบิดเบือนพลังของประชาชน วิกฤตจะไม่จบ แล้วมันจะไม่มีใครฟังใคร ผมส่งสัญญาณไว้ก่อนว่า จะไม่มีใครฟังใคร (เน้นเสียง) เพราะพวกคุณไม่เคยฟังประชาชน การเลือกตั้งคราวนี้แน่นอนผมฟันธงว่า มันไม่ได้เป็นการเลือกตั้ง ที่จะทำให้วิกฤตความขัดแย้ง 4-5 ปีที่ผ่านมาคลี่คลาย
0 ถึงแม้เพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลอย่างนั้นหรือ
ปัญหาทั้งหมดมันจะไม่จบหลังการเลือกตั้ง แต่ถ้าเป็นการเลือกตั้งที่ตรงไปตรงมา มีกติกาชัดเจนแล้วบริสุทธิ์ยุติธรรม และหลังการเลือกตั้งเคารพในเจตนารมณ์ประชาชน มันจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการจะสร้างความสงบ สร้างความปรองดอง และคลี่คลายความขัดแย้งเพราะถ้าประชาชนส่วนใหญ่คิดอย่างไร ก็ต้องเคารพแล้วเดินตามนั้น แต่ถ้าเราอธิบายว่า พรรคใดรวมคะแนนได้มากที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องได้อันดับหนึ่ง อธิบายอย่างนี้ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดรธน. แต่มันไม่ถูกกับสถานการณ์การเมืองประเทศขณะนี้ ที่ไม่เอื้อให้คุณทำแบบนี้ ถ้าคุณทำแบบนี้ มันจะไม่มีใครฟังใคร แล้วถึงเวลานั้น มันจะพังกันทั้งกระดาน
0 จะแรงกว่า พฤษภา 53 หรือไม่
ผมไม่สามารถกำหนดความแรงหรือไม่แรงได้ แต่ผมบอกได้ว่า ประชาชนเขาจะเหลืออดเหลือทน เพราะแสดงว่า คุณไม่ยอมรับในพลังอำนาจของประชาชนเลย
0ที่บอกว่า จะเกิดภาวะไม่มีใครฟังใคร จะซ้ำรอยถึงขั้นโกลาหลหรือไม่
มันไม่ได้อยู่ที่ประชาชนแต่อยู่ที่ผู้มีอำนาจ ว่า คุณเลือกที่จะเข้าใจสถานการณ์นี้หรือไม่ ที่ว่า การต่อสู้ของประชาชนในประเทศ คุณทำแต่สิ่งที่คุณต้องการโดยไม่ดูว่า ประชาชนต้องการอะไร ผมจึงพยายามบอกผู้มีอำนาจว่า ท่านอย่ามาเข้าใจว่า ประชาชนเปลี่ยนไป พวกท่านต่างหากไม่เข้าใจการเปลี่ยนแปลง แล้วพยายามใช้อำนาจนอกระบบขัดขวางการเปลี่ยนแปลงนี้ ถ้าผู้มีอำนาจในประเทศไทยไม่ศึกษาปรากฎการณ์เหล่านี้ทั้งในและต่างประเทศ มันก็จะเดินไปสู่ภาวะที่ เขาจะใช้อำนาจ โดยไม่คำนึงถึงอะไรเลย และสุดท้ายก็จะพังทั้งกระดาน
0 พังทั้งกระดานคืออะไร
คือ ประชาชนจะปฏิเสธกลไกอำนาจที่มากดทับอยู่แล้วจะเข้ามาต่อสู้เพื่อจัดสมดุลทางอำนาจในบ้านเมืองนี้ใหม่ ให้ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยอย่างแท้จริง อำมาตยาธิปไตยที่เป็นคู่ต่อสู้ของประชาชน ก็จะอ่อนแอ จนไม่สามารถลุกขึ้นมาบงการหรือเข้ามาจัดการบ้านเมืองให้เป็นไปตามที่เขาต้องการได้อีก
0แนวทางที่จะนำไปสู่การปรองดองในสังคมจะเกิดขึ้นได้ไหม
เกิดขึ้นได้ ทุกคนต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงในสังคมไทยก่อนว่า ประชาชนเขาไม่ยอมตกอยู่ภายใต้อำนาจ หรือ กติกานอกระบบอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่จะทำให้เกิดความปรองดองกันได้ก็ คือ ทำให้บ้านเมืองขับเคลื่อน เดินหน้าไปตามกระบวนการประชาธิปไตย ผมว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นจุดตัดสำคัญของสถานการณ์ในประเทศไทยนะ ถ้าทุกคนยอมรับผลการเลือกตั้ง และเคารพเจตนารมณ์ของประชาชน ทุกอย่างก็จะมีสัญญาณที่ดีไปสู่การเริ่มต้นไปสู่การปรองดอง แต่ถ้ามีหวยล็อคมีการโกงการเลือกตั้ง มีการใช้อำนาจนอกระบบจัดตั้งรัฐบาล มันจะคุยกันไม่ได้อีกเลย
เลือกตั้งเสร็จ นายกฯชื่ออะไรไม่สำคัญ สำคัญว่า เป็นนายกฯของใคร ของประชาชน หรือ ของอำมาตยาธิปไตย เป็นนายกฯของประชาชนคือ พรรคไหนชนะเลือกตั้ง คุณก็เป็นรัฐบาล แต่ถ้าเป็นหวยล็อคมันก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง หยุดฝันร้ายของประชาชน ทำลายฝันดีของผู้เผด็จการ เอาทุกอย่างเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ผมพร้อม รัฐบาลพร้อม ใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังเอาไหม กองทัพพร้อมไหม นั่นก็เป็นวิธีการที่จะปรองดองได้
0ขึ้นอยู่กับศาลที่ทุกฝ่ายจะต้องยอมรับการตัดสิน
ก็ว่ากันแฟร์ๆ ผมไม่ได้บอกว่า ให้พวกคุณเหมือน 9 เดือนอย่างผมก่อน ไม่ใช่ ผมต่อให้ผมติดก่อน 9 เดือนไม่เป็นไร แต่ว่า คุณมาเริ่มตรงนี้กันไหมเพื่อสร้างความปรองดอง ทำไมการปรองดองของคุณอภิสิทธิ์จึงติดคุกไม่ได้ ทำไมนายทหารใหญ่ๆ จะติดคุกไม่ได้ ทำไมอำมาตยาธิปไตยทั้งหลายที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะติดคุกไม่ได้ ปัญหาคือ ไม่มีการใช้กระบวนการยุติธรรมอย่างแท้จริง ผมจึงไม่อยากให้สังคมไทยมีจินตภาพเดียวว่า การปรองดองจะเกิดขึ้นได้ จากกวาดทุกอย่างทิ้งไปลืมๆกันไป
0 ถ้าเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลโอกาสที่จะผลักดันคดีนี้เข้าสู่ศาล เพื่อให้คุณอภิสิทธิ์และคุณสุเทพถูกดำเนินคดีจะมีมากขึ้นใช่ไหม
ก็ต้องพยายายามขับเคลื่อนเพราะทุกฝ่ายต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ผมไม่เคยปฏิเสธความรับผิดชอบ และผมพร้อมสู้คดีจนถึงที่สุด สุดทางกันตรงไหน ว่ากันตรงนั้น อีกฝ่ายหนึ่งพร้อมไหม ปรองดองเกิดได้นะ อ่าว ถ้าผมผิดผมติดคุก คุณอภิสิทธิ์ผิด คุณอภิสิทธิ์ติดคุกกันทั้งคู่ก็ยังปรองดองได้ เพราะคนมันเห็นว่า มีความยุติธรรม
0 แต่เหมือนสถานการณ์กำลังวิ่งไปสู่การนิรโทษกรรม ล้างไพ่กันหมดเลย
วันนี้ อย่าเพิ่งไปพูดถึงปลายทาง เอาที่ต้นทางก่อน เราจะมีการเลือกตั้งไหม วันนี้คนในสังคมยังคิดไม่เหมือนกันเลยว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นจริงหรือไม่ แล้วเลือกตั้งแล้ว เจตนารมณ์ของประชาชนจะได้รับการเคารพหรือไม่ หรือ จะมีรัฐบาลหวยล็อค ฉะนั้น อย่าเพิ่งพูดไปถึงปลายทางให้ยืดยาว เอาที่ต้นทางนี้ก่อน ถ้าบ้านเมืองนี้ไม่มีการเลือกตั้งผมว่า ไม่ต้องคิดถึงเรื่องปรองดอง ถ้าบ้านเมืองนี้เลือกตั้งเสร็จแล้ว มันล็อคหวยตั้งรัฐบาลในค่ายทหารอีก มันจะปรองดองกันอย่างไร เห็นมั้ยเรายังมีหลักกิโลเมตรที่จะต้องพิสูจน์ยืนยันว่า ผู้มีอำนาจในประเทศมีความเข้าใจในสถานการณ์แค่ไหน ยอมรับในความเห็นประชาชนแค่ไหน
0 เห็นคนในเพื่อไทยและแกนนำเสื้อแดงบอกว่า สู้แล้วไม่มีทางชนะแม้เสื้อแดง กับ เพื่อไทยจะมีพลัง
ผมไม่ได้ไปวิพากษ์อะไรในแนวคิดแบบนี้ แต่เราก็ต้องคิดอีกมิติหนึ่ง ผมว่าที่เราทำ เราไม่ได้กำลังวิ่งชนกำแพง แต่เรากำลังก่อบันไดที่จะเดินข้ามกำแพงนี้ต่างหาก เราไม่ได้วิ่งชน แน่นอนเราเจ็บปวดเพราะคนที่อยู่บนกำแพง ไม่ยอมให้เราปีนขึ้นไป ก็จะเทน้ำมัน เททรายร้อนๆ ลงมา ยิ่งลูกดอกลงมา แต่เราก็ขึ้นไปได้มากขึ้นทุกที เรื่องอะไรเราจะเดินชนก็ทำบันไดปีนขึ้นไป เจ็บปวดแต่วันหนึ่งเราจะไปถึงเพราะ เรามาไกลเกินกว่าที่ใครเคยมาได้แล้วในเวลานี้
##ไม่ได้ขี่หลังเสือ แต่โลดโผนเกินกว่าที่ตัวเองคิด
0ได้กลับมาคิดหรือไม่ว่า ตัวเราโลดโผนเกินไป
ผมไม่เคยคิดว่าจะต้องมาทำงานมวลชนเป็นแกนนำอะไรแบบนี้ ผมสนใจการเมืองตั้งแต่เด็ก และคิดเพียงว่าจะมาสมัคร ส.ส. ถ้าได้เป็น ส.ส.ก็มาทำงานการเมืองและก็เดินหน้าในทางการเมืองจนสุดทางที่จะไปได้เท่านั้น แต่เมื่อมีการยึดอำนาจแล้วผมมาทำหน้าที่ตรงนี้ ผมก็ไม่เคยคิดจะถอยกลับออกไป วันนี้เป็น ส.ส.หรือไม่เป็น ส.ส. สำหรับผมไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่หน้าที่ในการต่อสู้กับประชาชนจนได้ประชาธิปไตย นี่คือ เรื่องสำคัญที่สุด แล้วผมจะเดินหน้าต่อไป แน่นอนสิ่งที่ผมทำมันโลดโผนเกินกว่าผมจะจินตนาการได้มาตั้งนานแล้ว ผมไม่เคยคิดว่า ชีวิตจะต้องเข้าคุกเข้าตาราง เสี่ยงกระสุนปืน เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอย่างนี้ แต่ว่า ผมก็จะโลดแล่นไปจนมันถึงป้ายสุดท้ายของการต่อสู้
ผมไม่อาจจะจินตนาการได้เลยว่า ข้างหน้าผมจะเจออะไรบ้าง แต่ว่า ผมเอาอย่างเดียวคือ วันที่ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ส่วนจะเจออะไรบ้าง ไม่ใช่เรื่องใหญ่แล้ว
0 สถานการณ์มันบังคับให้เราลงหลังเสือไม่ได้อย่างนั้นหรือ
ไม่ใช่ ผมไม่ได้มีความรู้สึกว่า ผมกำลังขี่หลังเสือ แต่ผมรู้สึกว่า ผมกำลังจับมือกับประชาชนที่ต้องการอำนาจอธิปไตย ต้องการความเสมอภาค เท่าเทียม ฉะนั้น มันไม่ใช่เป็นการขึ้นหลังเสือ ถ้าผมจะเลิกใครจะทำอะไรผม
0 เมื่อมีคดีก่อการร้ายตัวติด จึงจำเป็นให้ต้องสู้ ถ้าไม่สู้ก็จะถูกกดอยู่เรื่อยๆ
ไม่มีครับ เพราะว่า ยิ่งสู้คดืที่มีจะยิ่งถูกเล่นงานมากขึ้น ถ้ายอมเขาเสีย ไปสยบ ซูฮก เกี้ยเซียะ อะไรต่างๆ ที่มันพันธนาการตัวเองอยู่ ก็อาจจะได้ขยายคลาย แต่ถ้าเดินหน้าสู้ต่อไป ทุกคดีความ ทุกเรื่อง มันก็อาจจะพุ่งมาทิ่มแทงเรามากขึ้น แต่ผมไม่สนใจ ผมจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อทำตรงนี้ให้สำเร็จ และผมมั่นใจว่า เราจะทำสำเร็จด้วย และจะชนะได้
0 มั่นใจจากอะไร เพื่อไทยหรือเสื้อแดง
ผมศรัทธาในประชาชน และผมเชื่อว่า ประชาชนจะชนะ เอาอย่างนี้ พรรคการเมืองหรืออะไรใดๆ มาเป็นองค์ประกอบ แต่ศรัทธาสูงสุด คือ ประชาชน และผมมั่นใจ..ชนะ
0 ครอบครัวเป็นห่วงเราไหม เรามาไกลขนาดนี้
เป็นห่วง คือ ทั้งครอบครัวที่ใต้ เป็นห่วงผม และผมก็เป็นห่วงครอบครัว ตอนอยู่ข้างใน ก็เป็นห่วงลูกเมีย สงสารลูกเพราะยังเล็กแล้วเราไม่เห็นอนาคตเลยว่า จะได้ออกมาเมื่อไร อาจจะติดเป็นปี หรือ ยังไงผมไม่ทราบ นั่นเป็นความยากลำบากที่เราต้องผ่านมา เป็นความกดดันในจิตใจ แต่ว่า ผมต้องผ่านมันให้ได้ แล้วผมก็ต้องปรับวิธีคิดใหม่ คือ คนหนึ่งเป็นเมีย อีกสองคนเป็นลูก มันก็กังวล เจ็บปวดหนัก ผมก็เลยคิดเพิ่ม เอาลูก เอาเมียเป็นคนเสื้อแดงเสียด้วย มันก็จะทำให้เราเกิดความคิดว่า เมื่อเป็นคนเสื้อแดงก็ต้องทนได้ และก็ต้องสู้ด้วยกัน มีครอบครัวคนเสื้อแดงอีกจำนวนมากที่สูญเสียมากกว่าเรา สมาชิกในครอบครัวคนที่บาดเจ็บ ล้มตาย พิการ แต่เขาก็ยังยืนหยัดต่อสู้ ฉะนั้น คนเสื้อแดงอีกสามคนในครอบครัว
นายณัฐวุฒิ ก็ต้องสู้ ทน และผ่านมาให้ได้
0 ที่บอกให้เมียและลูกขึ้นเวทีวันนั้นใช่ไหม
ก็บอกให้เขาขึ้นไป ผมถามลูกชายผมว่า เป็นคนเสื้อแดงหรือเปล่า เขาก็บอกเป็น เมื่อเป็นคนเสื้อแดงก็ต้องสู้ด้วยกัน
0 ภรรยา เคยขอร้องไหมว่า พอเหอะ
ไม่เคย เขาก็มาเล่าให้ฟังว่า ลูกเป็นอย่างไรบ้าง เขาก็มีความสุขทางร่างกาย จิตใจที่จะต้องรับภาระทุกอย่างในครอบครัว แล้วก็ห่วงใย แต่ไม่เคยบอกให้หยุด แล้วเราจะไม่พูดกันเรื่องนี้ เพราะเราทั้งหมด ตัดสินใจร่วมกันแล้วว่าจะสู้ร่วมกับประชาชน ไม่มีทางหยุด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมไม่หยุดการต่อสู้แน่นอน
0เดินหน้าลุยต่อ
แต่ว่า มันก็ต้องเดินหน้าด้วยสติ ปัญญา เหตุผล ด้วยความคิดอ่านที่สุขุมรอบคอบ ไม่ใช่เดินหน้าด้วยอารมณ์ หรือ ความโกรธแค้นชิงชัง ในใจผมเวลานี้เต็มไปด้วยความโกรธแค้น ชิงชัย กับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะพี่น้องผมที่บาดเจ็บล้มตาย โกรธแค้นกับความอำมหิตของผู้มีอำนาจที่กระทำกับประชาชน แต่เราต้องกลืนกินเอาความโกรธแค้นชิงชัยทั้งหมด แล้วแปรเปลี่ยนมาพลัง เราจะเดินหน้าต่อสู้ด้วยความโกรธแค้นชิงชัยไม่ได้ เราต้องสุขุมนุ่มลึกด้วยสติปัญญา และก็ต้องทุกมิติทั้งในและต่างประเทศ ออกมาผมก็คุยกับ โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ตั้งเขามาเป็นทนายความผม ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นในประเทศไทย อัมสเตอร์ดัมสามารถเคลื่อนไหวในนามผมได้ทันทีในต่างประเทศ ถ้ามีการยึดอำนาจในประเทศไทย อัมสเตอร์ดัมไปสหประชาชาติได้ทันทีในฐานะทนายความของพวกผม
(ที่มา โพสต์ทูเดย์ , 12 มีนาคม 2554)