ที่มา Thai E-News
โดย สำนักกฎหมายราษรประสงค์
18 มีนาคม2554
วันนี้ เวลา ๑๕.๓๐ น. ศาลอาญาได้มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว นายเอกชัย หงส์กังกาน ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวหาว่าเป็นคนขาย VCD …
ทั้งนี้ บิดา ได้หอบหลักทรัพย์เพื่อวางเป็นประกันจำนวน ๕๐๐,๐๐๐ บาท
อนึ่ง ยังมีจำเลยคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอีกจำนวน ๒ คนที่รอการประกันตัวคือ
๑.นายธันย์ฐวุฒิ ทวีวโรดมกุล ( ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ดูแลเวปไซด์ นปช.ยูเอสเอ และโพสข้อความหมิ่นฯ ศาลตัดสินจำคุก ๑๓ ปี )
๒.นายอำพล ตั้งนพกุล (อากงวัย ๖๑ ถูกกล่าวหาว่าส่ง SMS ข้อความหมิ่นเข้าโทรศัพท์เลขานายกอภิสิทธิ์ซึ่งจะขึ้นศาลนัดแรกวันจันทร์ นี้)
และอีก ๒ รายที่คดีถึงที่สุดรอการอภัยโทษ คือ
นายสุชาติ นาคบางไทร กล่าวปราศัยหมิ่นฯ
นายสุริยันต์ กกเปือย โทรศัพท์ขู่วางระเบิดศิริราช
…แล้วอาม่า กับอากง ก็ได้ลูกชายกลับมาอยู่ด้วย (ชั่วคราว) !
- - - - - -
ก่อนหน้านี้ ทนายยุทธการ แห่งสำนักกฎหมายราษฎรประสงค์ ได้เขียนบันทึกด้วยความเจ็บปวดเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2554 ว่า "พ่อวัย 82 หอบที่ดินผืนสุดท้ายประกันลูกชาย เหยื่อคดีหมิ่น 112"
เช้าวันนี้อากาศหนาว มีฝนตกโปรยปราย สายลมหอบเอาสองตายายวัยกว่า 82 ปีมาที่ศาลอาญาตามการนัดหมายของทนายความสำนักกฎหมายราษฎรประสงค์
รถเข็น นั่นรถเข็น ! ชายแก่ค่อยๆเข็นภรรยาซึ่งพิการเข้ามาภายในรั้ว ศาลอาญา ศาลยุติธรรมอันศักดิ์สิทธิ์ เราเข้าไปพูดคุยจึงทราบแน่ชัดว่า อากงได้พาภรรยามาด้วย เพราะมีกันอยู่เพียง 2 คนเท่านั้นภายหลังจากที่นายเอกชัย ลูกชายถูกจับกุมในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงครามกล่าวหาว่า เป็นผู้จำหน่าย VCD …
เราต้องเข็ญอาม่าไปขึ้นข้างหลังศาล เพราะบันไดด้านหน้านั้นสูงลิ่ว
มีปัญหาการสื่อสารเล็กน้อย เพราะทั้งสองเป็นคนไทยเชื้อสายจีน แต่การกรอกเอกสาร การเตรียมหลักประกันก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เราสี่คนแทบไม่ได้ยินเสียงอะไร แม้ในห้องที่วุ่นวายด้วยคนที่มาติดต่อราชการ ความหวัง…ลูกชาย…เสรีภาพ…
เข็มนาฬิกาตะโกนบออกว่าเป็นเวลาห้าโมงเย็น เจ้าหน้าที่เรียกชื่ออากง และนั่น แทบจะหิ้วอากงลอยไปที่หน้าเค้าเตอร์ ความหวัง…ความหวัง…
เจ้าหน้าที่อ่านคำสั่งศาลว่า “หลักทรัพย์นายประกันไม่เพียงพอตามเกณฑ์ ให้หาหลักทรัพย์มาให้ครบ 5 แสนบาทจึงจะพิจารณาสั่งต่อไป”
ผมประคองร่างอากงออกจากเค้าเตอร์ และรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของท่าน มันเลวร้าย มันเลวร้ายมากสำหรับพ่อคนหนึ่ง มันเลวร้ายมากสำหรับนักเรียนกฎหมายอย่างผม
เราออกจากศาลอาญา เหมือนร่างที่ไร้ความรู้สึก ลมหนาวเริ่มทวีความรุนแรง และคงหนาวไปถึงเรือนจำ…
“ไม่เป็นไร พรุ่งนี้มาใหม่ ค่อยไปหายืมเงินมาเพิ่ม อีกสามหมื่นเอง… ไม่เป็นไร…”
เสียงอันสั่นเครือแทรกออกจากปากชายชราวัย 82 ปี
เราอาสาไปส่งอากงกับอาม่าที่บ้าน ก่อนกลับอากงขอบคุณยกใหญ่ ยัดเงินจำนวน 7 ร้อยบาทเป็นค่ารถและค่าเสียเวลาใส่มือผม
แน่นอนว่าผมปฏิเสธ ผมเป็นทนายความที่ได้รับเงินเดือนซึ่งเป็นเงินบริจาคผ่านทางสำนักกฎหมายอยู่ แล้ว และเป็นเงื่อนไขที่จะไม่รับเงิน และค่าตอบแทนอื่นใดจากลูกความ
อากงยังยืนยันด้วยเสียงหนักแน่น ”เป็นน้ำใจที่มาช่วย ให้รับไว้ คนจีนเค้าถือ…”
ผมยกมือไหว้ และนัดแนะเวลาเจอกันอีกครั้งพรุ่งนี้เช้า ในมือกำเงิน 7 ร้อบบาทออกจากบ้านและเตรียมนำไปฝากให้พี่เอกชัยในเรือนจำ
นี่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสังคมประชาธิปไตย สังคมที่คนถูกฉาบด้วยรอยยิ้มความเอื้ออาทร นานมาแล้ว… ผมจำได้สมัยเรียนมหาลัย
พรุ่งนี้คงเป็นอีกวันที่ลมหนาวจะหอบอากง อาม่า มาที่ศาลพร้อมหลักทรัพย์ และความหวัง … ผมจะรอที่นั่น !