ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ รายงานพิเศษ
การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เริ่มตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา ภาพรวมการอภิปรายเน้นการใช้ข้อมูลมากขึ้น ไม่มีการประท้วงจนวุ่นวาย การใช้ถ้อยคำ หรือกิริยาที่ไม่เหมาะสมก็ลดน้อยลง
ในสายตาของนักวิชาการ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ภาคสังคม และภาคธุรกิจที่ติดตามการอภิปราย มีความเห็นอย่างไร
การฟังข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจจากฝ่ายค้านก็ดี จากฝ่ายรัฐบาลก็ดี เข้าใจว่าต่างฝ่ายต่างตีความในลักษณะสร้างความชอบธรรมให้กับตนเอง
อย่างเรื่องการเสียชีวิต 91 ศพ จากเหตุการณ์สลายการชุมนุม หรือกรณีการเผาห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ไม่สามารถบอกได้ว่าใครพูดความจริง ต้องเข้าใจว่าในขณะนี้ สังคมไทยเป็นหลายฝักหลายฝ่าย ฝ่ายที่เชื่ออีกข้างเขาก็ต้องเชื่อไปตามนั้น
ขณะที่กลุ่มคนที่อยู่ตรงกลาง ซึ่งถือว่ามีจำนวนมากมีความสับสนว่าจะเชื่อใครดี แสดงให้เห็นว่าการเมืองไทยขณะนี้มีความล้มเหลว
ถ้าอยากหาความจริงคงต้องค้นหาจากภาคประชาชน แต่ปัญหามีอยู่ว่าความร่วมมือจากภาครัฐมีมากน้อยแค่ไหนด้วย ถ้าอยากให้ประชาชนได้รับรู้ความจริงบ้าง ฝ่ายการเมืองทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลต้องกำหนดกรอบสร้างความชอบธรรมให้กับตนเองให้น้อยลง ถ้ายังยืนยันทำเพื่อตนเองเช่นนี้บ้านเมืองก็จะไปไม่รอด
รวมทั้งต้องสำรวจและประเมินตัวเองด้วยว่าการให้ข้อมูลเป็นความจริงมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะองค์กรอิสระ รวมทั้งหน่วยงานของรัฐ โดยเฉพาะ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ
ส่วนเรื่องข้าวของราคาแพง รวมถึงน้ำมัน จากที่ผมได้ฟังการอภิปรายยอมรับว่า ฝ่ายค้านทำการบ้านมาดีเหมือนกัน ขณะที่รัฐบาลก็เตรียมตัวมา อย่างเรื่องราคาน้ำมันปาล์ม ประเด็นมันอยู่ที่ว่าทำไมถึงปล่อยให้ปัญหานี้เกิดขึ้น ต้องไปดูที่ต้นตอตรงนี้ ที่ผ่านมา ไม่เฉพาะเรื่องปาล์มน้ำมัน แต่รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจอื่นๆ
สุดท้ายแล้ว ภาพรวมการอภิปรายผมดูว่ายังเป็นเรื่องเก่าๆ อยู่ การถามการตอบก็เป็นเรื่องเดิมๆ ไม่มีอะไรที่เป็นเชิงลึก หรือชวนพินิจวิเคราะห์อะไรเลย
ส่วนใครจะถูกจะผิด หรือใครพูดจริงพูดเท็จกว่ากัน ตรงนี้ต้องให้ประชาชนตัดสินซึ่งจะมีผลอย่างมากต่อการเลือกตั้งครั้งหน้า
สมปอง เวียงจันทร์
ประธานคณะกรรมการชีวิตและชุมชนลุ่มน้ำมูน
คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ (คปร.)
การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่มีขึ้น ดิฉันมองว่าไม่ใช่การอภิปรายเพื่อเอาจริงเอาจัง หรือเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง มีแต่อภิปรายเพื่อหักล้าง เพื่อให้ชนะฝ่ายตรงข้าม
โดยเฉพาะการโจมตีในเรื่องส่วนตัวเพื่อหวังคะแนนเสียงเฉพาะในการเลือกตั้งครั้งหน้า จึงคล้ายกับการเล่นตลก การอภิปรายในครั้งนี้จึงดูเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจ
ส่วนเรื่อง 91 ศพในการสลายการชุมนุม ฟังแล้วก็ทำให้รู้สึกว่าไม่สามารถฟังข้อมูลข้อเท็จจริงจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้เลย โดยเฉพาะความจริง หรือพูดง่ายๆ ไม่รู้จะเชื่อใคร
ถ้าทั้ง 2 ฝ่าย ต้องการที่จะนำข้อมูลความจริงมาเปิดเผย ทั้งฝ่ายเปิดประเด็นและผู้ชี้แจงควรนำหลักฐานที่มีอยู่ออกมาชี้แจงอย่างชัดๆ สาวถึงต้นตอที่แท้จริง ที่ผ่านมาดูแล้วหลักฐานข้อมูลต่างๆ ยังไม่ชัดเจน ที่จะสาวไปถึงต้นตอ
กรณีการเสียชีวิตของผู้ชุมนุม ยอมรับว่าเป็นเจตนาที่ชัดเจนที่ผู้กระทำต้องการให้เรื่องนี้เงียบหายไป เพราะที่ผ่านมา โดยเฉพาะกรณีทนายสมชาย นีละไพจิตร ก็มีความพยายามจะทำให้เรื่องนี้หายมาแล้ว
การอภิปรายในครั้งนี้จึงไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย ภาพที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็จะเหมือนกับภาพเก่าๆ ที่เป็นในลักษณะของความต้องการที่อยากให้เรื่องนี้เงียบหายไป ไม่มีความแตกต่างกันเลย
ขณะที่การอภิปรายเรื่องข้าวของแพง จากที่ดูก็มีแต่เรื่องเก่าๆ การชี้แจงก็เรื่องเดิมๆ หนำซ้ำมักจะเน้นการอภิปรายในเรื่องส่วนตัวเสียด้วยซ้ำ ซึ่งไม่เกิดประ โยชน์อะไรต่อประชาชนเลย
ทางที่ดีการอภิปรายควรจะพูดถึงปัญ หาปากท้องของประชาชน รวมทั้งความเป็นอยู่ ความยากจน ตรงนี้จะเกิดประโยชน์มากกว่า
นันทวัฒน์ บรมานันท์
คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิยาลัย
การอภิปรายไม่ไว้วางใจทุกครั้งให้ผลเหมือนๆ กัน คือต่างฝ่ายต่างยกข้อมูลขึ้นมาโดยที่เราไม่รู้ว่าจริง หรือไม่จริง เพราะหลังการอภิปรายแล้วทุกอย่างก็จบลง ผมอยากเห็นสื่อช่วยสานต่อว่าสิ่งที่ฝ่ายค้านยกขึ้นมา และสิ่งที่รัฐบาลชี้แจงแท้จริงแล้วความจริงมันเป็นอย่างไร
อย่างกรณีวางเพลิงเซ็นทรัลเวิลด์ ทั้ง 2 ฝ่ายมีหลักฐานที่ชัดเจน ดูขึงขัง เป็นจริงเป็นจัง แต่ที่สุดแล้วเราก็ไม่รู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร ทางที่ดีคือ สื่อต้องพยายามตามติด อย่างน้อยเพื่อให้ประชาชนรับทราบความชัดเจนทั้งหมดว่าสรุปแล้วเรื่องนี้เป็นอย่างไร
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ควรไปตรวจสอบ แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่ก็อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล ถ้าจะริเริ่มเองก็คงจะลำบาก ต้องให้สื่อช่วย ถ้าพบว่าฝ่ายใดผิด ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย
ข้อมูลที่ทั้ง 2 ฝ่าย นำมาอภิปรายในครั้งนี้ มีความชัดเจนขึ้นกว่าครั้งก่อนๆ เช่น กรณีสลายการชุมมุมมีการเอ่ยชื่อคนนั้นคนนี้ ระบุชนิดปืน ชนิดกระสุน มีการระบุเวลาเป็นวินาที มีพยาน มีสถานที่ ทั้งสองฝ่ายมีเหมือนกันหมดเพียงแต่เป็นคนละแบบ แต่เราไม่ทราบว่าอะไรคือความจริง
ถ้าเทียบกับการอภิปรายครั้งก่อนแน่นอนว่าครั้งนี้ดีกว่าอยู่แล้ว มันมีพัฒนาการขึ้นมาตามลำดับ เมื่อก่อนจะมีแต่เอกสารหนังสือแต่เดี๋ยวนี้มีความซับซ้อน มีรายละเอียดและความน่าเชื่อถือมากขึ้น
อย่างน้อยต้องให้คะแนนเรื่องการเตรียมข้อมูลว่าทำเป็นระเบียบทั้งหมด ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน เตรียมข้อมูลมาอย่างเป็นระบบ ไม่ได้มองว่าใครได้เปรียบ เสียเปรียบ เพราะในฐานะนักกฎหมายเชื่อว่าคนเราสามารถพูดได้ทุกอย่าง จะพูดให้ดูจริงจังขนาดไหนก็ได้
แต่ทำอย่างไรให้ประชาชนรู้ว่า เรื่องที่ฝ่ายไหนพูด เป็นเรื่องที่จริงที่สุด
สันติ วิลาสศักดานนท์
ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการ
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)
ในฐานะประชาชนผมพยายามติด ตามอภิปรายเพื่อฟังข้อมูลเชิงลึกของแต่ละฝ่ายให้มากขึ้น ที่ผ่านมาก็ติดตามการอภิปรายมาโดยตลอด การอภิปรายในครั้งนี้ทั้ง 2 ฝ่ายสามารถหาข้อมูลมาโต้กันได้อย่างมีเหตุผล และมีการเตรียมตัวกันมาเป็นอย่างดี จึงไม่ขอให้คะแนนว่าฝ่ายไหนควรจะได้เท่าไหร่
และจากการติดตามต่อเนื่องพบว่าแต่ละฝ่ายมีข้อมูลที่นำมาอภิปรายที่สูสีกันและคำพูดที่ไม่สุภาพ คำห่วยๆ ที่เคยใช้ในการอภิปราย ในครั้งก่อนๆ มีน้อยมาก
การยกมือประท้วงก็มีน้อยเช่นกัน จึงรู้สึกชอบการอภิปรายในครั้งนี้เป็นพิเศษ เพราะทำให้การติดตามการอภิปรายไม่สะดุด เพราะถ้าประท้วงกันมากๆ จะทำให้คนฟังรู้สึกเบื่อ
สิ่งที่ติดตามเป็นพิเศษในการอภิปรายครั้งนี้ คือในเรื่องของเศรษฐกิจ ราคาสินค้า น้ำมันปาล์ม ในเรื่องของเศรษฐกิจ นายกฯ และรัฐมนตรีแต่ละคนที่ถูกอภิปรายสามารถชี้แจงเป็นอย่างดีในทุกประเด็น
ส่วนนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พา ณิชย์ จะชี้แจงน้อยไปหน่อยและไม่ค่อยคล่อง แต่การชี้แจงดูมีเหตุผลถือว่าผ่าน
คิดว่ารัฐบาลน่าจะสอบผ่านในการอภิปรายครั้งนี้