WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, March 17, 2011

ผิดที่สื่อหรือสาระ โดย กาหลิบ

ที่มา thaifreenews

โดย bozo

เรียบเรียงโดย Nangfa




คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?

เรื่อง ผิดที่สื่อหรือสาระ
โดย กาหลิบ

การเข้าล้อมตรวจค้นและจับกุมแนวร่วมฝ่ายประชาธิปไตยไปส่งให้ตำรวจ
ซึ่งเป็นฝีมือของการ์ด นปช. แดงทั้งแผ่นดินและเกิดขึ้น
เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๔ เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องตั้งสติ
และพิจารณาอย่างรอบคอบ
ขณะนี้แนวร่วมและเครือข่ายของฝ่ายประชาธิปไตยหลายกลุ่ม รู้สึกโกรธเคืองอย่างมาก
เพราะรู้สึกไปว่าสาระในแนวทางหลักของ นปช.ฯ กับแนวทางของตนนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
คำถามว่าจะร่วมมือกันได้อย่างไรในอนาคตจึงเกิดขึ้น

ดีที่ผู้ถูกจับกุม (โดยการ์ด นปช.ฯ ไม่ใช่โดยตำรวจ)
คนหนึ่งเขียนบันทึกเผยแพร่ในเรื่องนี้ไว้โดยละเอียด เล่าให้ฟังหมดว่า
เตรียมเอกสารอะไรและอย่างไร ประสานกับหัวหน้าการ์ด นปช.ฯ ในลักษณะไหน
และถูกตลบหลังโดยการ์ด ๗ คนใช้กำลังเข้าตรวจค้น
และยึดทรัพย์สินของตนอย่างไร

เอกสารที่เตรียมจ่ายแจกจำนวน ๑,๕๐๐ ชุดนี้
มีสาระเกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจในเรื่องประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒
ที่เป็นประเด็นหลักในปัจจุบัน เมื่อถึงพื้นที่รอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ผู้ที่ขนเอกสารไปก็เตรียมแจก การ์ด นปช.ฯ คนหนึ่งเข้ามาห้ามปรามและเกิดถกเถียงกัน
จึงเกิดการนำตัวไป “ขออนุญาต” จากหัวหน้าการ์ด นปช.ฯ
ซึ่งก็ได้รับ “อนุญาต” ทีมผู้แจกเอกสารจึงเดินออกมาเพื่อทำภารกิจของตนเองต่อ
ปรากฏว่า เดินได้ไม่นานก็ถูกล้อมกรอบโดยการ์ด นปช.ฯ จำนวน ๗ คน
กระเป๋าและถุงเอกสารถูกค้น เอกสารถูกยึด
และนักกิจกรรมมาตรา ๑๑๒ กลุ่มนี้ก็ถูกบังคับจับตัวไปพบตำรวจแถวร้านอาหารเมธาวลัย
เพื่อให้จับกุมตัว แต่สุดท้ายตำรวจก็ไม่จับ เพราะไม่เป็นความผิด

หากเราสรุปจะเรื่องนี้ว่า
เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจรัฐโดยตรงไม่เห็นความผิด
ในการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับมาตรา ๑๑๒
แต่ นปช. แดงทั้งแผ่นดินกลับเห็น และแสดงพฤติกรรมหนักหนากว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ
เราคงจะเกิดโกรธเคืองกันเป็นการใหญ่ อย่างที่ผู้คนจำนวนมากกำลังรู้สึกอยู่
แต่ตัวผู้ถูกกระทำเองเขียนบันทึกยืนยันว่า
ใน นปช.ฯ มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการจ่ายแจกเอกสาร
และไม่รู้ว่าสุดท้ายการใช้อำนาจกดขี่ราวกับคนของรัฐและระบอบเก่าที่เกิดขึ้นนั้นเกิดได้อย่างไร

ด้วยหัวใจที่เป็นธรรม เราก็ควรสงเคราะห์เรื่องนี้ว่าเป็นไปได้ทั้งสองทางคือ
สาระในแนวทางของ นปช.ฯ และแนวปฏิวัติไม่ตรงกัน
หรือไม่ก็มีปัญหาการสื่อสารระหว่างคนใน นปช.ฯ ด้วยกัน
จนคนอื่นๆ ต้องลำบากเดือดร้อนไปด้วย แต่เราคงไม่มานั่งวิสัชนากันตรงนี้ว่าทางไหนถูกต้อง

เรากลับขอใช้โอกาสนี้เตือนเพื่อร่วมอุดมการณ์อีกครั้งว่า
อย่าดูถูกดูแคลนการยกระดับความคิดและจิตใจของมวลชนเป็นอันขาด
ภาวะตาสว่างและแนวทางปฏิวัติจะมากหรือน้อยเพียงใดเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
หากหลักฐานในสนามจริงบอกเราว่า
ผู้สนับสนุนสายนี้มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ในอัตราที่มั่นคง
สิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็น “นโยบาย” กำจัดกวาดล้างกันและกันอย่างจงใจ
หรือเป็นการ “เอาใจ” ผู้มีอำนาจไทยที่คอยมองอยู่
หรือ “ช่วยรักษาข้อตกลงระหว่างกันเพื่ออิสรภาพชั่วคราว”
และแม้จะเป็นการสื่อสารที่ขาดตกพร่องภายในขบวนการก็ตาม
สุดท้ายก็จะเกิดผลอย่างเดียวกันคือความร้าวฉาน

เรื่องนี้ผู้นำองค์กรทั้งที่คอยสั่งจากต่างประเทศ
และกลุ่มยืนรอเวลาพูดของตัวเองอยู่แถวๆ เวทีจะต้องร่วมกันรับผิดชอบ
โดยไม่ปล่อยให้เหตุการณ์ในทำนองนี้เกิดขึ้นได้อีก

มวลชนที่ออกมาชุมนุมส่วนใหญ่มาเพราะการจัดการของ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน
ความดีข้อนี้คงไม่มีใครมาหักล้างได้
ยิ่งแกนนำ “ดารา” กลับมาขึ้นเวทีกันเป็นปึกเป็นปั้น
ก็ยิ่งเสริมสีสันอันเร้าใจให้เวทีชนิดที่ค่ายไหนๆ ก็ไม่อาจทาบรัศมีได้
ขอให้แกนนำ นปช.ฯ มีความมั่นใจในตัวเองและไม่ต้องสั่งใครไปทำอะไรเช่นนี้อีก

อย่าให้ความเกรงใจระบอบเก่าล้นทะลักออกมามากนัก
เพราะเพียงไปรับหลักการ “ปรองดอง” จากมือของเขา
เขาก็มีความสุขพอประมาณแล้ว ไม่ต้องไล่ราวีมวลชนของตนเองเป็นพัลวัน
อย่างไรเสียคุณก็ไม่ได้คะแนนรักใคร่เพิ่มเติมจากคนประเภทนี้
เอาเวลาไปห่วงตัวเองเถอะว่า จะถูกตลบหลังจาก “เขา” วันไหนและอย่างไร

มวลชนประชาธิปไตยส่วนใหญ่เขาไม่เลือกว่าเป็น นปช.ฯ แดงสยาม หรือแนวทางใด
เขาสดับตรับฟังทุกด้านและเขาก็ใช้ความคิดของตัวเอง
ถึงเวลานาทีอันเหมาะสมเขาจึงจะสำแดงท่าทีชัดเจนออกมา
และวันนั้นคือวันที่บ้านเมืองจะเปลี่ยน

ทำเวทีประชาธิปไตยให้กลายเป็นสมัชชาความรู้และทัศนะทางการเมืองให้เต็มสูบ

หยุดสกัดกั้นการแสวงหาแนวคิดและความรู้ของมวลชน

แล้วเราจะเป็นเนื้อเดียวกันเมื่อเวลามาถึง.


http://democracy100percent.blogspot.com/2011/03/blog-post_16.html