ที่มา thaifreenews
โดย lovethai
เสื้อแดงแข็งแต่เปราะ – เร่งเจาะคนชั้นกลาง
0 เสื้อแดงต้องประนีประนอมสูงไหม หรือ ต้องลุยอย่างเดียว
คือ การกำหนดทิศทางของการต่อสู้ มันต้องมีความยึดหยุ่น ขบวนการต่อสู้ของเสื้อแดงต้องมีความหยุ่นเหนียวแล้วก็ไม่อ่อนนิ่ม จนไม่สามารถจะแสดงพลังได้ ที่ผ่านมาเราเป็นขบวนที่แข็งเกินไป พอแข็ง เราจึงยืดหยุ่นกับสถานการณ์ไม่ทัน เราจึงปรับตัวรับกับความเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ต่อสู้ได้ยากลำบาก บางทีมันแข็งจนเปราะ แต่ถ้าเรามีความยืดหยุ่น จะทำให้เรารับกับสภานการณ์เปลี่ยนแปลงได้ง่าย และทันกับสถานการณ์มากขึ้นและจะเป็นประโยชน์ในที่สุด เราตัวเล็กกว่า คู่ต่อสู้มากมาย จะชนะแบบผลีผลามไม่ได้
0 ถ้าการชุมนุมปีที่แล้ว ยืดหยุ่นมันจะประสบชัยชนะกว่านี้อย่างนั้นหรือ
คือ มันไปอธิบายอย่างนั้น ไม่ได้ มันก็เหมือนกับการแก้หวยหลังจากหวยออกแล้ว แต่เราพูดได้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันทำให้เราสรุปบทเรียนได้ว่า ต่อไปเราจะเดินอย่างไร
0 ปัญหาของเสื้อแดงที่อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ์ เคยบอกคือ เรื่องความไม่เป็นเอกภาพในหมู่แกนนำ เพราะมีหลายคน เวลารัฐบาลโยนโจทย์อะไรมา มันเลยขยับลำบาก
นั่นแหละ ความหมายของผม คือ ลักษณะนั้น เราเป็นขบวนที่พอแข็งมาก มันรับกับเหตุเปลี่ยนแปลงลำบาก แล้วการต่อสู้ของเราเดินไปข้างหน้า มันจะมีบททดสอบอีกมากมายที่เราต้องปรับกระบวนท่าที่เราต้องยืดหยุ่นในการจัดการกับมันให้ได้ บางเรื่องก็ต้องชนอย่างแข็งกร้าว บางเรื่องก็ต้องรับอย่างละมุนละมัย ต้องมีศิลปะในการจัดการกับการต่อสู้ และส่วนตัวผมนะจะ ต่อสู้อย่างรื่นรมย์ จะไม่เคร่งเครียดกับมัน และผมว่าการต่อสู้ของพวกเราควรจะเป็นแบบนี้
0 แกนนำบางคนดูแข็งไปไหม
ก็..ต้องหล่อหลอมทางความคิดกัน ผมเชื่อว่า เราผ่านเหตุการณ์ปีที่แล้ว ทุกคนควรจะได้รับบทเรียนแล้วก็ควรจะสรุปบทเรียนของตัวเอง แล้วก็ถึงเวลาที่เราจะได้เอามาแลกเปลี่ยนกันว่า ใครได้บทเรียนอะไร แล้วจะสรุปเป็นบทเรียนร่วมกันอย่างไร หลักการของเราต้องยืดหยุ่นและสามารถจะปรับขบวน รับมือกับสถานการณ์เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา คือ เราจะไม่เผชิญกับทุกสถานการณ์ด้วยความแข็งกร้าว นั่นไม่น่าจะใช่วิธีการที่จะได้ผลที่สุด
0 เพราะอะไร หรือเพราะโครงสร้างในสังคมหลากหลาย ชนชั้นกลางมองม็อบอีกแบบ ชนชั้นล่างมองม็อบอีกแบบ เราจึงต้องเข้าได้กับทุกมิติในสังคม
สังคมไทย มันเป็น สังคมที่คนจำนวนไม่น้อย มีความรู้สึกว่า การพูดอะไรให้ดูดี เป็นคนรับผิดชอบต่อบ้านเมือง ทั้งที่สิ่งที่เขาพูดมันไม่ใช่ความจริง แต่กลับมีค่า ทีนี้คนเสื้อแดงเป็นคนที่กล้าพูดความจริงในแง่มุมที่ไม่มีใครกล้าพูด หรือ กล้าหยิบมาอธิบาย ฉะนั้นถ้าเป็นแบบนี้มันก็ต้องมีศิลปะในการอธิบายพอสมควร
0 แล้วเรื่องที่พูด เสียวไหม
ไม่เสียว ตัดสินใจแล้ว ไม่มีกังวล ถ้าคุณตั้งใจจะเดิน คุณต้องเดินอย่างมั่นคงและทรนงองอาจ
0 แต่ต้องเดินแบบมีศิลปะอย่างนั้นหรือ
ถูกต้อง คือ อันไหนที่มันเป็นหลุม หนาม คุณก็ไม่ควรทรนงองอาจถึงขนาดเดินลงไป ถูกมั้ย ก็ต้องมีศิลปะในการอ้อม เลี่ยง แต่ว่า ยังไปสู่เป้าหมายเดิม เป็นไปได้
0 บางกลุ่มที่เป็นแนวร่วมกับนปช. เขาเดินอีกแบบ
ก็ต้องทำงานทางความคิดกัน ไม่เป็นไรหรอก มันเป็นเสรีภาพของกลุ่มที่จะทำ แต่พวกผมก็มีหน้าที่ในการอธิบาย สื่อสารความคิดนี้ เราไม่ได้กำลังสื่อสารกับคนเสื้อแดงอย่างเดียว แต่เราต้องสื่อสารกับคนในสังคมไทยโดยรวมด้วย เราจะชนะได้ก็ต่อเมื่อมีประชาชนเห็นด้วยมากขึ้นๆ ๆๆ และมันมากพอจนเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงได้ เราไม่สามารถที่จะเอาชนะได้ด้วยการทำให้คนเสื้อแดงแกร่งกร้าวขึ้นแล้วก็เดินไปเพียงลำพัง แต่เราต้องชวนเพื่อนพี่น้องคนไทยด้วยกันให้จับมือแล้วเดินไปด้วยกัน ซึ่งก็ต่อเมื่อเขาเข้าใจในสิ่งที่เราพูด เชื่อในเหตุผลที่เราอธิบาย แต่ถ้าเราสื่อสารโดยหวังแต่ว่า ให้คนเสื้อแดงฟังแล้วสบายใจ สะใจ ให้คนเสื้อแดงฟังแล้วโอ้โห นี่คือ ใช่ สุดยอด แต่คนอีกกลุ่มไม่สามารถรับสาร รับเหตุผลที่เรากำลังเดินหน้าอยู่ได้เลย เราก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ
0 คนกลางๆ ที่ไม่เลือกฝ่าย ไม่เอาอะไรเลย คิดว่ามีกี่เปอร์เซ็นเซ็นต์ 50% ถึงไหม
เราต้องชวนเขาเข้ามาด้วย กี่เปอร์เซ็นต์ผมไม่รู้ แต่ว่ามากก็แล้วกัน คือ บางคนอธิบายตัวเองง่ายๆ ว่า โถ่ นี่คือเรื่องการเมือง ทะเลาะอะไรกันไม่รู้ ฉันไม่เอาด้วย และส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลที่ไมได้รับแรงกดดันบีบคั้นจากความไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะคนชั้นกลางโดยเฉพาะคนในเมืองจะมีความรู้สึกว่า อำนาจจะอยู่ที่ใครไม่รู้ แต่ว่า ฉันควรได้รับการเอาอกเอาใจ ได้รับการปกป้อง
0 แต่คนชั้นกลางบางส่วนมองว่า การต่อสู้ของเสื้อแดงเหมือนท้าทายฟ้า ไม่ว่า การใช้คำพูด ใช้สัญลักษณ์ จึงไม่เอาด้วย
ถ้าจะให้อธิบายเพื่อไม่ออกมาสู้ มันอธิบายได้ทุกเหตุผล อธิบายง่ายๆ ก็ได้ว่า ไม่อยากให้บ้านเมืองวุ่นวาย ก็นอนอยู่บ้านได้แล้ว ถูกมั้ย ผมไม่ได้ต่อว่า หรือ ประฌามคนที่ไม่ออกมากับเรา หรือคนที่ไม่มีสี แต่ผมคิดว่า เป็นหน้าที่ของผม ที่จะต้องสื่อสารอธิบายความกับคนกลุ่มนี้ เราโกรธเขาไม่ได้ แต่เราต้องพยายามให้เขาเข้าใจเราให้ได้ เพราะเขาคือคนพวกเดียวกับเรา ไม่ใช่ศัตรู และที่ผ่านมา ก็มีคนหลายคนที่เป็นคนชั้นกลางในเมืองเห็นใจกับชะตากรรมของพวกเราแล้วเดินเข้ามาไม่น้อยนะ นี่ผมออกมาเดินตามห้าง ก็มีคนมาถ่ายรูป เป็นเรื่องที่ผมแปลกใจเหมือนกัน แต่มันไม่พอไง มันจะรอให้เขาเห็นใจในชะตากรรมแล้วเดินเข้ามาไม่ได้ เราต้องทำงานทางความคิดกับเขาให้ได้ ต้องหาช่องทางให้ได้ว่า ทำอย่างไรถึงจะถึงเขา
0 แล้วจะทำอย่างไรเพี่อเข้าถึงคนชั้นกลาง
ก็ไม่รู้ โลกไซเบอร์ ผมก็ทำทุกอย่างแล้วจะต้องมีวิธีในการคัดสรร ย่อยข้อมูลให้ถูกปาก ปรุงข้อมูลให้เขาลิ้มลองได้ เราอธิบายความกับพี่น้องเสื้อแดงก็อาจใช้ข้อมูลแบบหนึ่ง ใช้วิธีการนำเสนอแบบหนึ่ง แต่การอธิบายความกับคนชั้นกลางในเมืองก็ต้องใช้ข้อมูลอีกรูปแบบหนึ่ง เทคนิคการเสนออีกรูปแบบหนึ่งซึ่งต้องค้นหาต่อไป ยอมแพ้ไม่ได้ และวันหนึ่งเราจะทำสำเร็จ เพราะมันเกิดขึ้นมากทุกปี เราต้องการการสนับสนุนจากคนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศนี้เป็นประชาชน ซึ่งวันนี้คนเสื้อแดงไม่ใช่คนชั้นล่างอย่างเดียว แต่ทุกกลุ่มแล้วหล่ะ แต่ว่า ต้องขยายปริมาณให้มากพอสำหรับทุกกลุ่มด้วย
0 แต่คนชั้นกลางในเมืองไม่ชอบการชุมนุมอยู่แล้วไม่ว่าเหลืองหรือแดง เพราะกระทบสิทธิ รถติด
ก็ใช่ อย่างที่ผมบอก ถ้าจะหาเหตุผลที่จะปฏิเสธ มันมีเหตุผลเยอะ รถติด ช็อปปิ้งไม่ได้ ดูหนังไม่ได้เยอะแยะไป แต่เราอย่าไปโกรธเขา ต้องมีหน้าที่เข้าไปในหัวใจเขา
0 อย่างนี้ถ้ามีการชุมนุมยืดเยื้อก็ไม่ดีซิ
ไม่แน่.... คุณต้องเข้าใจว่า เมื่อเกิดไฟในหัวใจประชาชน เมื่อติดแล้ว มันสามารถแสดงพลังออกมาไม่ได้อย่างไม่จำกัด จนกว่าจะได้ชัยชนะ คุณไม่เห็นอียิปต์ ลิเบียหรือ สู้กันมา บาดเจ็บล้มตายอย่างไร แต่ว่าไฟแห่งความเปลี่ยนแปลงมันลุกโชนแล้ว มันไม่ดับ
ผมดูในอินเตอร์เน็ต เข้าไปตามห้องที่คนหนุ่มสาว เขาสื่อสารและก็เฝ้ามองว่า เขาคุยกันเรื่องอะไร ผมสรุปได้ว่า คนชั้นกลาง หรือ คนหนุ่มสาวในสังคมไมได้ปฏิเสธเรื่องการเมืองนะ หรือ ตั้งกำแพงนะ แต่เขาจะเลือกรับในวิธีการที่เขาพอใจ เช่น ถ้าเราอธิบายความว่า ในทฤษฎีการเมืองมันมีอย่างนี้ เขาอาจจะไม่สนใจฟัง แต่ถ้าปรุงอาหารจานนี้มีสีสัน ฉูดฉาดน่าสนใจ ใช้วิธีการนำเสนอ ทีเกี่ยวข้องกับความสนใจของเขาบ้าง ผมว่า มันจะค่อยๆ เป็นไปได้ แต่ไม่ใช่ว่า ผมจะทุ่มเทกับเรื่องนี้ทั้งหมดนะแต่ก็เป็นแนวรบที่ควรทำ
# เสื้อแดงลงพท.- อย่ากลัวเงาตัวเอง
0 เรื่องแกนนำเสื้อแดงที่ตัดสินใจลง ส.ส.เพื่อไทย เห็นคุณขวัญชัย สารคำบอกว่า เป็นมติตั้งแต่อยู่ในคุกว่า 7 แกนนำจะลงสมัครสส.กันหมด
มันไม่ได้มีมติกัน เราก็พูดคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ เพราะเราอยู่มา 9 เดือน แต่ไม่มีข้อสรุป วันนี้คนที่ลงสมัครก็มีผม สมชาย ไพบูลย์ เจ๋ง ดอกจิก ก่อแก้ว พิกุลทอง เพราะพวกเราเป็นสมาชิกพรรคกันมาตั้งแต่แรก เมื่อผมออกมา ผมเป็นคนเสนอเป็นยุทธศาสตร์การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงเพื่อเดินเข้าสู่สนามเลือกตั้ง ผมเสนอว่า เราต้องเปลี่ยนพลังเป็นคะแนน แล้วเอาคะแนนมาเป็นพลัง หมายความว่า ก่อนที่จะถึงวันเลือกตั้ง พลังของคนเสื้อแดงทุกเม็ดต้องเอามาเป็นคะแนน สนับสนุนฝ่ายพรรคการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย คือ เพื่อไทย และหลังเลือกตั้งคะแนนที่ได้ก็จะเป็นพลังในการกำหนดเจตนารมณ์ของประชาชน
0 แกนนำส่วนอื่นเข้าใจหมดไหม
ผมคิดว่า หลายคนคงเห็นเหมือนกัน แต่ว่ายังไม่ได้คุยกันเป็นเรื่องราว แต่ผมคิดว่า มันจะต้องเดินไปแบบนี้
0คนเพื่อไทยบางส่วนไม่อยากให้แกนนำเสื้อแดงมาลง ส.ส.เพื่อไทย เพราะจะทำให้เพื่อไทยยับเยิน พรรคจะไม่ได้แนวร่วมกับคนชั้นกลาง เวลาแกนนำปราศรัยก็เสี่ยงผิดกฎหมายเลือกตั้ง
เรื่องข้อกังวลมันมีหมด แต่ต้องตั้งสติว่ามันเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า เรากลัวเงาตัวเองหรือเปล่า เราตกใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายพยายามสร้างให้เป็นกระแสหรือไม่ อย่างพวกผม ก่อนจะเป็นคนเสื้อแดงก็เป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยตั้งแต่ต้น เป็นผู้สมัครของพรรค และก็ทำงานให้กับพรรคและที่เดินมาตลอดซึ่งก็ไม่ได้เป็นความลับว่า ผมอยู่ในพรรคนี้ เขาเป็นรัฐบาลผมก็เป็นโฆษกรัฐบาล ก็มันไม่ได้มีเรื่องอะไรที่ลึกลับซับซ้อนอะไร
0 คงกลัวว่า แกนนำทุกคนจะเข้าสมัครเป็น ส.ส.เพื่อไทยกันหมด
บางคนเขาก็ไม่ได้มีความสนใจมในระบบการเมือง เขาจะต่อสู้ในนามประชาชนกันต่อ
0ห่วงไหมกับเสียงวิจารณ์สู้แทบตายก็เพื่อมาเป็น ส.ส.
พวกผมไม่ลง ส.ส.ก็ถูกโจมตีว่า ทำไมไม่ไปเล่นการเมืองในระบบ ทำไมมาเล่นข้างถนน ถ้าคุณเดินกลางแจ้ง แล้วกลัวแสงแดด อย่าออกมาเดิน ผมออกมาสู้อย่างนี้ ผมเดินกลางแจ้ง แสงแดดมาสาดส่องผม แต่ถ้าเรารู้ว่า เราจะเดินไปทางไหนอย่างมั่นคงในทิศทางและเป้าหมายก็เดินไป
0 ถ้าเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล จะมีการชุมนุมของเสื้อแดงไหม
ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ อย่างที่ผมบอก นักการเมืองต้องแบ่งเบาภาระประชาชนในการทำหน้าที่ ทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย ถ้าสมมติว่าเพื่อไทยประกาศจุดยืนเคียงข้างประชาชนชนะท่วมท้นสมมติว่า เป็นรัฐบาลพรรคเดียว แต่ไม่มีปัญญาทำอะไรเลย งอมืองอเท้าให้อำนาจนอกระบบจัดการ คุณว่า พรรคการเมืองแบบนี้น่าจะได้รับโอกาสจากประชาชนบ่อยๆ ไหม มันก็ไม่ใช่ ฉะนั้น ผมยังหวังใจว่า หลังการเลือกตั้ง งานของคนเสื้อแดงจะเบาลง เบาลงด้วยอำนาจรัฐที่มาจากประชาชนรับภาระไปขับเคลื่อน
0 7 แกนนำจะรวมกันสู้ตลอดหรือไม่ เห็นว่า บางคนขยาดเพราะกลัวถูกถอนประกัน
คือ ความกังวล หรือ วิตกต่อชะตากรรมข้างหน้ามันอาจจะเกิดขึ้นได้กับทุกคนเป็นเรื่องธรรมดา แต่มันจะส่งผลขนาดว่า คุณยุติการต่อสู้เลยหรือไม่ มันจะส่งผลให้คุณเดินออกจากขบวนเลยหรือไม่ สำหรับผมที่สัมผัสพวกเขามา 7 คน ผมไม่เชื่อว่า ใครจะถอย ผมมั่นใจอย่างนั้น
0 ตอนออกจากเรือนจำวันแรกเป็นไง
จตุพรไปบ้านผมถึงตี 5 แกคงคิดถึง ทีนี้ภรรยาผมก็แกล้งว่า นี่คนเขาติดคุกมา 9 เดือนเขาจะอยู่กับลูกเมีย กลับได้แล้ว จตุพรบอกไม่กลับ จะอยู่นี่ก็เลยคุยกันยาว คือ มันสู้กันมาเป็นพี่เป็นน้องกัน มันห่วงใยกัน ออกมาก็ดีใจเลยนั่งคุยกัน พี่ตู่ก็ถามเป็นไงบ้าง แข็งแรงไหม แต่ผมบอกเขาตั้งแต่ 4 เดือนแรกที่อยู่ในเรือนจำ ผมก็บอกว่า เราอยากออกไป แต่อย่าเอาอิสรภาพของผมไปแลกกับข้อตกลงใดๆ ที่ไปทำลาย และก็มีคนพยายามช่วยให้เราได้รับประกันตัว แต่ว่า ไม่มีเงื่อนไขหรือข้อตกลงพิเศษใด ๆ
# เบื้องหลังนัดสลายชุมนุม – ปริศนชายชุดดำ?
0 การเจรจาวันสุดท้ายก่อนสลายการชุมนุม19 พ.ค. 2553 เป็นอย่างไร
การเจรจามีขึ้นตลอด ผมเป็นคนเจรจาจนวินาทีสุดท้าย โทรตาม พี่อู๋ (พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.สรรหา) มาเจรจาและนัดกับผม ถึงขนาดที่ว่า ให้วันที่ 19 พ.ค. ตอนเช้าประธานวุฒิสภา ประสพสุข บุญเดช นั่งเป็นคนกลาง เอารัฐบาลมา เอาผมไปคุยกันที่สภา ตกลงกันแบบนั้น แต่รัฐบาลบุกเข้ามาเช้า ผมโทรหาพี่อู๋ พี่อู๋ก็งง แกบอกไม่รู้เหมือนกันว่า ตกลงกันแล้วทำไมถึงเป็นอย่างนี้ คือ รัฐบาลมีแนวคิดจะปราบตลอดเวลา
ผมถามตลอดว่า ไหนๆ สว.ก็มาแล้ว ก็คุยอีกวันได้ไหม 19-20 พ.ค. ทำไมต้องรีบฆ่าทั้งที่เวทีเจรจาอยู่ บางคนบอกว่า รัฐบาลเขาก็มีสิทธิ์เพราะคุยอย่างไรก็ไม่รู้เรื่องเพราะคุณไม่ยอมจบ คุณฯคิดอย่างนั้นแล้วคุณฆ่าเพิ่ม คิดอย่างนั้นได้หรือ การเจรจามันมีค่ามาก มันอยู่ที่ว่า คุณมองเราเป็นอะไร
0 ตอนประกาศสลายการชุมนุม มีเสียงระเบิดแถวหน้าเวที เห็นแกนนำบนเวทีหลบกันเป็นแถว เกิดอะไรขึ้น
ผมไม่รู้ว่า ใครยิงตรงไหนอย่างไร แต่ว่ามีเสียงปืนเสียงระเบิดดังอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าย้อนเหตุการณ์ไปได้ในวันนั้น ผมจะไม่ยอมไปสถานีตำรวจแห่งชาติเด็ดขาดจนกว่า พี่น้องผมจะออกจากบริเวณนั้นไปแล้ว เพราะผมไม่นึกว่า ที่วัดปทุมฯจะมีการฆ่ากันอีก 6 ศพ ผมเจ็บปวดมากเพราะผมเป็นคนบอกให้เขาไปอยู่วัดปทุมฯเพื่อรอเดินออกไปสนามศุภชลาศัย ตอนนั้น ดร.โคทม อารียา ครูหยุย เสนอว่า ให้วัดปทุมฯเป็นเขตอภัยทาน แล้วผมก็รับข้อเสนอ และพอยุติการชุมนุมผมจึงประกาศให้เขาไปที่นั่น แล้วปรากฎว่า เย็นนั้น ฆ่าอีก 6 ศพ
0 แล้วใครพาแกนนำให้มอบตัวที่สตช.
ก็ผมไปมอบตัวไง เราก็ประสานกับตำรวจว่า เราจะไปมอบตัวที่สตช.เพราะตำรวจเขาบอกว่า เดี๋ยวพี่น้องเราตำรวจจะเอารบัสไปส่งภูมิลำเนา ผมก็นึกว่าเหมือนปี 2552 ที่ผมไปยืนส่งพี่น้องที่ลานพระบรมรูปทรงม้าแล้วเขาก็เอารถบัสมารับ ผมก็นึกว่าเหมือนแบบนั้น ไม่นึกว่าการไปอยู่ในวัดปทุมฯมันออกมาไม่ได้เพราะมีคนยิงดักอยู่ตลอด ซึ่งมันเป็นเหตุการณ์ที่อำหมิตกว่าที่เราจะจินตนาการได้ จึงอธิบายได้ว่า รัฐบาลมีความคิดที่จะใช้กำลังอยู่ตลอดเวลา
0 ชายชุดดำในสายตาของณัฐวุฒิคือ ใคร
ผมไม่รู้.. ผมอยากจะถามรัฐบาลเหมือนกัน เพราะรัฐบาลยืนยันว่าตลอดว่า มี ฉะนั้นผมอยากรู้ว่า มีตัวตนไหม ผมอยากรู้ว่า สิ่งที่ชายชุดดำทำมีอะไรบ้าง
0 สิ่งที่ชายชุดดำทำ พยายามช่วยเสื้อแดง ซึ่งก็ไม่รู้เป็นใคร
คือ รัฐบาลลงบัญชีทุกอย่างไว้ที่ชายชุดดำ รัฐบาลชี้มือและฉายไฟไปที่ชายชุดดำว่า เป็นคนทำให้เกิดความรุนแรง ความวุ่นวายทุกอย่าง แต่ไม่เคยมาอธิบายว่า ใครคือ ชายชุดดำ ฉะนั้น เมื่อรัฐบาลเริ่มต้นมาทั้งหมด ผมก็รอดูจากรัฐบาลว่า ชายชุดดำคืออะไร
0 เสธ.แดงมีแนวคิดเรื่องการใช้ความรุนแรง แก้วสามประการ และเคยประกาศจะเทคโอเว่อร์แกนนำในช่วงที่แกนนำเห็นแตกแยกเรื่องวันยุบสภา
คือ รัฐบาลใช้วิธีการกล่าวหาแบบนี้ไม่ได้ ต้องเอาข้อเท็จจริงมาอธิบาย ก็นี่ไงคุณจับ และฟ้องคดีก่อการร้าย 19 คน ก็เอาหลักฐานมาซิ ใครเป็นชายชุดดำ นายณัฐวุฒิ หรือเปล่าหรือใคร ชายชุดดำควรจะเป็นผู้ก่อการร้ายด้วยหรือไม่ แต่วันนี้มันไม่มี แล้วคุณจะเอาสิ่งที่รัฐบาลกล่าวหา และผมต่อสู้อยู่มาให้ผมมาอธิบายแทนรัฐบาลว่า เป็นใคร ผมอธิบายไม่ได้ คุณอภิสิทธิ์ต้องมีหน้าที่อธิบาย
ทีนี้ชายชุดดำ เป็นพวกเดียวกับที่นอนตายกลางถนน แถวบ่อนไก่ ซ.รางน้ำ แยกคอกวัว ที่มือเปล่าๆ มีหนังสติ๊กไหม หรือชายชุดดำ ไมมีใครตายเลย แล้วคนพวกนั้นถูกยิงทำไม ผมจึงไม่รู้
0 เป็นไปได้ไหมว่า เป็นทหารที่อยู่คนละขั้วกัน
ผมไม่ทราบ แต่ว่า มีคนไม่พอใจรัฐบาล ไม่พอใจสิ่งที่อำนาจนอกระบบทำในประเทศไทยมี แต่มีแล้วจะเป็นชายชุดดำหรือไม่ ไม่ทราบ ผมถึงบอกว่า บางทีมันไม่ต้องคิดถึงเรื่องนิรโทษกรรมอย่างเดียว ก็เอาความจริงมาให้ปรากฎ มันก็นำไปสู่ความปรองดองได้ คุณอธิบายซิว่า ที่ประชาชนตาย 90 ศพ เป็นชายชุดดำทั้งหมด คุณไม่รู้สึกหรอว่า ในการต่อสู้ระหว่างประชาชนกับอำนาจรัฐ มันจะมีวาทกรรม ข้อกล่าวหาแบบเดียวกันในทุกประเทศ คุณไปดูกัดดาฟี่ผู้นำลิเบีย บอกว่า กลุ่มที่มาต่อต้านเขารับจ้างมา เป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายจะมาทำลายบ้านเมือง คุณเห็นไหมว่า ข้อกล่าวหาของกัดดาฟีต่อประชาชนผู้ต่อต้าน กับ ข้อกล่าวหาของอภิสิทธิ์เป็นข้อกล่าวหาเดียวกัน ฉะนั้น สูตรนี้จึงเป็นสูตรสำเร็จของผู้มีอำนาจทั่วโลกที่จะกล่าวหาเพื่อทำลายขบวนการต่อต้าน
0 เวลาขึ้นบนเวทีเราพูดอะไรที่เป็นการปลุกระดม จนมวลชนที่ฟังเราไปไกลกว่าที่เราคิด มันทำให้บางสถานการณ์มันเลยต่อสู้คับขันขึ้นมา
เป็นไปได้ในเรื่องอารมณ์ความรู้สึกของผู้คน แต่ละคนจะมีภาครับ ภาคการแสดงออกไม่เท่ากัน เป็นไปได้ ก็เป็นเรื่องที่แกนนำจะต้องคุมทิศทางหลักให้ได้ คุมจิตวิญญาณของการต่อสู้ให้ได้
0 จุดที่คุณถูกโจมตีคือเรื่องที่เคยให้ “เผา” เรื่องคำพูด “ตกใจ” ถ้าทหารมาแล้วเรา ตกใจก็ให้เข้าไปในห้าง ขอคำอธิบายอีกครั้ง
เอาข้อเท็จจริงก่อน ที่พูดว่า เผา ผมพูดที่จันทุบรี เดือนม.ค. มันไม่เกี่ยวกับสถานการณ์นี้เลย แต่รัฐบาลก็เลือกหยิบมาอธิบายให้ตัวเองได้ประโยชน์ ตอนที่ผมพูด ผมวิเคราะห์จากสถานการณ์การเมืองว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง และถ้าเกิดการยึดอำนาจ ก็ให้ต่อต้าน และตอนที่พูดก็ยังไม่มีใครรู้เลยว่า นัดชุมนุมใหญ่วันที่เท่าไร จะมีผ่านฟ้า ราชประสงค์ไหม ส่วนเรื่องตกใจ ไปดูเนื้อเต็มๆ ฟังทั้งหมด ก็จะเข้าใจว่า ไม่อยากให้ทำแบบนี้ และเราอย่าไปทำ แต่ที่พูดเพื่อจะบอกทหารว่า อย่ามาสลายการชุมนุม คือ มันเป็นสีสันส่วนหนึ่งของการปราศรัย แต่เมื่อพูดแล้ว ผมก็อธิบายตามหลังว่า เป้าหมายจริงๆ ที่พูดคืออะไร แต่ก็ ตัดต่อท่อนเดียวนี่ ผมไม่กังวล สู้กันแฟร์ๆในศาล ส่วนเรื่องเผา ประชาธิปัตย์ยังกล่าวหาเดี๋ยวนี้ว่า ผมสั่งให้คนเผาห้าง ทั้งที่ไม่เกี่ยวกันเลย
(ที่มา โพสต์ทูเดย์ , 12 มีนาคม 2554)
บทสัมภาษณ์“ณัฐวุฒิ”ตอน ๑.:ถ้าอำนาจพิเศษไม่หยุดบงการตั้งรัฐบาล ประชาชนจะไม่ฟังใครอีก
http://www.tfn4.info/board/index.php?PHPSESSID=f881892476e5e7d74cce04f9d16f8322&topic=22260.0