ที่มา มติชน
เว็บ ไซต์ Globalfirepower.com จัดอันดับความเข้มแข็งทางการทหารของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกในปี 2554 โดยคำนวณจาก 45 ปัจจัย ซึ่งรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ โดยไม่นับรวมความสามารถในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ แต่เลือกเปรียบเทียบเฉพาะความพร้อมและความสามารถในการรบเมื่อต้องทำสงคราม ตามแบบทั้งภาคพื้นดิน ในทะเลและในอากาศ
นอก จากนี้ยังพิจารณาจากความสามารถการส่งกำลังบำรุง ปัจจัยทางการเงินในการทำสงคราม ซึ่งตัวเลขเหล่านี้อาศัยข้อมูลจริงและการประเมินตามหลักสถิติ พบว่า กองทัพไทยอยู่อันดับ 19 สูงขึ้นกว่าปีก่อนซึ่งอยู่อันดับ 28 ของโลก และครองอันดับ 8 ของเอเชียโดยเป็นรองจีน อินเดีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อิหร่าน ไต้หวัน และอินโดนีเซีย
เว็บ ไซด์ ดังกล่าวอ้างตัวเลขจากห้องสมุดรัฐสภาอเมริกันและสำนักข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ ระบุว่า ในปีนี้ ไทยมีงบประมาณกลาโหม 5,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (156,000 ล้านบาท) และเมื่อแยกเป็นรายกองทัพ พบว่า ไทยมีกำลังทหารที่พร้อมรบ 305,860 นาย และกำลังสำรองที่พร้อมรบ 245,000 นาย โดยกองทัพบกมีรถถัง 542 คัน ยานลำเลียงพลหุ้มเกราะ 1,005 คัน ปืนใหญ่ชนิดลากจูง 741 กระบอก ปืนใหญ่อัตตาจร 26 กระบอก ระบบจรวดหลายลำกล้อง 60 ชุด ปืนค. 1,200 กระบอก อาวุธนำวิถีต่อสู้รถถัง 818 ชุด อาวุธต่อสู้อากาศยาน 378 หน่วย และยานยนต์ส่งกำลังบำรุง 4,600 คัน
กองทัพอากาศ ไทยมีเครื่องบินแบบต่าง ๆ 913 ลำ เฮลิคอปเตอร์ 443 ลำ และ เครื่องบินบริการ 105 ลำ ขณะที่ราชนาวีไทย มีเรือทั้งสิ้น 164 ลำ แยกเป็นเรือบรรทุกอากาศยาน 1 ลำ เรือฟริเกต 6 ลำ เรือยามฝั่งและเรือตรวจการณ์ 109 ลำ เรือทำสงครามทุ่นระเบิด 7 ลำ และเรือสนับสนุนการยกพลขึ้นบก 9 ลำ นอกจากนี้ไทยมีกองเรือพาณิชย์นาวี ประกอบด้วยเรือทั้งสิ้น 382 ลำ และท่าเรือสำคัญ 5 แห่ง
สำหรับ กองทัพอันดับ 1 ของโลกในปีนี้ ยังคงเป็นสหรัฐฯ ส่วนอันดับรองลงมาคือ รัสเซีย จีน อินเดีย และอังกฤษ ชาติในเอเชียที่ติดอยู่ 10 อันดับแรกของโลกมีถึง 4 ประเทศ คือ จีน อินเดีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ส่วนในอาเซียน อินโดนีเซีย และไทย อยู่อันดับ 18 และ 19 ฟิลิปปินส์อยู่อันดับ 23 และมาเลเซียอยู่อันดับ 27