ที่มา ประชาไท
ตัว แทน ส.ป.ก.ลุยแจ้งความบริษัทจิวกังจุ้ย ผิดละเมิดคำสั่งศาลห้ามทำการใดๆ ที่ทำให้เกินผลเสียหายต่อพื้นที่ ส.ป.ก. เข้าขุดดินเป็นร่องคูแบ่งแนวเขต หวังขายเปลี่ยนมือ
วัน ที่ 19 กรกฎาคม 2554 เมื่อเวลา 14.00 น.นายฉลอง มณีโชติ หัวหน้า ปฏิรูปที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ชัยบุรีว่า ได้มีการซื้อขายพื้นที่ของ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) และได้ทำลายพื้นที่ให้เสียหาย จากนั้น เจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมกำลังตำรวจกว่าสิบนายได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว และได้พบรถบรรทุกสิบล้อ 1 คัน รถแบคโฮ 1 คัน และรถไถ 1 คันพร้อมคนขับ ตำรวจจึงได้จับกุมและเชิญตัวไป สภ.ชัยบุรีเพื่อดำเนินคดี
เมื่อ เวลา 18.00 น.นายฉลอง ในฐานะตัวแทนของ ส.ป.ก.จังหวัดสุราษฏร์ธานี เข้าให้ปากคำกับร้อยเวร สภ.ชัยบุรีเพื่อลงบันทึกประจำวัน ถึงกรณีนี้ว่า บริษัทจิวกังจุ้ยพัฒนา จำกัด มีเนื้อที่ 1,051 ไร่ เป็นบริษัทที่ ส.ป.ก.ฟ้องขับไล่ให้ออกจากพี้นที่ ส.ป.ก. แต่บริษัทได้ยื่นอุทธรณ์ผลอาสินไว้กับศาลภาคแปด อย่างไรก็ตาม บริษัทได้กระทำผิดต่อคำสั่งศาลนอกจากนั้นยังละเมิดคำสั่งศาลที่ระบุว่าห้ามทำการใดๆ ที่ทำให้เกินผลเสียหายต่อพื้นที่ ส.ป.ก. โดยบริษัทได้ว่าจ้างให้ไปขุดดินเป็นร่องคูแบ่งแนวเขต เพื่อทำการขายเปลี่ยนมือ
คดีนี้นายฉลองได้แถลงว่าจะดำเนินคดีในฐานทำลายทรัพย์ให้เสียทรัพย์
ทั้ง นี้ ในปี 2551 ส.ป.ก.ได้กำหนดมาตรการที่จะดำเนินการกับผู้ครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินใน เขตปฏิรูป 4 กลุ่ม คือ1.กลุ่มเกษตรกรรายแปลง ที่ได้รับการจัดที่ดินจาก ส.ป.ก.ไปแล้วจำนวน 1.69 ล้านราย เนื้อที่กว่า 27.6 ล้านไร่ โดยจะเร่งเจรจาลดขนาดการใช้ประโยชน์ที่ดินรายแปลงตามศักยภาพของเกษตรกร พร้อมดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบ หากตรวจพบว่ามีการโอนเปลี่ยนมือหรือไม่เข้าทำประโยชน์2.กลุ่มหน่วยงานภาครัฐ ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดิน เพื่อกิจการสาธารณูปโภค เช่น ขอใช้ที่ดินสร้างสถานที่ราชการ สถานศึกษา วัด ฯลฯ หากตรวจสอบพบว่า มีการใช้ประโยชน์ไม่เต็มพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตหรือใช้ผิดวัตถุประสงค์ จะสั่งเพิกถอนการอนุญาตหรือลดขนาดพื้นที่
3 กลุ่มภาคเอกชน ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ ในที่ดินเพื่อกิจการสาธารณูปโภค หรือกิจการเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดิน หรือได้รับความยินยอมให้ใช้ทรัพยากรธรรมชาติในเขตปฏิรูปที่ดินตามกฎหมายอื่น เช่น การขอสำรวจแร่ ทำเหมืองแร่ หากพบว่าใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์ หรือก่อให้เกิดผลกระทบต่อเกษตรกรและ สิ่งแวดล้อม จะดำเนินการเพิกถอนทันที 4 กลุ่มเกษตร/บุคคล ที่ไม่เข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดิน เช่น นายทุนที่ถือครองที่ดินแปลงใหญ่ จะเร่งเจรจาและดำเนินการตามกฎหมาย ดังนั้น จึงขอความร่วมมือผู้ถือครองที่ดินแปลงใหญ่ในเขตปฏิรูปที่ดิน ให้เข้าร่วมกระบวนการปฏิรูปเพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย