ที่มา Thai E-News
ภาพ ข่าวพระราชกรณียกิจส่วนพระองค์ ขณะสำราญพระราชหฤทัยนำคณะข้าราชบริพารเก็บผลราลสเบอร์รี่ สตรอว์บอรี่ ที่ Abensberg เขต Kelheim แคว้น Bayern หรือบาวาเรีย ห่างจากมิวนิคประมาณ 70 กม. เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา (ที่มา:หนังสือพิมพ์Wochenblatt ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ในเขตตะวันออกของบาวาเรีย)
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
19 กรกฎาคม 2554
เวบไซต์หนังสือพิมพ์Wochenblatt ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ในเขตตะวันออกของบาวาเรีย รายงานข่าวพระราชกรณียกิจ การเสด็จเป็นการส่วนพระองค์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมารว่า เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา เมืองเล็กๆแห่งนี้ได้มี คณะของสมเด็จพระยุพราชของไทยมาเก็บลูกสตรอเบอร์รี่และราสเบอร์รี่ราว 60 กิโลกรัม
คณะของพระองค์ท่านมีรถยนต์สีดำจำนวนหลายคันเดินทางมาในช่วง บ่าย รถในขบวนประกอบไปด้วยรถตู้ที่มีหน้าต่างสีดำนับสิบคัน, saloons 2 คัน,พระราชพาหนะ 350 Roadster SLK ของมกุฎราชกุมารแห่งประเทศไทยพร้อมข้าราชบริพารผู้ติดตามพระองค์
คณะ ของพระองค์ท่านทรงใช้วโรกาสดังกล่าวในสวนสตรอเบอร์รี่และราสเบอร์รี่ อย่างทรงพระเกษมสำราญนานกว่า 2 ชั่วโมง สำหรับสมเด็จพระบรมฯนั้นทรงมีพระเก้าอี้นั่งสำราญพระราชหฤทัยในพระราชอุทยาน สตรอเบอร์รี่ และมีราชองครักษ์ 15 คนคอยถวายอารักขา หลังจากเก็บได้สำหรับกระเช้าที่บรรจุได้ขนาดอันละแปดกิโลกรัมของราสเบอร์รี่ และสตรอเบอร์รี่ เก็บได้ทั้งสิ้น 60 กิโลกรัม บรรดาข้าราชบริพารที่คึกคักทั่วหน้าในสวน (ที่พวกเขาเชียร์เสียงดังที่เก็บได้ผลเบอร์รี่ขนาดใหญ่เป็นพิเศษ)
ทั้ง นี้ในระยะ 2 ปีที่ผ่านมา สมเด็จพระบรมฯทรงได้เสด็จพระราชดำเนินมายังเยอรมนีเป็นการส่วนพระองค์จนพระ ราชจริยวัตรปกติแล้ว จากรายงานของหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ทรงนำราชพาหนะเบ๊นซ์เก็บที่ปลอดภัยไม่ให้ถูกยึดอีก
ข่าว ที่โทรทัศน์ของเยอรมันนำเสนอ ในท้ายข่าวนี้จะเห็นพระราชพาหนะเมอร์ซีเดสเบ๊นซ์SLKของสมเด็จพระบรมฯอยู่ ด้วย สื่อเยอรมันรายงานว่า ทรงนำไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัยแล้ว
เยอรมนี ตัดสินกรณีอายัดโบอิ้ง 737 วันที่ 20 ก.ค.นี้
นาย คริสตอฟ เฟลล์เนอร์ รองประธานศาลแขวงแลนด์ชัต เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี เปิดเผยว่าจะยังไม่ตัดสินคดีอายัดเครื่องบินโบอิ้ง 737 ส่วนพระองค์ หลังจากบริษัทวอลเตอร์ บาว ได้ร้องขอให้อายัดเครื่องบินลำดังกล่าว เพราะเข้าใจว่าเป็นเครื่องบินของรัฐบาลไทย โดยจะตัดสินภายในวันพุธที่ 20 ก.ค.นี้เวลาประมาณ 05.00น.ตามเวลาประเทศไทย ทั้งนี้ เพื่อให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายมีโอกาสชี้แจงคือฝ่ายของบริษัทวอลเตอร์บาวและ ฝ่ายรัฐบาลไทย
ความล่าช้าในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวของรัฐบาลไทย อาจเสี่ยงที่จะกระทบกระเทือนต่อพระเกียรติยศ ซึ่งทำให้พสกนิกรชาวไทยไม่สบายใจอย่างยิ่ง เพราะตอนนี้สื่อของเยอรมันรายงานว่า มีความกังวลว่าอาจจะมีการอายัดพระราชทรัพย์อื่นๆ จนทำให้พระองค์ท่านต้องทรงแก้ไขปัญหาด้วยพระองค์เอง
เวบไซต์ Interaksyonรายงาน พระราชภารกิจในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร ว่า มกุฎราชกุมารของไทยได้ทรงนำรถยนต์เมอร์ซิเดสเบ๊นซ์ของพระองค์ไปเก็บรักษาไว้ ในที่ปลอดภัย เพื่อไม่ให้เยอรมนีอายัดพระราชทรัพย์อีก หลังจากทางการเยอรมนีได้อายัดเครื่องบินของพระองค์ไว้ที่สนามบินมิวนิกเมื่อ สัปดาห์ก่อน ทั้งนี้จากการรายงานของหนังสือพิมพ์ Bild am Sonntag weekly สื่อของเยอรมัน
เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ มกุฏราชกุมารผู้ทรงมีสิทธิในการสืบทอดพระราชสมบัติได้"เก็บ"พระราชพาหนะ เมอร์ซิเดสเบ๊นซ์SLKในที่จอดรถส่วนพระองค์ ณ โรงแรมหรูแห่งหนึ่งของมิวนิค ทางตอนเหนือของเยอรมัน และมีบอดี้การ์ดร่วม 10 คนคอยเฝ้ารักษา หนังสือพิมพ์ระบุ
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช พระชนมายุ 58 ชันษา เพิ่งใช้พระราชวโรกาสมาเก็บผลสตรอเบอรี่ในเยอรมัน โดยใช้พระราชพาหนะเมอร์ซีเดสเบ๊นซ์ดังกล่าวไปยังพื้นที่แห่งนั้น
ฐมนตรีว่าการฯ ถวายรายงานความคืบหน้ากรณีศาลเยอรมนีมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สินรัฐบาลไทย
เวบไซต์กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยในวันนี้(18 กรกฎาคม) ว่าเช้าวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ที่ท่าอากาศยานแฟรงเฟิร์ต เยอรมนี นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เพื่อถวายรายงานเกี่ยวกับการดำเนินการทั้งทางด้านการทูตและทางด้านกฎหมาย กรณีศาลเยอรมนีมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สินรัฐบาลไทย ซึ่งนำไปสู่การอายัดเครื่องบินพระที่นั่ง ซึ่งจอดอยู่ที่ท่าอากาศยานนครมิวนิค ตั้งแต่วันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๔ สาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พบหารือกับรักษาการรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี (นาง Cornelia Pieper) และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี (นาย Werner Hoyer) ที่กรุงเบอร์ลิน ซึ่งรัฐมนตรีฯ ได้แสดงความกังวลอย่างยิ่งและย้ำถึงความละเอียดอ่อนของการดำเนินการของฝ่าย เยอรมนีในเรื่องนี้ ซึ่งถือว่าเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงที่มีการอายัดเครื่องบินลำดังกล่าว ซึ่งเป็นเครื่องบินส่วนพระองค์ มิใช่ทรัพย์สินของรัฐบาลไทย จึงจำเป็นที่ทั้งสองฝ่ายต้องร่วมกันหาทางแก้ไขโดยทันที
โดยพิจารณา ถึงประเด็นความสำคัญทางการเมืองและกฎหมายควบคู่กัน ซึ่งทางฝ่ายเยอรมนีรับทราบข้อห่วงกังวลของไทยและเห็นพ้องว่าไม่ควรให้เรื่อง ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ที่ดีของสองประเทศ พร้อมทั้งแสดงความเสียใจที่เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเหตุให้ระคายเคืองเบื้อง พระยุคลบาท
๒. สำหรับการดำเนินงานด้านกฎหมายนั้น คณะทำงานด้านกฎหมายของไทยนำโดยอัยการสูงสุดพร้อมด้วยอธิบดีกรมสนธิสัญญาและ กฎหมายและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ โดยจะนำเสนอข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมตามที่ศาลร้องขอ ทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษรและรูปถ่าย พร้อมทั้งชี้ให้เห็นถึงความไม่ถูกต้องของหลักฐานของทนายความของบริษัท Walter Bau และจะมีการเบิกความต่อศาลโดยอธิบดีกรมการบินพลเรือน ในวันจันทร์ที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๔ นี้