ที่มา Thai E-News
สื่อของเยอรมันรายงาน ภาพข่าวมีเครื่องบินโบอิ้งคู่แฝดโผล่ที่สนามบินมิวนิค จอดอยู่คู่กับลำที่โดนอายัด ภายหลังจากศาลเยอรมันตัดสินว่า หากอยากเอาออกไปก็ต้องจ่ายค่าเงินประกัน 20 ล้านยูโร-Gegen eine Sicherheitszahlung von 20 Millionen Euro darf die Thai-Boeing den Münchner Flughafen wieder verlassen. Doch plötzlich steht da noch ein zweites Flugzeug. (© Marco Einfeldt)
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
21 กรกฎาคม2554
เวบไซต์sueddeutsche.deของ เยอรมันรายงานเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม เวลา 14.52 น.ตามเวลาท้องถิ่นว่า ได้มีเครื่องบินโบอิ้ง 737 อีกลำที่เหมือนกับลำแรกที่โดนอายัดไปจอดอยู่ติดกับลำเดิมที่อายัด หลังจากศาลของเยอรมันตัดสินในวันก่อนให้นำออกจากสนามบินได้ หากวางเงินประกัน 20 ล้านยูโร
รายงานข่าวของsueddeutsche บอกว่า ศาลเมือง Landshut มีคำตัดสินในเบื้องต้นอนุญาตให้นำเครื่องบินที่ถูกอายัดออกไปได้โดยมี เงื่อนไขให้วางเงินประกัน 20 ล้านยูโร (ในรูปของการรับรองโดยธนาคาร หรือ แบงก์การันตี)
ซึ่งคำตัดสินเบื้องต้นดังกล่าวเป็นผลมาจากการพิจารณา จากการรับรองของอธิบดี กรมการขนส่งทางอากาศไทยและเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์เครื่องบินปี2550 ซึ่งแสดงว่าเครื่องบินเป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์
อย่างไรก็ตาม จะมีการพิจารณาคดีเพื่อให้ได้มาซึ่งคำพิพากษาขั้นสุดท้ายอีกครั้งในเดือน สิงหาคม ซึ่งศาลอาจจะมีคำสั่งให้อธิบดีกรมขนส่งทางอากาศเข้าให้การในศาลด้วยตนเอง ด้วย
ขณะนี้ได้เกิดคำถามขึ้นว่ามกุฏราชกุมารแห่งประเทศไทยจะทรงขับ เครื่องบินลำ ไหนเสด็จกลับประเทศ เมื่อตอนนี้มีเครื่องบินพระที่นั่งที่เหมือนกันอีกลำมาจอดอยู่ที่สนามบินมิ วนิค
ทางด้านนายชไนเดอร์ ผู้บริหารหนี้ที่ทำการอายัดเครื่องบินกล่าวว่าได้รับทราบว่ามีเครื่องบินอ ีกลำที่เหมือนกับลำที่อายัดไว้ มาจอดอยู่ที่สนามบิน แต่ไม่ทราบถึงกรรมสิทธิ์ ส่วนจะอายัดเครื่องบินอีกลำที่สองนี้หรือไม่ นายชไนเดอร์ไม่ได้แสดงความคิดเห็น
แต่ค่อนข้างชัดเจนว่านายชไนเดอร์ มีความมั่นใจว่าจะได้รับเงิน 20 ล้านยูโร หรือประมาณครึ่งหนึ่งของมูลค่าหนี้ นายชไนเดอร์ยังกล่าวว่ามีความพึงพอใจกับคำตัดสินชั้นต้น เพราะทางบริษัทไม่ต้องอายัดเครื่องบินไว้ และสบายใจว่ามีเงินประกันอยู่ที่ศาล 20 ล้านยูโร ทั้งนี้เพราะการอายัดเครื่องบินไว้ต้องเสียค่าใ้ช้จ่ายเป็นจำนวนมาก ค่าบำรุงรักษาและค่าประกัน โดยลุฟท์ฮันซาคิดเป็นเงินหลายพันยูโรต่อสัปดาห์ และยังมีค่าจอดของสนามบินซึ่งคิดตามน้ำหนักเครื่องบิน
2.70 ยูโร/ตัน/วัน ซึ่งทุกวันนี้ต้องชำระวันละประมาณ 200 ยูโร
แต่อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้ว่าชไนเดอร์อาจจะต้องเสียเงินเพื่ออายัดเครื่องบินต่อไป นายฟรังค์ โรธ ทนายความจาก
สำนักงานกฏหมาย DLA Piper ซึ่งเป็นตัวแทนของมกุฏราชกุมารฯกล่าวกับ sueddeutsche ว่ายังไม่มีการตัดสินใจว่าจะจ่ายเงินประกันหรือไม่
เพราะ มีคำถามว่าจะเป็นการดีกว่าหรือไม่หากทางมกุฏราชกุมารฯ จะรอคำพิพากษาของศาล ทั้งนี้นายโรธ ค่อนข้างมั่นใจว่าศาลจะมีคำพิพากษาที่เป็นประโยชน์ต่อลูกความของเขาภายใน เวลาไม่กี่สัปดาห์
กษิตสรุปแล้วไม่จ่ายค่าไถ่20ล้านยูโร สู้คดีต่อยกสอง
ที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ช่วงบ่ายวันนี้ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังจากการเดินทางกลับจากประเทศเยอรมัน ว่า ทางการไทยจะสู้คดีถึงที่สุด หลังศาลแขวงลีนต์ชูต ของประเทศเยอรมนี สั่งอายัดเครื่องบินโบอิ้ง 737 โดยต่อรองให้วางเงินมัดจำวงเงิน 20 ล้านยูโร หรือประมาณ 850 ล้านบาท
โดยนายกษิต ,กระทรวงต่างประเทศ ,อธิบดีกรมการบินพลเรือน , ผู้แทนกองทัพอากาศ และผู้รู้กฏหมาย ฯลฯ จะเดินทางเพื่อไปสู้คดีโดยยืนยันว่า เครื่องบินดังกล่าวเป็นเครื่องส่วนพระองค์ไม่ใช่ของรัฐบาล ประกอบกับหลักฐานของฝ่ายไทยที่ยื่นไปก่อนหน้านี้ เห็นว่าไม่น่าจะมีเหตุผลที่ทางการไทยจะต้องไปวางเงินมัดจำ 20 ล้านยูโรอีก เพื่อแลกกับการถอนอายัดเครื่องบินโบอิ้งลำนี้แต่อย่างไร
นายกษิต กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้เข้าเฝ้ากราบบังคมทูลสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ถึงความคืบหน้าทั้งหมดแล้ว และมีความเห็นว่า จะสู้คดี เนื่องจากมั่นใจว่า เครื่องบินดังกล่าวเป็นของพระองค์และพระองค์ก็ไม่เกี่ยวข้องใดๆ ซึ่งเป็นหลักฐานที่แน่นหนา จึงไม่จำเป็นต้องวางมัดจำจำนวน 20 ล้านยูโร
นา ยกษิต กล่าวว่าในวันพรุ่งนี้ ( 22 ก.ค. ) จะเข้าหารือกับทางอัยการไทย อย่างไรก็ตามตัวเครื่องบินขณะนี้ยังจอดอยู่ที่เมืองมิวนิค และจะนำกลับมาประเทศไทยได้ หลังศาลได้ตัดสินในขั้นตอนสุดท้ายในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนสิงหาคม
เวบไซต์กระทรวงการต่างประเทศแถลง กรณีนี้ว่า ตามที่ศาลเยอรมนีมีคำสั่งชั่วคราวให้อายัดทรัพย์สินรัฐบาลไทย ซึ่งนำไปสู่การอายัดเครื่องบินพระที่นั่งของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งจอดอยู่ที่ท่าอากาศยานนครมิวนิค ตั้งแต่วันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๔ นั้น
วันนี้ (๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๔) นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในเรื่องดังกล่าว ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิว่า ศาลเยอรมนีได้มีคำสั่งเบื้องต้นให้สามารถถอนการอายัดเครื่องบินดังกล่าวแล้ว โดยให้วางเงินประกันจำนวน ๒๐ ล้านยูโร เนื่องจากกระบวนการพิจารณาของศาลเยอรมนียังไม่เสร็จสิ้น ทั้งนี้ ศาลกำหนดวันนัดสืบพยานประมาณสัปดาห์แรกหรือที่สองของเดือนสิงหาคม ศกนี้
ในการนี้ คณะทำงานด้านกฎหมายของไทยเห็นร่วมกันว่า ควรจะดำเนินการสู้คดีจนสิ้นสุดโดยไม่ต้องวางเงินประกัน และในชั้นนี้ จะเตรียมพยานบุคคลขึ้นให้การต่อศาลเยอรมนี ซึ่งอาจประกอบด้วย อธิบดีกรมการบินพลเรือน ผู้แทนจากกองทัพอากาศ และผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยคณะทำงานด้านกฎหมายของไทยจะรีบประชุมเตรียมความพร้อมทันทีที่อัยการสูง สุดเดินทางกลับมาจากเยอรมนีในวันพรุ่งนี้ นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้ย้ำว่า มูลเหตุของการอายัดเครื่องบินพระที่นั่งฯ ไม่เกี่ยวข้องกับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร แต่อย่างใด เนื่องจากเป็นข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัทวอลเตอร์ บาว ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวมีความละเอียดอ่อน และไม่ต้องการให้กระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๔ รัฐมนตรีว่าการฯ อัยการสูงสุด อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน ได้เข้าเฝ้า ฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร เพื่อถวายรายงานความคืบหน้าล่าสุดแล้ว
ก่อนหน้านี้เวบไซต์ASTVผู้จัดการ รายงาน ว่า วันนี้ (21 ก.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลแขวงลีนต์ชูต ประเทศเยอรมนี ได้มีคำตัดสินให้เพิกถอนการอายัดเครื่องบินโบอิ้ง 737 เครื่องบินส่วนพระองค์ฯ แต่ได้กำหนดให้วางเงินประกันจำนวน 20 ล้านยูโร (850 ล้านบาท) เท่ากับมูลค่าของเครื่องบินว่า วันนี้กระทรวงการต่างประเทศจะแถลงอย่างเป็นทางการ
แต่โดยสรุปเป็นคำ สั่งศาลเบื้องต้นซึ่งได้เห็นเอกสารหลักฐานที่ได้ยื่นไป เบื้องต้นเป็นการยืนยันว่าเครื่องบินเป็นเครื่องบินส่วนพระองค์ แต่กระบวนการพิจารณาของศาลเยอรมนีจะต้องมีการสืบพยานอีกครั้งที่อาจจะเริ่ม ต้นในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนสิงหาคม ฉะนั้นศาลจึงมีคำสั่งเบื้องต้นว่าถ้าจะถอนอายัดเครื่องบินทันทีต้องมีการวาง เงิน ซึ่งวันนี้ส่วนของอัยการก็จะมีการพิจารณาในเรื่องนี้ว่าแนวทางควรจะเป็น อย่างไร ขณะเดียวกันก็ได้นำความทั้งหมดกราบบังคมทูลเพื่อทรงทราบแล้ว
ส่วน คดีที่ยังไม่จบและต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ได้สอบถามท่านอัยการสูงสุดแล้วท่านบอกว่าเหมือนเขาจะนัดสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนสิงหาคม และไม่น่าจะยุ่งยากมาก และท่านอัยการสูงสุดได้ยกตัวอย่างให้ฟังคือเอกสารของเราแสดงไปหมดแล้ว แต่เขาจะต้องสอบพยานในเรื่องของการแปลและคนที่มาแปลต่างๆ ว่ามีความน่าเชื่อถืออย่างไร
“คดีเป็นคดีที่ร้องให้ถอนอายัด ถ้าศาลบอกให้ถอนอายัดเครื่องก็ถอนอายัด ส่วนเงินที่วางก็ต้องได้คืน ผมฟังจากท่านอัยการก็บอกว่าแม้แต่ค่าใช้จ่ายถ้าเอาเงินไปวางทางฝ่ายบริษัท ต้องออกให้ด้วยถ้าเราชนะคดี แต่ถ้าแพ้คดีก็เท่ากับว่าเครื่องบินก็ยังถูกอายัดอยู่ อย่างไรก็ตาม คดียังไม่จบพูดง่ายๆ เหมือนกับเป็นมาตรการที่ให้ชั่วคราวถ้าอยากจะให้ถอนอายัดในช่วงนี้ก็ต้องเอา เงินมาวาง ส่วนเรื่องของขั้นตอนต่อจากนี้ทางอัยการจะทำความเห็นเข้ามาในวันนี้” นายกฯ