ที่มา ข่าวสด
ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
บทบาท ของตำรวจและทหาร ในการเปลี่ยนแปลงการเมืองไทย 3 กรกฎาคม เป็นที่จับตามองกันไม่น้อย โดยเฉพาะการที่ทั้งสององค์กรราชการนี้ เป็นหน่วยกำลัง มีอำนาจ สามารถเข้าแทรกแซงกดดันกระบวนการหาเสียงไปจนถึงวันเลือกตั้งได้เป็นอย่างดี
สุดท้ายเมื่อผ่านพ้นไปด้วยดี เรื่องราวของทหารและตำรวจ ก็ไม่ปรากฏว่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวเลือกตั้งอย่างโจ๋งครึ่ม
เข้าไปมีอะไรอยู่บ้างแน่นอน แต่เป็นเฉพาะราย เฉพาะจุด
โดยรวม หัวหน้าหน่วยงานทั้งสองยังวางตัวได้ดี
พล.ต.อ. วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.ซึ่งเข้าคุมศูนย์อำนวยการเลือกตั้งของตำรวจด้วยตัวเอง สามารถทำ ให้งานของตำรวจออกมาอย่างมืออาชีพ เป็นกลาง
ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งยืนยันเอาไว้ว่า ทหารจะไม่เข้าไปยุ่งการเมือง ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาลใหม่
สุดท้ายกองทัพลบล้างข้อครหาได้พอสมควร
อาจจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ภาพรวมของการเลือกตั้ง ก็ไม่มีอะไรน่าเกลียดเกินไป
แต่อีกส่วนหนึ่ง เพราะคนไทยออกมาใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างล้นหลาม
ทั้ง กว่า 15 ล้านเสียงแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าต้อง การให้พรรคเพื่อไทยชนะขาด เพื่อให้พรรคที่ได้รับชัยชนะ ในการเลือกตั้ง ได้จัดตั้งรัฐบาลด้วยมือตัวเอง
ไม่มีอำนาจที่ไม่อาจปฏิเสธได้ เข้ามาแทรกแซง
ค่ายทหารก็ไม่ต้องเปิดใช้บริการเหมือนในปี 2551
ที่สำคัญเพราะพลังชาวบ้าน ทำให้อำนาจนอกระบบต้องชะงัก!
บัดนี้พรรคเพื่อไทยกำลังจัดโผตั้งครม.
การจัดเก้าอี้รัฐมนตรีกลาโหม และรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงเพื่อดูแลตำรวจ อาจจะยังไม่เห็นโฉมหน้าชัดเจนนัก
แต่ก็ไม่มีบรรยากาศขัดแย้งรุนแรงอะไร ระหว่าง รัฐบาลใหม่กับ 2 องค์กรหน่วยกำลัง!
กลาโหมนั้นไม่พ้นต้องให้นายทหารเก่าที่รัฐบาลวางใจและเป็นที่ยอมรับของกองทัพ
ส่วนรองนายกฯ ดูงานตำรวจ ก็น่าจะเป็นตำรวจเก่า และมีบารมีพอ
ย้อนกลับไปดูสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์
นายกฯ อภิสิทธิ์กับรองนายกฯ เทพเทือก รวมทั้งบริวารใกล้ชิด บริหารตำรวจกันเองอย่างสนุกไม้สนุกมือเป็นอันมาก
การแต่งตั้งลือลั่นระดับ ไม่มีผบ.ตร.เกือบปี
โดยเฉพาะกรณีผบ.ตร.เป็นบาดแผลที่ยังไม่จางหายจนวันนี้!