ที่มา Thai E-News
เฮลิคอปเตอร์หอบฝุ่นทรายกลางสนามฟุตบอลมาหว่านใส่ดวงหน้าทุกดวงตา
เด็กๆของแผ่นดินแห่งความเท่าเทียม
กรูกันขึ้นขย่มรถถังตีนตะขาบ
คำขวัญคร่ำครึล้าหลังในแบบเรียนปลิวกระจาย
วันเดียวกับที่ชาติจัดสรรพื้นที่เล็กๆไว้ให้ในหนึ่งปี
ภาพทหารหาญในจินตนาการค่อยๆล่มสลาย
ไม่มีเด็กชายใดใดใฝ่ฝันอยากเป็นทหารอีกต่อไป
วันเดียวกับที่กองทัพหันปากกระบอกปืนใส่อนาคตเด็กๆ
โลกย่อมยินเสียงภายในของพวกเขา
ผงฝุ่นในดวงตาถูกขับออกมาโดยความเป็นจริงประจักษ์
ดวงตาสดใสสว่างจดจำอดีตที่ถูกครอบงำโดยขบวนการหน้ากากทองคำ
รอยยิ้มเสียงหัวเราะและหยดน้ำตาก่อเกิดจากการรับรู้ด้วยตัวพวกเขาเอง
เสรีภาพคือชีวิตของชีวิต
งอกงามแข็งแกร่งในโมงยามเหน็บหนาวและมืดสลัว
ยุวชนประชาธิปไตยหลั่งไหลออกมาจากทั่วทุกสารทิศ
ขย่มรถถังตีนตะขาบจมดิน
จบสิ้นแล้วกองทัพหลอกเด็กทุกวันเสาร์ที่สองของศักราชใหม่
แสนยานุภาพทั้งมวลล้วนเครื่องมือเข่นฆ่าประชาชน...ทั้งนั้น !!!
คำขวัญสวยหรูของนายกฯมือตีนเผด็จการเป็นเพียงวาทกรรมทิ่มแทงตัวเอง
ขณะนอนมือก่ายหน้าผากลืมตาโพลงในโลกมืด
เด็กๆของแผ่นดินแห่งความเท่าเทียมย่อมเท่าทัน
ลูกกวาดเคลือบสารพิษและความอยุติธรรม !!!
บนเวทีการแสดงออกของพวกเขา
ผู้ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นอนาคตของรัฐชาติผูกขาดความสุข
ผู้ซึ่ง พ่อ แม่ ลุง ป้า น้า อา ตา ยาย ของพวกเขา ถูกกดขี่เอารัดเอาเปรียบมากี่ชั่วชีวิตคน
ผู้ซึ่งป่ายปีนอย่างตื่นเต้นแปลกใหม่บนรถถังตีนตะขาบในวัยเยาว์วันหนึ่ง
อาจเป็นใครสักคนที่กระโดดขึ้นไปหักกระบอกปืนใหญ่ในวันนั้น
เด็กๆของแผ่นดินแห่งความเท่าเทียม
ไม่มีเด็กใดใดใฝ่ฝันอยากเป็นผงฝุ่นอีกต่อไป !!!
อรุณรุ่ง สัตย์สวี
*ภาพบน เด็กชายนิรนามคนหนึ่งเขวี้ยงแก๊สน้ำตากลับไปยังแถวทหาร หลังจากถูกทหารโยนแก๊สน้ำตาใส่เพื่อสลายการชุมนุม ในระหว่างที่เสื้อแดงชุมนุมขอพื้นที่คืนสถานีไทยคม ปทุมธานี เมื่อ 9 เมษายน 2553 ก่อนเหตุการณ์ปราบปรามนองเลือดที่ราชดำเนินในวันรุ่งขึ้น ภาพล่างเด็กน้อยที่สูญเสียพ่อของเขาไปในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง