WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, January 6, 2011

'กษิต'บ้อท่า!! ทำได้แค่เยี่ยมในคุก!

ที่มา บางกอกทูเดย์






เขมรยืนยันไม่ปล่อย 7 คนไทย”
เต้นกันทั้ง ครม.แต่”ไม่มีน้ำยา”!!

และเมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นมาแล้ว ก็เลยกลายเป็นเรื่องวุ่นไปหมด!!

อย่างเช่นกรณีนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมพวกรวม 7 คน ถูกทหารกัมพูชาจับตัวไปบริเวณตะเข็บชายแดนบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ตั้งแต่เมื่อตอนสายของวันที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมา ขณะเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีชาวบ้านร้องเรียนว่ามีทหารเขมรรุกล้ำที่นาของคนไทย

หลังเกิดเรื่องสำนักข่าวเอพีรายงานความคืบหน้ากรณีทหารกัมพูชาจับกุมคณะคนไทย 7 คน ซึ่งถูกกล่าวหาว่ารุกล้ำเข้าไปในเขตแดนกัมพูชา ระบุว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกัมพูชาควบคุมตัวนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ นายวีระ สมความคิด กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และหญิงชายชาวไทย รวม 7 คนไปยังศาลในกรุงพนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชา เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ต่อจากนั้นจะถูกส่งตัวไปคุมขังในเรือนจำเพื่อรอการพิจารณาคดีในชั้นศาล

ในขณะที่สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานคำให้สัมภาษณ์ ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทย เรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาปล่อยตัวคนไทยทั้ง 7 คน โดยทันที พร้อมระบุว่ารัฐบาลกัมพูชาไม่ควรนำตัวชาวไทยขึ้นพิจารณาคดีในชั้นศาล เพราะจะยิ่งทำให้ประเด็นที่เกิดขึ้นมีความซับซ้อนยุ่งยากขึ้นไปอีก

และเอเอฟพียังรายงานโดยอ้างถ้อยแถลงนายซก เรือน ผู้ช่วยอัยการศาลแขวงกรุงพนมเปญระบุศาลแขวงกรุงพนมเปญได้ตั้งข้อหากลุ่มคนไทย 7 คน ด้วยฐานความผิดลักลอบข้ามพรมแดนเข้ากัมพูชาโดยผิดกฎหมายและเข้าเขตพื้นที่ทางทหารโดยไม่มีเหตุผลอันควร

การตั้งข้อหากับกลุ่มคนไทยทั้ง 7 คน มีขึ้นภายหลังศาลดำเนินการการไต่สวนกลุ่มผู้ต้องหาโดยไม่เปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกเข้าร่วมรับฟัง จนกระทั่งได้ข้อสรุปดังกล่าวในช่วงเย็น หลังจากกลุ่มผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวโดยทางการกัมพูชาแล้ว 1 วัน

นายซก เรือน แสดงความเห็นถึงการตั้งข้อหาแก่กลุ่มคนไทย 7 คน จากความผิดข้ามเข้าพรมแดนกัมพูชาโดยผิดกฎหมายและเข้าพื้นที่เขตทหารโดยมีเจตนาร้าย หากศาลกัมพูชาพิจารณาแล้วพบมีความผิดจริงตามข้อกล่าวหา แต่ละคนอาจถูกตัดสินโทษจำคุกมากกว่า 18 เดือน

ภายหลังกลุ่มคนไทยทั้ง 7 คน ถูกตั้งข้อกล่าวหา กลุ่มผู้ต้องหาได้ถูกเจ้าหน้าที่กัมพูชาพาตัวออกจากศาลแขวงกรุงพนมเปญ แต่ละคนมีสีหน้าเศร้าซึม โดยถูกพาตัวไปคุมขังที่เรือนจำเปรย์ ซาร์ นอกกรุงพนมเปญ ตามคำกล่าวอ้างของพลโทเขียว โสเพียก โฆษกกระทรวงมหาดไทยกัมพูชา

ในการแก้ปัญหาของไทย ปรากฏว่านายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เดินทางถึงกัมพูชา ได้เข้าพบหารือกับนายฮอร์ นัมฮง รมว.ต่างประเทศของกัมพูชา เพื่อหาทางออกเรื่องนี้ แต่ภายหลังการเจรจากันแล้ว นายฮอร์ นัมฮง แจ้งแก่ นายกษิตว่า ทางการกัมพูชายังไม่สามารถปล่อยตัวกลุ่มคนไทยทั้ง 7 คน ได้ในเวลานี้ เพราะต้องดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมปกติ ซึ่งรัฐบาลไม่สามารถแทรกแซงได้

นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ภายหลังนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศเข้าหารือนายฮอร์ นัมฮง รมว.ต่างประเทศกัมพูชาว่าจากข้อมูลที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้ตรวจสอบชัดเจนว่าทั้ง 7 คน ล้ำเข้าไปในเขตกัมพูชา โดยน่าจะพลัดหลงเข้าไป เรื่องดังกล่าวได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของกัมพูชา ฝ่ายไทยก็ให้ความเคารพต่อกระบวนการยุติธรรมดังกล่าว และหวังว่าจะมีการพิจารณาคดีโดยเร็ว โดยคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ประเทศ

ซึ่งนายกษิตได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมคนไทย 7 คนที่คุกเปรย์ ซาร์ กระทรวงการต่างประเทศ โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ได้ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ จัดหาทนายความเพื่อสู้คดีให้แล้ว

ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมฝ่ายความมั่นคง เพื่อหารือแนวทางการช่วยเหลือนายพนิช และคนไทย รวม 7 คน ที่ถูกทหารกัมพูชาจับกุมตัวไป จากนั้นนายอภิสิทธิ์แถลงว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นกลุ่มคนเหล่านี้เข้าไปดูพื้นที่กรณีที่มีการร้องเรียนของประชาชนเรื่องที่ทำกิน รวมทั้งหลักเขตแดน ในนั้นมีนายพนิชร่วมด้วย โดยนายพนิชนั้นตนมอบหมายให้ประสานงานกับคนที่เคยแสดงความคิดเห็นกับบุคคลที่มีความคิดเห็นเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อทราบปัญหาข้อร้องเรียนต่างๆ และก่อนเดินทางนายพนิชบอกว่าจะไปลงพื้นที่ ตนเข้าใจว่าเป็นการดูพื้นที่ที่ชายแดนในพื้นที่ที่มีการร้องเรียน แต่รายละเอียดเรื่องเส้นทางไปนั้นไม่ทราบ จนปรากฏเป็นข่าวว่าถูกจับ

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า โดยหลักการพื้นที่ดังกล่าวจะมีหลักเขตแดนหมุดที่ฝ่ายไทยปักเอาไว้หลักที่ 46-48 และมีประเด็นที่ยังไม่ได้ข้อยุติ มีการโต้แย้งเรื่องหลักเขตแดนว่าควรจะอยู่ตรงไหนจากฝ่ายกัมพูชา ความแตกต่างสองส่วนระยะทางเป็น 10 เมตร วันนี้ได้สอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงแนวปฏิบัติว่าพื้นที่ที่อยู่ในเขตแดนของไทยตามหลักเขตของเราจะไม่มีกำลังของต่างชาติเข้ามาอยู่ เราไม่อนุญาตเด็ดขาด เพราะถือว่าเป็นพื้นที่ของเรา

ส่วนพื้นที่ซึ่งมีปัญหาเรื่องชุมชนชาวกัมพูชาที่อยู่ตั้งแต่สมัยสู้รบตั้งแต่ 2520 เป็นประเด็นที่มีการกำหนดแนวเขตชัดเจนและไม่ให้มีการขยายหรือเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งสิ้น การจับกุมที่เกิดขึ้นถ้าจับกุมในเขตแดนของเราเป็นสิ่งที่เรายอมรับไม่ได้แน่นอนเด็ดขาด แต่การจับกุมครั้งนี้ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าเป็นการจับกุมเลยหลักเขตแดนของไทยไปแล้ว แต่ไม่ใช่หลักของฝ่ายกัมพูชากำลังมีการตรวจสอบ โดยกระทรวงการต่างประเทศส่งคนลงไปในพื้นที่พร้อมกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อไปดูจุดต่างๆ

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อไปอีกว่า สิ่งที่เราได้ข้อมูลตรงกับทุกฝ่ายคือ คนทั้ง 7 ได้ลงจากรถที่ถนนศรีเพ็ญ แล้วมุ่งหน้าไปทางหลักเขตที่ 46 แต่ที่ยังไม่ตรงกันจากข่าวที่มีการรายงานกับจากที่กัมพูชาอ้างคือ เดินไปไกลแค่ไหน

ดังนั้น การที่รัฐบาลจะดำเนินการกำหนดท่าทีขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงตรงนี้เป็นสำคัญ กำลังเร่งให้ตรวจสอบ

ส่วนที่กัมพูชาระบุว่ามีการพบคนของเราที่วัดโจ๊กเจีย ถ้าเป็นจริงตามนี้ชัดเจนว่าจะเลยเขตแดนของเราที่เรากำหนด แต่ขณะนี้ต้องตรวจสอบอีกครั้ง วัดโจ๊กเจียอยู่ห่างจากจุดที่ถูกควบคุมตัวลึกเข้าไปอีก

แต่ไม่ว่ากรณีจับกุมจะเกิดขึ้นที่ฝั่งใดก็ตาม เราเห็นว่าบุคคลทั้ง 7 ควรจะได้รับการปล่อยตัวทันที ด้วยเหตุผลที่ว่า ทางฝ่ายนโยบายทั้งสองฝ่ายได้เคยคุยกันว่ากรณีที่เกิดปัญหาในชายแดนลักษณะนี้โดยเฉพาะไม่มีอะไรบ่งบอกว่าคนทั้ง 7 มีอาวุธ ไม่ควรที่จะมีการจับกุม และเข้าสู่กระบวนการของศาล

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวด้วยว่า เท่าที่รับฟังมาพื้นที่ตรงนั้นตำรวจ ตชด.เป็นผู้ดูแล คณะทั้ง 7 คนได้เดินทางผ่านด่าน ตชด.ไปและ ตชด.ติดตามไปแต่ไม่ทัน เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ลงจากรถไปก่อน

ส่วนพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวว่า พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ที่ชาวกัมพูชาอยู่มานานแล้ว และค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นพื้นที่ของกัมพูชา สำรวจเมื่อปี 2549 ส่วนหนึ่งแล้วเป็นหลักเขตที่เราไม่ยอมรับ ยังเป็นพื้นที่แย่งสิทธิ์กันอยู่ ตนอยู่ตั้งแต่ปี 2523 ไม่มี การให้องค์การสหประชาชาติที่ไหนเข้าไปดูแล พื้นที่บางส่วนเราดูแลอยู่เพราะเราก็มีหลักเขตยืนยัน

ซึ่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยว่า ทางกัมพูชาเขาอ้างว่าจับคนไทยทั้ง 7 คนได้ที่บริเวณวัดโจ๊กเจีย ซึ่งวัดดังกล่าวมันอยู่เลยเขตของไทยไปแล้ว เราจึงส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ ถ้าถูกจับที่วัดจริงก็ไม่ต้องเถียงเลย จบ

ขณะที่นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุคนไทยทั้ง 7 คนรุกล้ำเข้าไปในดินแดนของกัมพูชาจริง ซึ่งทำไมถึงไม่ตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่เขตแดน ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) หรือเจ้าหน้าที่ทหารเสียก่อน และจากเหตุการณ์นี้ ทำให้ต้องหันกลับไปดูความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาใหม่อีกครั้ง หลังรัฐบาลเคยบอกว่าดีขึ้นนั้นดีขึ้นจริงแค่ไหน เพราะหากดีจริงเหตุการณ์ไม่น่าจะบานปลายขนาดนี้

ส่วนกรณีที่ส่ง นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไปเจรจาขอให้ปล่อยตัวนั้น นายนพดล ระบุ นายกษิต เคยไปด่าว่าเขา วันนี้คงจะเริ่มสำนึกได้ว่าไม่ควรนำเรื่องส่วนตัว ไปผูกติดกับความสัมพันธ์ทางการทูต ทั้งนี้ นายนพดล ยังระบุด้วยว่า ถึงแม้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทางกัมพูชา แต่ตนเชื่อว่ารัฐบาลคงไม่กล้าขอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ช่วย เหตุเพราะกลัวเสียหน้า ซึ่งจริง ๆ แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ยินดีจะช่วยอยู่เสมอ

อีกประเด็นที่กลายเป็นเรื่องสำหรับกรณีนี้ ก็คือ เรื่องสภาพการเป็น ส.ส.ของนายพนิช ว่าหากต้องถูกจำคุกจะขาดความเป็น ส.ส.หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ นายคมสัน โพธิ์คง รองอธิการบดีมหาวิทยาสุโขทัยธรรมาธิราช ในฐานะอดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) พ.ศ.2550 กล่าวว่า หากศาลกัมพูชาตัดสินว่า นายพนิช มีความผิด จะถือว่าสิ้นสภาพการเป็น ส.ส.ทันที เนื่องจากในรัฐธรรมนูญเขียนลักษณะต้องห้ามของ ส.ส.เอาไว้ว่า "ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล" โดยไม่ได้ระบุว่าต้องเป็นศาลประเทศอะไร โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง สามารถส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกสภาพของ นายพนิช ได้ เช่นเดียวกับที่เคยวินิจฉัยคดี ส.ส.ถือหุ้นต้องห้ามมาแล้ว

สำหรับหลักเขตแดนที่ 46 บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง อยู่ห่างจากถนนศรีเพ็ญ (ถนนเลียบแนวชายแดน) ลึกเข้าไปประมาณ 600 เมตร มีการขึงลวดหนามแสดงแนวเขตศูนย์อพยพบ้านหนองจานไว้อย่างชัดเจน และเมื่อพ้นลวดหนามเข้าไปจะเป็นชุมชนชาวเขมรปลูกบ้านเรียงรายกว่า 500 หลังคาเรือน โดยมีทหารกัมพูชาพร้อมอาวุธครบมือยืนเรียงรายอยู่บนถนนเคห้าของกัมพูชาซึ่งเป็นถนนคู่ขนานกับถนนศรีเพ็ญ

ที่สำคัญมีรายงานข่าวว่าพยานที่เดินทางไปกับคณะคนไทยทั้ง 7 คน ได้ยืนยันว่าคนไทยทั้งหมดได้เดินเลยเขตลวดหนามไปถึงถนนเคห้าฝั่งกัมพูชา และถูกทหารกัมพูชาจับตัวบริเวณหน้าวัดโจ๊กเจีย หรือวัดโชคชัย ในหมู่บ้านโจ๊กเจียของกัมพูชา ซึ่งห่างจากถนนศรีเพ็ญเข้าไปประมาณ 1,200 เมตร

และหลังจากที่รัฐบาลไทย และกลุ่มคนไทยมีการเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ ทางกัมพูชาได้มีการปล่อยคลิป ที่ระบุว่าเป็นการถ่ายทำของคณะคนไทยที่ถูกจับกุม ซึ่งมีคำพูดหลายช่วงไม่ว่าจะเป็นของนายพนิช หรือของนายวีระ ที่ค่อนข้างจะทำให้เสียเปรียบหากคลิปดังกล่าวถูกใช้เป้นหลักฐานพยานในขั้นศาล เนื่องจากมีบางคำพูดที่ชัดเจนว่า เป็นการจะเข้าไปในพื้นที่ของกัมพูชา

ประเด็นในเรื่องจุดจับกุม และเรื่องคลิป จึงเป็นประเด็นสำคัญที่น่าเป็นห่วงไม่ใช่น้อย

อย่างไรก็ตามหลังจากที่นายกษิตไม่สามารถเจรจาได้สำเร็จหรือมีความคืบหน้าเท่าที่ควร ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 ม.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ที่ประชุม ครม. ได้ใช้เวลาหารือเรื่องกรณีการเจรจาใหความช่วยเหลือ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ กับพวกที่ถูกทางการกัมพูชาจับกุมตัวเอาไว้ในข้อหาบุกรุกล้ำดินแดนกัมพูชา

โดยนายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ ได้ชี้แจงต่อครม.ว่า ทางรัฐบาลพยายามที่จะโน้มน้าวโดยให้ยึดหลัการตามที่ผู้นำทั้งสองประเทศเคยตกลงกันไว้ว่า ถ้าหากมีปัญหาอะไรก็ขอให้เจรจาหาทางแก้ปัญหากันให้จบ อย่าให้ต้องไปถึงกระบวนการยุติธรรม

แต่คราวนี้นายวีระ สมความคิด แกนนำกลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ได้เข้าไปในพื้นที่เป็นครั้งที่ 3 แล้ว ซึ่งตอนนี้เรื่องมันเข้าไปถึงระบบศาลแล้ว จึงล่วงเลยกระบวนการที่จะให้ปล่อยตัวไปแล้ว แต่เมื่อเรื่องเข้าสู่ระบบศาลแล้วก็ต้องเร่งให้เร็วขึ้นในการที่จะให้ปล่อยตัว

ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือคนไทยทั้ง 7 คน กต.ได้ส่งทนายความเข้าไปช่วยเหลือ 2 คน กำลังเร่งประสานงานกระบวนการไต่สวน เพื่อให้เรื่องจบโดยเร็วในวันสองวันนี้

ในขณะที่นายอภิสิทธิ์กล่าวชี้แจงให้ครม.ทราบว่า เรื่องคลิปที่ทางฝ่ายกัมพูชานำมาเปิดเผยทางเว็บไซต์ก็ยอมรับว่าใช่ ที่ระบุว่าตนได้ให้ นายพนิช เข้าไป เพราะถ้ามีการชุมนุมกันของกลุ่มพันธมิตรฯและกลุ่มต่าง ๆ ในบริเวณนั้น ก็อาจจะกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ง่าย จึงมอบหมายให้นายพนิชเข้าไปดู ซึ่งนายพนิช ก็ได้โทรศัพท์มาบอกว่าอาจจะต้องใช้ ตชด.

แต่เท่าที่ทราบเลขานุการของนายพนิช กับเลขานุการของตน โทรศัพท์ติดต่อกันไม่ได้ แต่เมื่อโทรศัพท์มาอีกทีก็ปรากฏว่าถูกจับกุมไปแล้ว ส่วนเรื่องคลิปที่นำมาเปิดความจริงคลิปมีอยู่ 2 อัน แต่มีคลิปอยู่อันหนึ่งที่มีความยาว 4 นาที แต่ถูกเปิดเพียง 1.36 นาที ซึ่งถ้านำมาฉายครบทั้ง 4 นาทีก็จะเห็นว่ามีคำพูดที่นายพนิช พูดว่าเรากำลังจะเข้าไปดูหลักหมุดที่ 46 ของไทย ซึ่งอยู่ในเขตของไทย ซึ่งมันก็มีหลักเขตหลายอันที่เรากำลังโต้แย้งกันอยู่ ของฝ่ายไทยมีเอกสารสิทธิด้วยซ้ำไป แต่ราษฎรไทยบอกว่าเข้าไปทำมาหากินไม่ได้

ซึ่งในพื้นที่ ที่มียังปัญหาอยู่ทั้งสองฝ่ายก็ตกลงกันว่าให้นิ่งก่อน ไม่ให้มีการขยายพื้นที่ไปมา แต่ก็ทั้งสองฝ่ายก็ยังมีการนำกำลังทหารไปตรึงกดดันกันไว้ทั้งสองด้าน ซึ่งปัญหาเรื่องหลักหมุดที่ยังไม่ชัดเจนในชุมชนที่มีทั้งราษฎรไทยและกัมพูชาเข้าไปและต่างฝ่ายก็อ้างกรรมสิทธิอยู่ ก็เป็นปัญหามา 30- 40 ปีแล้ว

“ตอนนี้เอาเรื่องการช่วยเหลือคนก่อน ส่วนเรื่องเขตแดนยังไม่เจรจาตอนนี้ เพราะยังไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนและไม่ควรจะนำเอามารวมกัน” นายกฯ กล่าวย้ำ

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ฝ่ายไทยจะขอส่งกำลังทหารจากกองกำลังบูรพา เพื่อเข้าไปตรวจสอบพิกัดของพื้นที่ ที่กลุ่มคนไทยทั้ง 7 คนถูกจับกุมตัว ว่าอยู่ในพื้นที่ตรงไหน พิกัดใด เพราะยังไม่ชัดเจนว่าจุดที่ถูกจับกุมอยู่ในพื้นที่ตรงไหนกันแน่

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ถูกทางการกัมพูชาจับกุมตัวข้อหารุกล้ำอธิปไตย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เนื่องจากรู้เห็นว่า นายพนิช เดินทางไปจนถูกจับกุมขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ รับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งนายกฯ ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตเมื่อความจริงปรากฏคนในพรรคประชาธิปัตย์ กลับมีอาการเงียบผิดปกติหลายคนมีอาการ พูดไม่ออกบอกไม่ถูก เพราะจำนนด้วยหลักฐาน

ด้าน นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชนสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า จากคลิปที่ปรากฏการสนทนาของนายพนิช ชัดเจนว่ามีการระบุถึงนายอภิสิทธิ์ อย่างไรเหมือนว่า นายอภิสิทธิ์ รู้ขั้นตอนทุกอย่างเรื่องนี้น่าจะทำให้เกิดความเคลือบแคลง ต่อทางการกัมพูชาอย่างมากว่า นายกฯของไทย มีความตั้งใจจะทำอะไร

จึงอยากเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีไทยออกมาชี้แจงเรื่องนี้ให้กระจ่างมิฉะนั้นจะถูกมองว่าเป็นตัวการยุแหย่ให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแย่ลง จงใจจัดฉากสร้างเรื่องอะไรบางอย่าง และกำลังชักศึกเข้าบ้านถ้าหากยังไม่ออกมาพูดอะไร ก็อย่าไปขอความเห็นใจจากประเทศเขาเลย เขาไม่มีทางยอมแน่ ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมายและการทูตดีกว่า

ทั้งนี้ตนอาจทำหนังสือในนามของคณะกรรมาธิการฯขอไปคุยกับคนไทยที่ถูกจับตัวในเรื่องข้อกฎหมายหรือประสานกับคณะกรรมาธิการของเขา สุดท้ายหากรัฐบาลทำอะไรไม่ได้ ตนยินดีจะต่อสายถึง พ.ต.ท.ทักษิณชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้สายสัมพันธ์ที่ดี ที่มีต่อสมเด็จฮุนเซนนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เจรจาช่วยเหลือคนไทยให้

ส่วนว่า จะมีการประสานให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับกัมพูชาให้ช่วยเหลือหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ ชะงักและหันไปมองหน้าผู้สื่อข่าวที่ถามก่อนตอบสั้นๆว่า

"ผมไม่ทราบครับ"

ขณะที่นายสุเทพ ยอมรับว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการหาทางติดต่อช่วยเหลือ แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เราอยู่ในสถานะเสียเปรียบเล็กน้อย ได้แต่ภาวนาให้ผู้นำกัมพูชาคิดถึงเรื่องการสร้างสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกัน หลังจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และสมเด็จฮุนเซนนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้มีการพบกัน 2 ครั้งหลังสุด เพื่อฟื้นสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน หวังว่าผู้นำกัมพูชาจะคิดถึงเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ เราจะอาศัยเรื่องนี้เป็นต้นทุนในการคุยกับกัมพูชา

ส่วนกรณีสถานภาพ ส.ส.ของนายพนิชจะสิ้นสุดลงหรือไม่ หากถูกศาลกัมพูชาตัดสินจำคุกนั้น นายสุเทพระบุว่าขึ้นอยู่กับการตีความของกกต. และศาลรัฐธรรมนูญ

เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ต้องถือว่างานเข้ารัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์เต็มๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการที่ต้องหาเหตุผลต่อสู้เพื่อนำตัวนายพนิชและพวกกลับมา ซึ่งแนวทางจะใช้เหตุผลของการพลัดหลงเข้าไป แต่ก็ดันมีคลิปวีดีโอมาเป็นหลักฐานที่ดูแล้วทางกัมพูชาจะได้เปรียบไม่น้อย

ในขณะที่เรื่องสมาชิกภาพ ส.ส.ของนายพนิช ก็เป็นอีกเรื่องที่แทรกซ้อนขึ้นมาอีก

ทำให้ตัวนายพนิชเองนั้นต้องถือว่าซวยส่งท้ายปีอย่างหนัก ทำให้มีกระแสวิพาก์วิจารณ์ว่า จะเป็นผลจากที่เคยมีหมอดูคนหนึ่งเคยพูดไว้ตอนที่นายพนิช ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ ได้มีการไล่ล่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อย่างหนักหน่วง บางทีถึงกับเดินทางไปลงพื้นที่ในดูไบ ไปเก็บข้อมูลบ้านของ พ.ต.ท.ทักษิณด้วยตัวเอง

ซึ่งหมอดูได้เตือนเอาไว้ว่า การไปไล่ล่าผู้อื่นโดยที่ยังไม่กระจ่างว่าผู้อื่นทำผิดหรือทำไม่ดีจริงหรือไม่ หรือว่าเป็นเรื่องของการทำลายล้างทางการเมือง ให้ระวังเคราะห์จะย้อนกลับเข้าใส่ตัวเอง

ดังนั้นเมื่อนายพนิชประสบชะตากรรมเช่นนี้ จึงทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากว่า จะเป็นเหมือนที่หมอดูเคยเตือนเอาไว้หรือไม่

ขณะเดียวกันในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ของไทยกับกัมพูชา ก็มีการตั้งข้อสังเกตุว่า หากเป็นรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ เรื่องเช่นนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น หรือหากพลาดพลั้งมีการจับกุมคนไทยขึ้นมาจริงๆ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็คงจะสามารถแก้ไขปัญหาได้โดยเร็ว

ดังนั้นมุมมองและความรู้สึกของคนไทยที่มีการตั้งข้อสังเกตกันเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องที่นายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ ควรนำไปคิดให้หนักกว่าที่ผ่านมาด้วย