WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, January 8, 2011

คำขวัญวันเด็กไม่มีเชิดชูคุณธรรม กับบทพิสูจน์ของรัฐสร้างภูมิคุ้มกันโดยทหาร-ตำรวจชาตินิยม

ที่มา Thai E-News


การปลูกฝังปัญหาชาตินิยม และทหารนิยม ให้กับเด็กไทย โดยเราจะเห็นถึงความสัมพันธ์ของการต่อสู้ทางการเมืองหลังรัฐประหาร จนกระทั่งในปี2553 ที่มีคำขวัญ และของขวัญของทักษิณ พร้อมโฟนอินมาเชียงใหม่ และคำขวัญของอภิสิทธิ์ ปี2553 จากมีคำว่า เชิดชูคุณธรรม เพื่อภูมิคุ้มกันเด็ก เปลี่ยนเป็นไม่มีคำว่าคุณธรรม ในปี2554 แต่กลับเกิดจิ๋วเรนเจอร์ ในท่ามกลางกรณีปัญหาเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ กับพรมแดนไทย


โดย อรรคพล สาตุ้ม
ภาพประกอบ มานิต ศรีวานิชภูมิ
8 มกราคม 2554

เด็กไทยต้องข้ามพ้นขอบเขตจำกัดของพรมแดนกรอบคิดเรื่องรัฐชาติ ก็มีเด็กที่ไร้สัญชาติ และปัญหาเด็กที่ข้ามประเทศจากกัมพูชา มายังประเทศไทยเป็นขอทาน

การจัดงานและนิยามของวันเด็ก รวมทั้งคำขวัญเป็นการเมืองของความเป็นไทย ถ้าเราจะพิจารณาการเมืองจากความเป็นมาของวันเด็ก ที่มีส่วนสนับสนุนของสหประชาชาติ และสิ่งที่ปลูกฝังปัญหาชาตินิยม และทหารนิยม ให้กับเด็กไทย

โดยเราจะเห็นถึงความสัมพันธ์ของการต่อสู้ทางการเมืองหลังรัฐประหาร จนกระทั่งในปี2553 ที่มีคำขวัญ และของขวัญของทักษิณ พร้อมโฟนอินมาเชียงใหม่ และคำขวัญของอภิสิทธิ์ ปี2553จากมีคำว่า เชิดชูคุณธรรม เพื่อภูมิคุ้มกันเด็ก

เปลี่ยนเป็นไม่มีคำว่าคุณธรรม ในปี2554 ท่ามกลางปัญหากรณีเขาพระวิหาร(เครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ) ในเรื่องเส้นพรมแดน และการสร้างบทบาทให้เด็กเป็นจิ๋วเรนเจอร์ คอยเป็นรปภ.ดูแลนายกรัฐมนตรี

ก็ถ้าเรานึกถึงของเล่นของเด็กอย่างภาพที่คุ้นเคยเด็กทำตัวเป็นบทบาททหาร เล่นอาวุธสงครามตามงานวันเด็ก

ประวัติวันเด็กแห่งชาติ

งานวันเด็กแห่งชาติจัดขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม พ.ศ. 2498 ตามคำเชิญชวนของ นายวี.เอ็ม. กุลกานี ผู้แทนองค์การสหพันธ์เพื่อสวัสดิภาพเด็กระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ

เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญและความต้องการของเด็ก และเพื่อกระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญของตนในประเทศ

โดยปลูกฝังให้เด็กมีส่วนร่วมในสังคม เตรียมพร้อมให้ตนเองเป็นกำลังของชาติ และรัฐบาลได้จัดให้มีคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้นมาคณะหนึ่ง ทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และเอกชน

กำหนดให้มีการฉลองวันเด็กแห่งชาติทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค

จุดประสงค์เพื่อให้เด็กทั่วประเทศทั้งในระบบโรงเรียนและนอกระบบโรงเรียน ได้รู้ถึงความสำคัญของตน เกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ระเบียบวินัย ที่มีต่อตนเองและสังคม มีความยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

ดังนั้น วันเด็กแห่งชาติ ตามที่เรารับรู้ผ่านทางวิกีพีเดียก็ได้ ซึ่งสะท้อนการสร้างความรู้เป็นระเบียบวินัยของพรมแดนตัวตน ให้กับเด็กไทย ซึ่งต้องเป็นสิ่งที่ไม่มีพรมแดนชาติ เพราะเกิดจากความร่วมมือกับสหประชาชาติ โดยเพื่อสวัสดิภาพเด็กระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ

และเรา ที่เคยเป็นเด็กต่างก็เคยร่วมกิจกรรมการละเล่น ที่มีบทบาทต่างๆ เด็กก็อยากจะสมมติตัวเองสวมบทบาทเป็นทหาร ตำรวจ ตามจินตนาการของเล่นงานวันเด็ก นั้นเอง

กำเนิดคำขวัญวันเด็กแบบจอมพล ป.พิบูลสงคราม-จอมพลสฤษดิ์ สิ้นชีวิต

คำขวัญวันเด็ก เป็นคำขวัญที่นายกรัฐมนตรีมอบให้เด็กไทย เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติของทุกปี

โดยคำขวัญวันเด็กมีขึ้นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2499 ในสมัยที่จอมพล ป. พิบูลสงครามดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คำขวัญวันเด็ก คือ จงบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนรวม

พร้อมต่อมากำเนิดเพลงหน้าที่ของเด็ก(เด็กเอ๋ยเด็กดี)

นกระทั่งวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2500 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้นำกำลังทหารเข้ายึดอำนาจโค่นล้มจอมพล ป. พิบูลสงครามออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

และตั้งแต่ พ.ศ. 2502 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้ให้คุณค่าความสำคัญของเด็ก จึงมอบคำขวัญให้เป็นข้อคติเตือนใจสำหรับเด็กปีละ 1 คำขวัญ (ก่อนถึงวันเด็กแห่งชาติ)

นายกรัฐมนตรีสมัยต่อมา จึงได้ถือเป็นธรรมเนียมสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

แล้วช่วงเวลาของยุคการพัฒนาตามอเมริกา ในพ.ศ. 2502-2506 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งคำขวัญวันเด็ก คือ ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความก้าวหน้า

และปีต่อๆมา ก็จะเพิ่มเติมต่อท้ายคำขวัญเปลี่ยนจากรักความก้าวหน้า เป็นจงเป็นเด็กที่รักความสะอาด และต่อมาจงเป็นเด็กที่อยู่ในระเบียบวินัย จนถึงจงเป็นเด็กที่ประหยัด ในท้ายที่สุดของปี2506 คือ จงเป็นเด็กที่มีความขยันหมั่นเพียรมากที่สุด

แล้วต่อมาวาระสุดท้ายของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจนถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2506 ที่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าด้วยโรคไตพิการเรื้อรัง รวมอายุได้ 55 ปี และจอมพลสฤษดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนเดียวที่เสียชีวิตลงในขณะที่ดำรงตำแหน่ง

หลังจากที่จอมพลสฤษดิ์ถึงแก่อสัญกรรมแล้วทายาท ทั้งหลายต่างก็เริ่มวิวาทแก่งแย่งทรัพย์มรดกมหาศาลของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2507 บุตรทั้ง 7 คนของจอมพลสฤษดิ์ได้ฟ้องท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ที่พยายามจะตัดสิทธิในส่วนแบ่งอันถูกต้องของทายาท เนื่องจากเป็นเรื่องอื้อฉาวมาก ประชาชนจึงต่างให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่งในคดีนี้ และสื่อมวลชนก็ยกให้เป็นคดีที่อื้อฉาวที่สุดในเมืองไทย โดยการที่ประชาชนให้ความสนใจในการพิจารณาคดีนี้

จึงเป็นการบังคับให้รัฐบาลจอมพลถนอมต้องเข้าแทรกแซงและสอบสวนเบื้องหลังความมั่งคั่งของจอมพลสฤษดิ์ นั่นเป็นสิ่งที่แสดงถึงความขัดแย้งอย่างชัดเจน ที่เราไม่อาจเอาตัวแบบอย่างเรื่องประหยัด จากยุคสมัยของพ่อขุนอุปถัมภ์เผด็จการได้

สำหรับเด็กๆ คำขวัญเป็นโวหารจอมปลอมจากนายกฯ เมื่อความจริงปรากฏขึ้นมาว่า บทเรียนของการคอรัปชั่นโดยทหาร เป็นส่วนหนึ่งระบบราชการ และส่วนหนึ่งของการนำเสนอคำขวัญให้เด็ก คือ จงเป็นเด็กที่ประหยัด และจงเป็นเด็กที่มีความขยันหมั่นเพียรมากที่สุด ทำให้เราเห็นว่า ขยันคอรัปชั่นรวยเร็วกว่าประหยัด โดยบทเรียนทางประวัติศาสตร์

อย่างไรก็ตาม บทเรียนดังกล่าว ทำให้เราเข้าใจไม่มีคำขวัญ ที่เป็นคุณธรรม หรือ ชาติ ในคำขวัญ แต่ว่ายุคสมัยลัทธิทหารชาตินิยม ก็เป็นแบบของจอมพลสฤษดิ์

โดยดูได้จากการเปลี่ยนวันสำคัญของชาติไทยจาก24 มิถุนา นั่นเอง และมิติมุมมองหนึ่งของยุคที่ไทยเราแพ้คดีเขาพระวิหาร แล้วยังมารู้เห็นความจริง ในทีหลังเรื่องคอรัปชั่น เพราะเราอยู่ในยุคที่ถูกปิดหูปิดตา มาก่อนหน้าที่จอมพลสฤษดิ์ จะตาย จึงได้ถูกเปิดเผยความจริง เพื่อพิสูจน์ความจริงได้ชัดเจน

งดจัดงานวันเด็ก ในสมัยจอมพลถนอม และการกลับมากำเนิดคำขวัญวันเด็กกับชาติไทยโดยรัฐบาลทหาร

พ.ศ. 2507 จอมพล ถนอม กิตติขจร ไม่มีคำขวัญ เนื่องจากงดการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ
พ.ศ. 2508 จอมพล ถนอม กิตติขจร เด็กจะเจริญต้องรักเรียนเพียรทำดี
พ.ศ. 2509 จอมพล ถนอม กิตติขจร เด็กที่ดีต้องมีสัมมาคารวะ มานะ บากบั่น และสมานสามัคคี
พ.ศ. 2510 จอมพล ถนอม กิตติขจร อนาคตของชาติจะสุกใส หากเด็กไทยแข็งแรงดีมีความประพฤติเรียบร้อย
พ.ศ. 2511 จอมพล ถนอม กิตติขจร ความเจริญและความมั่นคงของชาติไทยในอนาคต ขึ้นอยู่กับเด็กที่มีวินัย เฉลียวฉลาดและรักชาติยิ่ง
พ.ศ. 2512 จอมพล ถนอม กิตติขจร รู้เรียน รู้เล่น รู้สามัคคี เป็นความดีที่เด็กพึงจำ
พ.ศ. 2513 จอมพล ถนอม กิตติขจร เด็กประพฤติดีและศึกษาดี ทำให้มีอนาคตแจ่มใส
พ.ศ. 2514 จอมพล ถนอม กิตติขจร ยามเด็กจงหมั่นเรียน เพียรกระทำดี เติบใหญ่จะได้มีความสุขความเจริญ
พ.ศ. 2515 จอมพล ถนอม กิตติขจร เยาวชนฝึกตนดี มีความสามารถ
พ.ศ. 2516 จอมพล ถนอม กิตติขจร เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ


ทั้งนี้ กรณีคำขวัญเป็นตัวอย่างของการเปรียบเทียบให้เข้าใจการกำเนิดของเด็กกับชาตินิยมโดยทหาร ในพ.ศ. 2510 จอมพล ถนอม กิตติขจร อนาคตของชาติจะสุกใส หากเด็กไทยแข็งแรงดีมีความประพฤติเรียบร้อย เป็นต้นมา ก็มีความสำคัญเด็กกับชาติไทย ที่มีต่อมา คือ คำขวัญที่คล้องจองจำง่าย ถึง“เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ” นี่เป็นบทสะท้อนของการสร้างพรมแดนของเด็ก ให้อยู่ในความทรงจำของเด็กไทย ที่เห็นได้อย่างชัดเจน

หลัง 14 ตุลา 2516 กับกำเนิดคำขวัญวันเด็กว่า “คุณธรรม”ในยุคสมัยรัฐบาลพลเอกเปรม และหลังรัฐประหาร 2534

พ.ศ. 2517 นายสัญญา ธรรมศักดิ์ สามัคคีคือพลัง
พ.ศ. 2518 นายสัญญา ธรรมศักดิ์ เด็กดีคือทายาทของชาติไทย ต้องร่วมใจร่วมพลังสร้างความสามัคคี
พ.ศ. 2519 หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช เด็กที่ต้องการเห็นอนาคตของชาติรุ่งเรือง จะต้องทำตัวให้ดี มีวินัย เสียแต่บัดนี้
พ.ศ. 2520 นายธานินทร์ กรัยวิเชียร รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเยาวชนไทย
พ.ศ. 2521 พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติมั่นคง
พ.ศ. 2522 พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เด็กไทยคือหัวใจของชาติ
พ.ศ. 2523 พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ อดทน ขยัน ประหยัด เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย
พ.ศ. 2524 พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เด็กไทยมีวินัย ใจสัตย์ซื่อ รู้ประหยัด เคร่งครัดคุณธรรม
พ.ศ. 2525 พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ขยันศึกษา ใฝ่หาความรู้ เชิดชูชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย
พ.ศ. 2526 พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ รู้หน้าที่ ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด มีวินัยและคุณธรรม
พ.ศ. 2527 พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ รักวัฒนธรรมไทย ใฝ่ดีมีความคิด สุจริตใจมั่น หมั่นศึกษา
พ.ศ. 2528 พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ สามัคคี นิยมไทย มีวินัย ใฝ่คุณธรรม
พ.ศ. 2529(-2531) พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม


จากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง หลัง 14 ตุลา 2516 เป็นต้นมา ซึ่งเราสามารถพิจารณาคำขวัญจากการลำดับของยุคสมัยของรัฐบาลต่างๆ จนเห็นได้ว่า รัฐบาลพลเอกเปรม ในช่วงประชาธิปไตยครึ่งใบโดยทหาร ก็มีคำว่า คุณธรรมเกิดขึ้นมาเป็นองค์ประกอบของการสร้างเด็กไทยในชาติ

จนกระทั่งต่อมา รัฐบาลชาติชาย จากมีคำว่าคุณธรรม กลายเป็นไม่มีคำว่า คุณธรรมในยุคหลังรัฐประหาร แล้วเกิดเหตุพฤษภาทมิฬ เป็นต้น

แล้วการกลับมาของคำว่า คุณธรรม และ ไม่มีคำว่า คุณธรรม ในยุคประชาธิปไตยในสมัยรัฐบาลชวน คือ ช่วงปี 2543-44 จนกระทั่ง รัฐบาลทักษิณ ก็ไม่มีคำว่าคุณธรรม ปรากฏให้เห็นอีกต่อไป

วิเคราะห์ความสัมพันธ์การเมืองหลังรัฐประหาร 2549 กับคำขวัญเชิดชูคุณธรรมจากวันเด็ก-ทักษิณ และจิ๋วเรนเจอร์

เมื่อเกิดเหตุการณ์รัฐประหารโดยทหาร จึงน่าสนใจต่อการวิเคราะห์คำขวัญ หมายถึง ถ้อยคำ ข้อความ คำคล้องจอง หรือบทกลอนสั้นๆ เพื่อให้จำได้ง่าย ถ้อยคำหรือข้อความ ที่แต่งขึ้นเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจ แสดงอุดมคติ หรือเป้าหมายของกิจกรรมวันเด็ก และการวิเคราะห์คำว่า คุณธรรม

ที่มีความหมายตามพจนานุกรม “คุณธรรม [คุนนะ-] น. สภาพคุณงามความดี.” และสื่อสัญลักษณ์ถึงความดี ทั้งด้านศาสนา และมุมมอง โดยพื้นฐานของมนุษย์เชื่อมโยงกับคุณธรรม เป็นสิ่งสำคัญ แต่ว่ามาตรฐานของคุณธรรม ในสังคมไทย จะต้องตรวจสอบ ไม่ให้คุณธรรมตก อยู่ภายใต้ความเชื่อโดยไม่สามารถพิสูจน์ความจริงได้ ซึ่งสะท้อนภาพความเป็นไปในสังคมแต่ละยุคสมัยไม่น้อย(1) ดังคำขวัญต่อไปนี้

พ.ศ. 2550 พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ มีคุณธรรมนำใจ ใช้ชีวิตพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข
พ.ศ. 2551 พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ สามัคคี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ เชิดชูคุณธรรม
พ.ศ. 2552 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคคี
พ.ศ. 2553 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คิดสร้างสรรค์ ขยันใฝ่รู้ เชิดชูคุณธรรม


ฉะนั้น จากตัวอย่างของการเปรียบเทียบของคำขวัญในยุคจอมพลป.จอมพลสฤษดิ์ จอมพลถนอม และพลเอกเปรม ถึงรัฐประหาร 2549 ก็น่าสนใจนั่นเอง

และเมื่อการเปลี่ยนแปลงการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งเรื่องคำขวัญ ก็เราหาดูได้จากวิกีพีเดียไทยด้วยซ้ำ โดยผู้เขียน นำเสนอมุมมองลำดับเวลากล่าวอย่างย่อๆ ว่า เกิด รัฐประหารโดยทหาร ซึ่งมาจากพลเอก สนธิ บุญยรัตนกลิน เป็นคนที่ทักษิณ คิดว่าจะช่วยปรับโครงสร้างทางทหาร และสนธิ ช่วยแก้ปัญหาภาคใต้ กลับกลายเป็นโค่นล้มรัฐบาลทักษิณ ในวันที่ 19 กันยายน 2549

แล้วรัฐบาลออกแบบทำนิยายรัฐธรรมนูญ 2550 เหมือนนิยาย(2) และคำขวัญยังเหมือนเรื่องหลอกเด็ก ในเรื่องคุณธรรม ก็โกหก และถ้าเราสนับสนุนบทบาทการเล่นเป็นบทบาททหารตามงานวันเด็ก อาวุธ และเกมส์ ที่ทำให้เด็กเสพติดเชื่อง่ายๆ ทำร้ายสิทธิเด็ก ในฐานะสิทธิมนุษยชน

อันเรื่องคำขวัญคุณธรรม ซึ่งสื่อจากรัฐบาลทหาร ที่ถูกสิทธิมนุษยชนเอเชีย บอกว่า รัฐบาลทหารสร้างนิยายรัฐธรรมนูญ เป็นต้น

ทั้งนี้ จากปีที่ผ่านมา คือ 2553 ก็นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ ได้เชิดชูคำขวัญ คือ เชิดชูคุณธรรม เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันเด็ก เพื่อไม่ให้รับอิทธิพลของเทคโนโลยีเร็วเกินไป

ขณะที่ฝ่ายของรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทั้งสมัคร และสมชาย ไม่มีโอกาสให้คำขวัญวันเด็ก แล้วทักษิณ ก็ส่งมอบคำขวัญวันเด็ก คือ “อนาคตจะสดใส ต้องใฝ่เรียนรู้เทคโนโลยี”ในปี2553

แล้วปี2554 เราต้องสร้างอนาคตให้เด็กไทย ข้ามพ้นชาตินิยม ในท่ามกลางกระแสเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ กรณีเขาพระวิหาร กับพรมแดนไทย-กัมพูชา และรัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่ถูกสิทธิมนุษยชนเอเชีย ชี้ให้เห็นว่า คือ รัฐทหาร นี่เป็นสิ่งที่ไม่ควรส่งเสริมอำนาจของทหารให้ครอบงำ เหมือนกับส่งเสริมอำนาจของรัฐบาล จัดงานกิจกรรมเด็กแต่งตัวเป็นทหาร และสวมหมวกให้จิ๋วเรนเจอร์ เป็นตำรวจเด็ก(3) โดยรัฐบาลทหารแบบอภิสิทธิ์

สรุป จากกรณีรัฐทหารของอภิสิทธิ์ ก็เรื่องคำขวัญวันเด็กเชิดชูคุณธรรม กลายเป็นไม่มีเชิดชูคุณธรรม ซึ่งคุณธรรมนั้นเป็นปัญหาในปัจจุบัน และถ้าเรานึกถึงวลีประโยคสุดฮิตว่า ถ้าคุณไม่เป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหา คุณก็คือเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา และเราต้องแก้ไขปัญหา ทั้งเรื่องคำขวัญวันเด็ก ที่มีเรื่องคุณธรรม ต้องเปลี่ยนทัศนคติของเด็ก ไม่ใช่นำพาเด็ก

โดยสร้างการครอบงำสวมหมวกให้เด็ก ภายใต้"รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ"แล้วจากคำขวัญมีจิตสาธารณะ เป็นบทบาทของเด็ก เป็นรปภ.ของนายกรัฐมนตรี โดยหลงลืมบทพิสูจน์ไม่มีคุณธรรมสำหรับผู้ตาย และผู้ติดคุก ทำให้เหมือนทุกคน ถูกขังไม่เห็นความจริง

แทนที่จะเลิกเล่นบทบาทสนับสนุนรัฐบาลทหาร ตำรวจ และเลิกเล่นบททหารชาตินิยม เพื่อไม่ให้เกิดมายาคติของเด็กไทยหัวใจรักชาติ

*****

อ้างอิง:

1.บัญญัติ คำนูณวัฒน์ “เล่าสู่กันฟัง-มีอะไรในคำขวัญวันเด็ก” นสพ.คมชัดลึก วันจันทร์ที่ 11 มกราคม 2553

2.อรรคพล สาตุ้ม ปัญหารัฐธรรมนูญ 2550: นิยายและความจริง ในภาพสะท้อนเราใกล้ชิดเส้นชัย

3.เปิดจิ๋วเรนเจอร์ตร.คุ้มกันมาร์ควันเด็ก นสพ.คมชัดลึกวันอังคารที่ 4 มกราคม 2554