ที่มา มติชน
โดย โกวิท วงศ์สุรวัฒน์
การไปครั้งนี้ได้แวะที่อำเภอปักธงชัย พูดคุยกับคุณป้าคนหนึ่งที่มีอาชีพเลี้ยงวัวนมซึ่งเป็นคนรู้จักคุ้นเคยกันมานาน การสนทนาก็เป็นเรื่องการเลือกตั้งซ่อมที่โคราชช่วงนี้แต่ไม่ได้มีการเลือกตั้งที่ อ.ปักธงชัย เพราะคนละเขตกัน (มีการเลือกตั้งที่เขต 6 คือพื้นที่ของ อ.จักราช อ.โชคชัย อ.หนองบุญมาก อ.เฉลิมพระเกียรติ และ อ.ห้วยแถลง)
ผู้เขียน : ป้าครับ การเลือกตั้งแถวนี้เขาแจกเงินกันหรือเปล่า?
ป้า : โอ้ย! เขาแจกทุกครั้ง ทุกฝ่ายนั่นแหละ ใครไม่แจกไม่มีทางได้สักคะแนนดอก
ผู้เขียน : อ้าว! แล้วป้าละครับ รับเงินเขามั่งหรือเปล่า ?
ป้า : รับซิ ใครเอามาให้ก็เอาทั้งนั้นแหละ เรื่องเงินใครจะไม่อยากได้
ผู้เขียน : แล้วป้าเลือกใครล่ะ ในเมื่อเขาแจกทุกฝ่าย ?
ป้า : ก็เลือกคนที่เขาให้มากที่สุดนั่นแหละ
ผู้เขียน : ไม่บาปหรือ ป้า ?
ป้า : คงบาปนั่นแหละ แต่คงบาปน้อยหน่อย
ผู้เขียน : แล้วป้าไม่กลัวตกนรกหรือ ?
ป้า : ก็กลัวเหมือนกัน แต่มันอยากได้เงินมากกว่า
ผู้เขียนนั่งรถกลับกรุงเทพฯ หัวเราะคิกคักมาตลอดทางเนื่องจากมีความสุขกับการที่หวนระลึกถึงวัยหนุ่มที่แสนสุขตอนเรียนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัยเมื่ออาจารย์ผู้สอนวิชาการเมืองเปรียบเทียบเล่าเรื่องการเลือกตั้งในอังกฤษ ซึ่งเป็นแม่แบบของประชาธิปไตยสมัยใหม่เมื่อ 200 กว่าปีมาแล้ว ว่าการเลือกตั้งของอังกฤษสมัยนั้นก็มีการซื้อเสียงแจกเงินกันแบบโจ๋งครึ่มเหมือนเมืองไทยในปัจจุบัน (เพียงแต่ที่อังกฤษเขาไม่มีคณะกรรมการ กกต.กลาง, กกต.จังหวัดมาให้รกรุงรังเหมือนบ้านเราเท่านั้นเอง) ซึ่งแน่นอนคนอังกฤษก็เหมือนคนไทยนั่นแหละครับ
ใครให้เงินมากกว่าก็เลือกคนนั้น
อีทีนี่ก็มีนักการเมืองประเภทเบี้ยน้อยหอยน้อย (คือไม่รวยเท่าไรนัก) คนหนึ่งเกิดอยากเป็นผู้แทนราษฎรกับเขาบ้าง แต่ประมาณกำลังตัวได้ดีว่าไม่มีกระสุน (เงิน) ที่จะยิงจนเอาชนะคู่ต่อสู้ที่เก๋ากว่าได้จึงคิดกุศโลบายคือ อุบายที่ฉลาดนั่นแหละ) ด้วยการไปจ้างพระในคริสต์ศาสนาให้ไปเทศน์ในเขตเลือกตั้งของตนถึงความบาปอันมหาศาลของการขายเสียงว่าจะต้องตกนรกหมกไหม้แล้วยังต้องติดอยู่ในเพอร์เกตทอรี่ (Purgatory) อีกแสนนานนับหมื่นล้านปีเลยทีเดียว
พวกพระนักบวชของคริสต์ศาสนาเวลาเขาขู่เรื่องนรกนี่ฟังน่ากลัวจะตายไป ผู้เขียนเองเคยไปฟังมา 2-3 ที แบบว่านอนไม่หลับเลยทีเดียว ซึ่งเขาคงเทศน์สมค่าจ้างแหละครับ เล่นเอาชาวบ้านสยองขวัญกันทั่วหน้า
นักการเมืองหน้าใหม่คนจ้างพระนั้นก็จะดักคอยชาวบ้านเพื่อจะหยั่งเสียงดูซึ่งสังเกตดูแล้วชาวบ้านทุกคนหน้าตาไม่ค่อยดี ทั้งนั้น เพราะยังสยองกับบาปหนักของการขายเสียงอยู่ทุกคนซึ่งการสนทนาน่าจะเป็นแบบนี้
นักการเมือง : ว่ายังไงพี่น้อง ดูเหมือนการขายเสียงนี่เป็นบาปหนักนะ
ชาวบ้าน : นั่นซี ไม่รู้ว่ามันบาปร้ายแรงหนักหนาขนาดนี้เลย
นักการเมือง : ถ้ายังงั้นก็คงไม่ขายเสียง ไม่รับแจกเงินอีกแล้วนะ
ชาวบ้าน (เป็นเสียงเดียวกัน) : ก็ยังรับเงินอยู่ แต่คงต้องแพงขึ้นมากๆ ให้มันคุ้มกับบาปที่หนักหนาสาหัสอย่างนี้
ครับ! เล่าเรื่องจริงที่ประสบมาด้วยตัวเองกับเรื่องเล่าที่อาจารย์ของผู้เขียนเล่าให้ฟังพอให้ขำขันจะได้สบายใจเข้าบรรยากาศปีใหม่
อยู่เมืองไทยครับ หากไม่อ่านไม่ฟังเรื่องจริงๆ ด้วยอารมณ์ขันก็เป็นบ้าเอาง่ายๆ นะครับ