WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, January 6, 2011

"สุนัย"ไม่หวั่นแก้ รธน.สกัด พท. คุย"20 ล้านเสียง"พร้อมหนุน

ที่มา มติชน

นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.... เสนอให้แก้ไขระบบเลือกตั้งเป็น ส.ส.เขต 375 คน และระบบสัดส่วน 125 คน ว่า ไม่ว่ารัฐบาลจะแก้ไขรัฐธรรมนูญไปในลักษณะไหน ให้มี ส.ส.เขตและ ส.ส.สัดส่วนเท่าไร พรรคเพื่อไทยก็พร้อมสำหรับการเลือกตั้ง แต่น่าเป็นห่วงว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นการแก้ไขเพื่อ ส.ส. แต่ไม่ได้เหลียวแลโครงสร้างหลักของรัฐธรรมนูญ ที่รัฐธรรมนูญ 2550 ได้ไปดึงเอาสถาบันตุลาการลงมาร่วมแต่งตั้งองค์กรอิสระและ ส.ว.สรรหา ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาทำให้สถาบันตุลาการสั่นคลอน กระทบไปถึงสถาบันอื่นๆ ได้ในอนาคต ซึ่งสาเหตุนี้เป็นเหตุสำคัญที่พรรคเพื่อไทยไม่ขอร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ เพราะเกรงว่าเมื่อได้รับการเลือกตั้งเข้ามาแล้ว จะถูกกล่าวหาว่าเป็นสาเหตุในการทำลายสถาบันต่างๆ โดยเฉพาะการกำหนดจำนวน ส.ส.สัดส่วนที่มีจำนวนมากขึ้นแต่เป็นแบบรวมเขต ซึ่งคณะกรรมาธิการควรต้องพิจารณาให้ดีว่าในรัฐธรรมนูญปี 2540 พรรคไทยรักไทยได้คะแนนสัดส่วนมากถึง 19 ล้านเสียง และครั้งนี้หากพรรคเพื่อไทย ได้คะแนนสัดส่วนมาสัก 20 ล้านเสียงแล้วจะไปทำอย่างไรกัน

นายสุนัยกล่าวว่า จากสถานการณ์การเมืองที่ประเทศไทย รวมไปถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่คนไทยส่วนใหญ่มองว่าจะเป็นปัญหากับหลายๆ สถาบันในสังคมไทยในอนาคต คนไทยในสหรัฐอเมริกา จึงคิดที่จะยกร่างรัฐธรรมนูญที่เหมาะสมกับรูปแบบการปกครองของสังคมประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแบบไทย เพื่อมาศึกษาและเป็นแบบอย่าง โดยได้เชิญตนไปบรรยายพิเศษเรื่อง "ทางออกวิกฤตการเมืองไทยกับบทบาทของคนไทยในต่างแดน" ในนิวยอร์ก ชิคาโก ฟลอริดา เท็กซัส แคลิฟอร์เนีย และที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซิล เมืองเมดิสัน ระหว่างวันที่ 6-23 มกราคมนี้