ที่มา มติชน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมคนเสื้อแดงช่วงเมษายน-พฤภาคม 2553 ว่าหลังเหตุการณ์ความรุนแรงในวันที่ 10 เมษายน นายอภิสิทธิ์ส่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) มาเจรจากับตน 3-4 ครั้ง ต่อมาแต่จู่ๆ นายอภิสิทธิ์ก็สั่งให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ให้เลิกการเจรจรา ทาง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ก็ต้องหยุด จากนั้นสถานการณ์ก็เริ่มตึงเครียด แต่ก็มีความพยายามที่จะตั้งโต๊ะเจรจากันอยู่ตลอด โดยตนประสานผ่านนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ ประธาน นปช. ที่แม้จะยุติบทบาทไปก่อนหน้านั้น แต่พยายามช่วยประสานการเจรจากับนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีขณะนั้น และนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา แกนนำเสื้อแดงรายเดิมกล่าวต่อว่า เมื่อเห็น ส.ว.ยกมือขอเป็นตัวกลาง จึงโทรศัพท์ไปหาพล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.สรรหา ซึ่งได้แจ้งกลับมา ว่านายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภาเห็นด้วยและพร้อมที่จะเป็นคนกลางในการเจรจาให้ ในเช้าวันที่ 19 พฤษภาคม โดยได้แจ้งไปยังนายอภิสิทธิ์ ซึ่งก็เห็นด้วยเช่นกัน "ต้องนึกภาพว่าในตู้คอเทนเนอร์เราคุยกันเป็นรูปธรรมระดับนี้ โดยมีประธานวุฒิเป็นคนยืนยันสำคัญว่าจะเกิดการเจรจาในเช้าวันที่ 19 พฤษภาคม เราจึงมั่นใจว่าวันที่ 19 พฤษภาคม ตอนเช้าจะมีการเจรจา พวกผมส่งคณะ ส.ว.กลับด้วยความเข้าใจนี้ แต่ปัญหาก็คือเช้ามืดวันที่ 19 พฤษภาคม ไม่มีการเจรจา มีแต่การเข่นฆ่าอย่างอำมหิต ปัญหาคือวันนั้นทำไมรัฐบาลไม่คุยอีก จะคุยวันที่ 19 แล้วฆ่าวันที่ 20 ได้ไหม การที่จะคุยกันอีกครั้งเพื่อหาทางคลี่คลายสถานการณ์นี้ด้วยสันติวิธี จะดีกว่าการเข่นฆ่ากันหรือไม่ เสียเวลา 1 วันเพื่อการไม่ต้องเสียชีวิตคนอีกหลายสิบชีวิต รัฐบาลจะเลือกแบบไหน" นายณัฐวุฒิกล่าว
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า เมื่อปิดล้อมก็เกิดการเผชิญหน้ากัน เหตุการณ์ก็ลุกลามบานปลาย มีคนบาดเจ็บล้มตาย ตนพยายามเจรจากับคนของฝ่ายรัฐบาลหลายครั้ง มีการโทรศัพท์พูดคุยกับคุณกอร์ปศักดิ์ เพราะเพียงแค่อยากอธิบายเหตุผลว่าสาเหตุที่วุ่นวายกันอยู่ก็เพราะรัฐบาลเอากำลังทหารไปปิดทาง คนจะเข้ามา เข้ามาไม่ได้ ก็เกิดการเผชิญหน้าและสูญเสีย จึงเสนอให้นายกอร์ปศักดิ์เปิดทาง เพื่อจะได้พาพี่น้องที่เผชิญหน้าแต่ละจุดเข้ามา ก็ไม่ทราบนายกอร์ปศักดิ์ ไปสื่อสารอย่างไร กลายเป็นไปบอกว่าตนเป็นหัวหน้าผู้ก่อการร้าย สามารถสั่งคนให้เข้ามาได้ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งไป