ที่มา thaifreenews
โดย bozo
Read more from Uncategorized
http://robertamsterdam.com/thai/?cat=1
ในรายงานของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์วันนี้ที่ระบุว่า
กรมสอบสวนคดีพิเศษเหมือนจะถูกกองทัพไทยกดดันให้เปลี่ยนข้อสรุปว่า
ใครเป็นคนสังหารนักข่าวช่างภาพรอยเตอร์ นายฮีโรยูกิ มูราโมโตนั้นเป็นเรื่องที่น่าตกใจ
แต่สำหรับเราแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่น่าประหลาดใจแต่อย่างใด
ในคำร้องศาลอาญาระหว่างประเทศของเรา
ซึ่งเป็นเอกสารที่ดูเหมือนว่าหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์หลีกเลี่ยงที่จะอ่าน
–คำให้การของพยานนิรนามปากที่ 20 (คำให้การดังกล่าวฉบับแก้ไขดังกล่าวแสดงในข้างล่าง)
ทำนายถึงการปกปิดนี้ที่เกิดขึ้นในขณะนี้
“มันเป็นนโยบายทางการของรัฐบาลไทยที่จะปกปิด
หรือทำลายหลักฐานการกระทำผิดทางอาญาของรัฐบาล
หรือผู้นำทางการทหารเกี่ยวกับการสังหารทั้งหมด
หลังจากความเหตุการณ์รุนแรงในกรุงเทพมหานครเมื่อเดือนเมษายน ปี 2553
ซึ่งมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 24 ราย
ศอฉ. ได้มอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษสอบสวนสาเหตุการเสียชีวิตของบุคคลเหล่านั้น
ในวันที่ 16 เมษายน นายธาริตมีอำนาจสอบสวนการสังหารอย่างเป็นทางการ
ในขณะนี้ การสอบสวนถึงการเสียชีวิตของคนเสื้อแดงทั้งแปดสิบสี่ราย
ในระหว่างการชุมนุมจำนวนกว่าครึ่งหนึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินการ
และได้มีการสรุปบ้างแล้ว
อย่างน้อยเบื้องต้นพวกเขาถูกสังหารโดยทหารกลุ่มหนึ่งจากกองทัพไทย
ภายใต้คำสั่งของของรัฐบาลไทยและศอฉ.
พนักงานสอบสวนของดีเอสไอบางรายที่สรุปแบบนี้ถูกผู้บัญชาการสั่งให้เปลี่ยนข้อสรุป
อธิบดีดีเอสไอ นายธาริตมีส่วนร่วมในการพยายามทำให้ผลการสอบสวนของดีเอสไอล้าช้า
และนี่คือหลักฐานความล้มเหลวของเขาในการสั่งให้ทำการสอบสวนโดยรวดเร็ว
และยังเป็นความล้มเหลวของเขาในการเริ่มต้นสอบสวนเกี่ยวกับประเด็นของเจตนาผู้กระทำ
ความล้มเหลวในการเร่งกระทำการสอบสวนของเขานั้น
เนื่องจากมีแรงจูงใจอย่างน้อยที่สุดคือในเรื่องข้อเท็จที่เขาเป็นสมากชิกศอฉ.
ซึ่งในสถานการณ์ปกติเป็นประเด็นสำคัญในการสอบสวน
นอกจากนี้ ยังประกอบกับความพยายามของรัฐบาลในการปกปิดหลักฐานอีกด้วย
อธิบดีดีเอสไอ นายธาริตได้ออกคำสั่งห้าม
พนักงานสอบสวนดีเอสไอเรียกทหารจากกองทัพมาสอบสวน
ซึ่งต่างจากกระบวนการสอบสวนทั่วไปของดีเอสไออย่างสิ้นเชิง
ในส่วนที่ดีเอสไอจะสอบสวนใครก็ตามที่เจ้าหน้าที่สรุปว่ามีส่วนทำให้เกิดการเสียชีวิตนั้น
ในเดือนพฤศจิกายน 2553 รายงานอย่างเป็นทางการของดีเอสไอ
เกี่ยวกับการสังหารในเดือนพฤษภาคม 2553 ได้รั่วไปถึงมือสื่อมวลชน
แกนนำคนเสื้อแดงนายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้กล่าวต่อสาธารณชนเกี่ยวกับประเด็นข้อสรุปว่า
ทหารบางกลุ่มมีส่วนร่วมในการสังหารประชาชน
ไม่นานหลังจากเหตุการณ์นี้ มีรายงานในสื่อไทยว่า
ผู้บัญชาการทหารบก พลเอกประยุทธ์ จันโอชาได้ออกมาเรียกร้องให้ถอดถอนอธิบดีดีเอสไอนายธาริต
รองนายกรัฐมนตีสุเทพ เทือกสุบรรณจึงเรียกอธิบดีดีเอสไอธาริตเข้าพบ
ทันทีหลังจากการประชุม
นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ได้กล่าวสนับสนุนอธิบดีดีเอสไอนายธาริตต่อสื่อมวลชน
นายธาริตไม่ถูกถอดถอน
เพราะเขาจะได้มีอำนาจในการตัดสินชี้ขาดไม่ให้ดำเนินคดีต่อผู้นำทางการทหาร
หรือสมาชิกศอฉ. ในส่วนของนายธาริต เขาได้กล่าวต่อสื่อว่า
คำพูดของนายจตุพรเกี่ยวกับเอกสารรายงานดีเอสไอที่รั่วออกมานั้น
ไม่ตรงกับข้อสรุปของพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ซึ่งคำพูดของนายธาริตไม่ใช่เรื่องจริง
ทันทีหลังจากประชุมกับรองนายกรัฐมนตรีสุเทพ
อธิบดีดีเอสไอ นายธาริตออกคำสั่งภายในดีเอสไอให้เขามีอำนาจในการตัดสินว่า
การสังหารมีเจตนาทางอาญาหรือไม่เพียงคนเดียว
และหากไม่มีการสรุปเรื่องเกี่ยวกับเจตนาทางอาญาแล้ว
จะทำให้ผู้นำทางการทหารหรือรัฐบาลไทยไม่ต้องรับผิดทางอาญา
เป็นเรื่องที่ชัดเจนอย่างมาก
ที่อธิบดีดีเอสไอให้ความเชื่อมั่นนายกรัฐมนตีรอภิสิทธิ์ผ่านทางรองนายกรัฐมนตรีสุเทพว่า
ไม่ว่าพนักงานสอบสวนของดีเอสไอจะสรุปผลของการเสียชีวิตว่าอย่างไรก็ตาม
แต่เขาจะสรุปให้ทหารไม่มีเจตนาทางอาญา
ในเหตุการณ์การเสียชีวิตของพลเรือนและทหารในเดือนเมษายนและพฤษภาคม ปี 2553
เพื่อแลกเปลี่ยนที่รัฐบาลอนุญาติให้นายธาริตอยู่ในตำแหน่ง”
ก่อนที่ความพยายามของเราจะถูกเพิกเฉยอีกครั้ง
เราขอให้หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ใช้เวลาอ่านคำร้องของเรา
เพื่อจะเรียนรู้บางอย่างจากคำร้องดังกล่าว
http://robertamsterdam.com/thai/?p=717
http://robertamsterdam.com/thai/?cat=1
ในรายงานของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์วันนี้ที่ระบุว่า
กรมสอบสวนคดีพิเศษเหมือนจะถูกกองทัพไทยกดดันให้เปลี่ยนข้อสรุปว่า
ใครเป็นคนสังหารนักข่าวช่างภาพรอยเตอร์ นายฮีโรยูกิ มูราโมโตนั้นเป็นเรื่องที่น่าตกใจ
แต่สำหรับเราแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่น่าประหลาดใจแต่อย่างใด
ในคำร้องศาลอาญาระหว่างประเทศของเรา
ซึ่งเป็นเอกสารที่ดูเหมือนว่าหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์หลีกเลี่ยงที่จะอ่าน
–คำให้การของพยานนิรนามปากที่ 20 (คำให้การดังกล่าวฉบับแก้ไขดังกล่าวแสดงในข้างล่าง)
ทำนายถึงการปกปิดนี้ที่เกิดขึ้นในขณะนี้
“มันเป็นนโยบายทางการของรัฐบาลไทยที่จะปกปิด
หรือทำลายหลักฐานการกระทำผิดทางอาญาของรัฐบาล
หรือผู้นำทางการทหารเกี่ยวกับการสังหารทั้งหมด
หลังจากความเหตุการณ์รุนแรงในกรุงเทพมหานครเมื่อเดือนเมษายน ปี 2553
ซึ่งมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 24 ราย
ศอฉ. ได้มอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษสอบสวนสาเหตุการเสียชีวิตของบุคคลเหล่านั้น
ในวันที่ 16 เมษายน นายธาริตมีอำนาจสอบสวนการสังหารอย่างเป็นทางการ
ในขณะนี้ การสอบสวนถึงการเสียชีวิตของคนเสื้อแดงทั้งแปดสิบสี่ราย
ในระหว่างการชุมนุมจำนวนกว่าครึ่งหนึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินการ
และได้มีการสรุปบ้างแล้ว
อย่างน้อยเบื้องต้นพวกเขาถูกสังหารโดยทหารกลุ่มหนึ่งจากกองทัพไทย
ภายใต้คำสั่งของของรัฐบาลไทยและศอฉ.
พนักงานสอบสวนของดีเอสไอบางรายที่สรุปแบบนี้ถูกผู้บัญชาการสั่งให้เปลี่ยนข้อสรุป
อธิบดีดีเอสไอ นายธาริตมีส่วนร่วมในการพยายามทำให้ผลการสอบสวนของดีเอสไอล้าช้า
และนี่คือหลักฐานความล้มเหลวของเขาในการสั่งให้ทำการสอบสวนโดยรวดเร็ว
และยังเป็นความล้มเหลวของเขาในการเริ่มต้นสอบสวนเกี่ยวกับประเด็นของเจตนาผู้กระทำ
ความล้มเหลวในการเร่งกระทำการสอบสวนของเขานั้น
เนื่องจากมีแรงจูงใจอย่างน้อยที่สุดคือในเรื่องข้อเท็จที่เขาเป็นสมากชิกศอฉ.
ซึ่งในสถานการณ์ปกติเป็นประเด็นสำคัญในการสอบสวน
นอกจากนี้ ยังประกอบกับความพยายามของรัฐบาลในการปกปิดหลักฐานอีกด้วย
อธิบดีดีเอสไอ นายธาริตได้ออกคำสั่งห้าม
พนักงานสอบสวนดีเอสไอเรียกทหารจากกองทัพมาสอบสวน
ซึ่งต่างจากกระบวนการสอบสวนทั่วไปของดีเอสไออย่างสิ้นเชิง
ในส่วนที่ดีเอสไอจะสอบสวนใครก็ตามที่เจ้าหน้าที่สรุปว่ามีส่วนทำให้เกิดการเสียชีวิตนั้น
ในเดือนพฤศจิกายน 2553 รายงานอย่างเป็นทางการของดีเอสไอ
เกี่ยวกับการสังหารในเดือนพฤษภาคม 2553 ได้รั่วไปถึงมือสื่อมวลชน
แกนนำคนเสื้อแดงนายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้กล่าวต่อสาธารณชนเกี่ยวกับประเด็นข้อสรุปว่า
ทหารบางกลุ่มมีส่วนร่วมในการสังหารประชาชน
ไม่นานหลังจากเหตุการณ์นี้ มีรายงานในสื่อไทยว่า
ผู้บัญชาการทหารบก พลเอกประยุทธ์ จันโอชาได้ออกมาเรียกร้องให้ถอดถอนอธิบดีดีเอสไอนายธาริต
รองนายกรัฐมนตีสุเทพ เทือกสุบรรณจึงเรียกอธิบดีดีเอสไอธาริตเข้าพบ
ทันทีหลังจากการประชุม
นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ได้กล่าวสนับสนุนอธิบดีดีเอสไอนายธาริตต่อสื่อมวลชน
นายธาริตไม่ถูกถอดถอน
เพราะเขาจะได้มีอำนาจในการตัดสินชี้ขาดไม่ให้ดำเนินคดีต่อผู้นำทางการทหาร
หรือสมาชิกศอฉ. ในส่วนของนายธาริต เขาได้กล่าวต่อสื่อว่า
คำพูดของนายจตุพรเกี่ยวกับเอกสารรายงานดีเอสไอที่รั่วออกมานั้น
ไม่ตรงกับข้อสรุปของพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ซึ่งคำพูดของนายธาริตไม่ใช่เรื่องจริง
ทันทีหลังจากประชุมกับรองนายกรัฐมนตรีสุเทพ
อธิบดีดีเอสไอ นายธาริตออกคำสั่งภายในดีเอสไอให้เขามีอำนาจในการตัดสินว่า
การสังหารมีเจตนาทางอาญาหรือไม่เพียงคนเดียว
และหากไม่มีการสรุปเรื่องเกี่ยวกับเจตนาทางอาญาแล้ว
จะทำให้ผู้นำทางการทหารหรือรัฐบาลไทยไม่ต้องรับผิดทางอาญา
เป็นเรื่องที่ชัดเจนอย่างมาก
ที่อธิบดีดีเอสไอให้ความเชื่อมั่นนายกรัฐมนตีรอภิสิทธิ์ผ่านทางรองนายกรัฐมนตรีสุเทพว่า
ไม่ว่าพนักงานสอบสวนของดีเอสไอจะสรุปผลของการเสียชีวิตว่าอย่างไรก็ตาม
แต่เขาจะสรุปให้ทหารไม่มีเจตนาทางอาญา
ในเหตุการณ์การเสียชีวิตของพลเรือนและทหารในเดือนเมษายนและพฤษภาคม ปี 2553
เพื่อแลกเปลี่ยนที่รัฐบาลอนุญาติให้นายธาริตอยู่ในตำแหน่ง”
ก่อนที่ความพยายามของเราจะถูกเพิกเฉยอีกครั้ง
เราขอให้หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ใช้เวลาอ่านคำร้องของเรา
เพื่อจะเรียนรู้บางอย่างจากคำร้องดังกล่าว
http://robertamsterdam.com/thai/?p=717