ที่มา thaifreenews
โดย คนแดงใต้
การอภิปรายไม่ไว้วางใจการบริหารของรัฐบาลอภิสิทธิ์ในรัฐสภาก็เสร็จสิ้นลงไปแล้ว พร้อมกับการประกาศชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณที่ประกาศตัวเป็นนายกรัฐมนตรีแข่งกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ การอภิปรายไม่วางใจรัฐบาลของพรรคฝ่ายค้าน แม้ว่าจะไม่สบอารมณ์สบโอกาสคอนักการเมือง ที่ไม่ได้สร้างความระคายต่อพรรคประชาธิปัตย์ขนาดที่ตลอดระยะเวลาที่เป็นรัฐบาลนั้นล้มเหลว การโกงกิน และสร้างหนี้ สร้างความอดอยากให้ประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของภูมิภาคได้ถึงขนาดนี้
ซ้ำร้ายยังเสียทีโดนตวัด มีดโกนโชกเลือดกลับมาเจ็บไปตามๆกัน โดนรอยย้อนให้เจ็บแสบเข้าไปเสียอีก จนไม่รู้ใครเป็นฝ่ายค้านกัน เมื่อพรรครัฐบาลทำหน้าที่ซักฟอกตัวเองเสียเอง เพื่อให้ตัวเองดูดีขึ้นแล้ว ถือโอกาสใส่ร้ายให้พรรคฝ่ายค้านกลับไป และหาเสียงไปในตัวเสร็จสรรพ แบบที่ไม่ทิ้งสันดานของพรรคที่เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น
ต้องยอมรับว่าการพูดนั้นแก้ตัวต้องยกให้ว่าพรรคประชาธิปัตย์เล่นอยู่ในเกมส์ของตัวเอง เยี่ยมยุทธ์ในเชิงนี้ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ตำหนิพรรคเพื่อไทยแต่อย่างไร เพราะเรื่องอย่างนี้มันเป็นที่รู้กันว่าเหลี่ยมคูทางการเมืองนั้นห่างไกลจากพรรคประชาธิปัตย์ที่เชี่ยวชาญสั่งสมกันมาจนตกทอดเป็นวัฒนธรรมองค์กรอย่างพรรคการเมืองแบบประชาธิปัตย์
ฟังการอภิปรายแล้ว ก็รู้ว่าผลจะออกมาอย่างไร แต่ผมกลับให้ใจกับพรรคเพื่อไทยมากกว่า แม้ว่าจะโดนต้อนกลับเสียเองจากนักพูดอย่างนายสุเทพและนายอภิสิทธิ์ ที่พูดอะไรก็ได้ให้ขาวกลายเป็นดำ และให้ดีกลายเป็นเลว และเลือกที่จะพูดในด้านที่ดีของตัวเองแล้วพูดด้านที่เลวของฝ่ายตรงข้าม ที่เรียกกันว่าพูดเพียงครึ่งเดียว เพราะพวกนักเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ถนัดใช้วิธีนี้มานาน และนั้นจึงไม่ต้องสงสัยที่มักจะโยนสิ่งนี้ให้กับฝ่ายตรงข้ามว่าพูดไม่หมด ขนาดการอ่านทุกตัวอักษรคุณจตุพร แบบไม่กล้าสรุปเนื้อหาการสอบสวน ซึ่งนั้นผมเข้าไจได้ว่าคุณจตุพรนั้นอ่านทางของพรรคนี้รู้ดีว่าจะต้องว่าเป็นยกเมฆมาใส่ร้าย ตรงนี้ผมเข้าใจและเห็นใจว่าจะต้องหาทางหลีกหนีทีไล่การจับของพวกมันให้ได้ แต่ไม่วายที่นายอภิสิทธิ์ยังว่าไม่จริงอีก มันชักจะสงสัยว่าอะไรซ้อนเงื่อนอะไรอยู่เบื้องหลังถึงกับให้นายอภิสิทธิ์กล้าเอาตัวเอาฝ่ามือปิดฟ้าแบบไม่ให้ผิดอะไรเลยกับการตายของทั้งประชาชน ทั้งๆที่การตายนั้นเกิดขึ้นจริง
แต่ถึงอย่างไรสิ่งหนึ่งที่ผมให้ใจพรรคเพื่อไทยนี้ที่เป็นพรรคการเมืองใหญ่เทียบเคียงกับพรรคประชาธิปัตย์ที่อายุกว่า 60 ปีแล้ว ใครจะว่าพรรคเพื่อไทยอ่อนหัด และรู้ไม่ทันพรรคประชาธิปัตย์นั้น ผมว่าไม่ใช่ แต่หากเพราะพรรคเพื่อไทยไม่ได้มีวัฒนธรรมสร้างสมมาแบบเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ ในเรื่องการนิสัยการเอาดีใสตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ซึ่งนิสัยนี้ว่าไปแล้วมันเป็นนิสัยของคนไทยหรือเปล่า ผมไม่แน่ใจ แต่พรรคประชาธิปัตย์ทำให้เห็นมาตลอดมาจนปัจจุบัน
แต่ถ้าข้อสมมุติฐานนี้ว่าเป็นนิสัยของคนไทย ตลอดระยะเวลาที่ติดตามการเมืองมาผมรู้ว่าไม่ใช่ เพราะนิสัยนี้เป็นของพรรคประชาธิปัตย์ต่างหาก ที่กำลังให้คนไทยรู้สึกว่านี้คือสิ่งธรรมดาดังเช่นการเห็นแก่ตัว การไม่เป็นระเบียบ ที่เป็นเรื่องธรรมดาของคนไทยไปแล้ว เพราะมันเป็นการบ่มฝักนิสัยนี้ไปใช้ดำเนินชีวิตทั้งในบ้านและสังคม
ที่ผมบอกอย่างนี้เพราะอย่างหนึ่งผมเป็นคนใต้ท่ามกลางวัฒนธรรมของนิสัยของคนพรรคประชาธิปัตย์ทั้งที่ทำงานและสิ่งรอบตัว ผมรู้ว่านิสัยนี้แพร่กระจายมาจากนักการเมืองหัวกะทิของพรรคนี้ที่ใช้เล่ห์กลอยู่เหนือผู้อื่นด้วยวาจาถากถางและสะใจทิ่มแทงคู่สนทนาได้ แบบที่ผมจดจำได้ว่ายังมาจากหนังตะลุงที่พวกตลกตัวดำสร้างนิสัยด้วยวาจาออกมาเป็นที่ถูกใจชอบใจในวาจาที่ว่าคมคายหนักหนา
ตอนเป็นเด็กผมก็รู้สึกว่าชอบใจที่พวกรูปหนัง โดยเฉพาะนายเท้งนี้เป็นตัวเอกที่ถูกใจด้วยคำพูดที่นายหนังมักจะแสดงว่าเป็นเอกในการใช้วาจาได้เฉียบคม จนนายหนังต่างๆพยายามจะสร้างสรรค์คำพูดให้นายเท้งพูดออกมาให้ถูกใจผู้ชมยิ่งขึ้นไปอีก นายเท้งนั้นเป็นตัวแทนชาวบ้านธรรมดา ที่ไม่มีความรู้ความสามารถเอาชนะคนอื่นได้ แต่มีเอกทางใช้วาจาเอาตัวรอดเก่ง เข้าข่ายว่าเป็นพวกหัวหมอ ฉลาดให้ตัวเอาแต่ได้และไม่ยอมเสียเปรียบผู้อื่น จนเป็นความเห็นแก่ตัว ที่สะท้อนออกมาในการสั่งสอนของคนในสังคมภาคใต้ว่าอย่าไปเสียเปรียบใคร ไม่ได้เล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล มันต้องใช้ทุกวิธีทางให้อยู่เหนือเพื่อนให้ได้ ซึ่งนิสัยนี้จะพบเห็นในที่ทำงานที่มีคนประเภทเกาะกินแรงเพื่อน เอาแต่ของเพื่อน และสอพอประจบนาย โดยใช้วาจาแก้ตัวทำงานแทนการปฎิบัติงาน นี้มีอยู่เป็นส่วนมาก และนั้นทำให้ค่านิยมของคนใต้นี้แพร่กระจายไปทั่ว
ถามว่าผมยินดีชื่นชมกับค่านิยมอันนี้หรือไม่ มันขึ้นกับสถานการณ์ ที่ถ้าเพื่อใช้ต่อสู้กับความเป็นจริง สังคมอยุติธรรมถูกเอารัดเอาเปรียบนั้นการใช้นี้พอจะรับได้ แต่หากเอาไว้ทำลายคู่ต่อสู้เพื่อทำลายผู้อื่นให้ย่อยยับ โดยไม่สนระบบจะพังหรือไม่ เป็นสิ่งน่ากลัวและน่ารังเกียจเกลียดชัง ฉะนั้นผมไม่นึกว่าจะมีนักการเมืองคนไหนที่สามารถฝ่าด่านของพรรคประชาธิปัตย์ไปได้จากการเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น
แม้ผมจะเป็นคนใต้และมีนิสัยเยี่ยงคนใต้คนหนึ่ง แต่ผมพยามมองว่าใครคือคนนั้น จะเป็นตัวอย่างให้เห็น และในที่สุดทุกครั้งที่ผมนึกถึงนักการเมืองมีเพียง นายกทักษิณ ชินวัตรคือคนเดียวที่ผมพูดได้ว่านี้นักการเมืองในดวงใจจริงๆ
นายกทักษิณนั้นท่านขึ้นมาบริหารประเทศชนิดที่ว่าไม่น่าจะพาประเทศรอดได้ ในภาวะที่ประเทศแทบล้มละลายในทุกเรื่อง แต่สุดท้ายในสายตาการดูถูกและสบประมาทนั้น ท่านก้มหน้าทำงานจนพาประเทศพ้นจากปากเหวและขึ้นมายืนได้อย่างองอาจอีกครั้ง ซึ่งตลอดเวลาผมไม่เคยได้ยินว่านายกทักษิณจะโทษใครเลย เพราะท่านรู้ดีว่าพูดไปก็เท่านั้น ไม่ได้ให้อะไรดีขึ้น แต่นายกทักษิณกลับก้มหน้าทำงานมากกว่าจะมาสนใจกับการวางแผนบริหารการใช้วาจาและเรียบเรียงแต่งคำพูดที่ดูดีเอาไว้ต่อกรกับฝ่ายโจมตี นี้ทำให้ผมรู้ว่าคนทำงานแบบแก้ไขปัญหา ที่ว่าคนดีชอบแก้ไข คนจัญไรชอบแก้ตัวนั้นเป็นเช่นไร
ท่านได้ตั้งพรรคการเมืองไทยรักไทย แนวทางและวิธีของท่านได้ถูกถ่ายทอดและกลายเป็นที่ศรัทธาและตั้งมั่นในการทำงานมากกว่าเน้นไปที่การใช้วาจา แม้จะแต่งคำพูดออกมาอย่างไร มันก็ไม่มีทางกลับความล้มเหลวในการทำงานได้ การทำงานที่ปรากฏผลต่างหากที่เป็นตัวพิสูจน์ที่ต้องอดทนใช้เวลาได้ และแนวทางของท่านได้พิสูจน์และสืบทอดต่อมาให้นักการเมืองรุ่นหลัง และคิดว่าแนวทางนี้มาจากไทยรักไทยจากพลังประขาชนจนมาถึงพรรคเพื่อไทย ซึ่งนั้นจะเป็นเม็ดพันธ์ที่จะงอกเงยในอนุชนรุ่นหลังต่อไป
ผมไม่อยากจะฟื้นรอยความผิดพลาดอย่างเดียวของท่านนายกทักษิณคือท่านตั้งพรรคหวังลัดโตจนต้องไปกวาดเอานักการเมืองเขี้ยวยาวมาจากพรรคอื่น ไม่อยากบอกว่าท่านนายกและพรรคของท่านพังเพราะเพราะนักการเมืองส่วนหนึ่งที่ไม่มีความจริงใจในการสร้างพรรค หวังเกาะขาท่านเข้าสู่ตำแหน่งและเข้ามากอบโกยเท่านั้น อย่างนายเนวินจากชาติไทย นายสุทิน นายสุริยะ นายสุวิทย์ จากกิจสังคม นายสุวัฒน์ นายเสนาะ นายพินิจ นายปองพลจากชาติพัฒนา ไม่อยากเอ่ยชื่อ แต่ในที่สุดเวลาก็ได้พิสูจน์ถึงความจริงที่สะท้อนว่านักการเมืองเป็นอย่างที่ถูกเหมาประนามอย่างดูหมิ่นดูแคลนในสังคม
แต่ก็ดีใจในที่สุดกาฝากพวกนี้ หลังจากที่เกะกินเนื้อในแทะเนื้อท่านจนหนำใจ จนสาแก่ใจเพราะไม่มีอะไรให้แทะแล้ว ก็พากันผละทิ้งบาดแผลให้ท่านไป แต่นั้นพรรคของท่านจะได้เหลือแต่คนแท้จริงที่พาพรรคฝ่าฟันไปไม่ว่าจะอย่างไร และคนเหล่านี้ได้จารึกว่านี้คือคนของพรรคที่แท้จริง และมีคนใหม่ที่พร้อมที่เข้ามาเพิ่มเติมให้อีกด้วยความรักศรัทธาท่านนายกทักษิณ
และนี้เองที่ทำให้ชาวใต้หัวก้าวหน้าที่ระอากับนิสัยแบบชาวประชาธิปัตย์ จึงมาเป็นกลายมาเป็นหัวขบวนของคนใต้และกลายมาเป็นหัวหอกพรรคของท่านนายกทักษิณในขบวนชาวเสื้อแดง ที่เปี่ยมจิตวิญญาณในแนวทางของท่านนายกทักษิณในการนำพาพรรคของท่าน อย่างณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ จตุพร พรหมพันธ์ ก่อแก้ว พิกุลทอง ท่านวีระ มุกสิกพงศ์ และอีกหลายคน
ซึ่งคนใต้เหล่าเองที่ได้พิสูจน์ผ่านการทดสอบแล้วว่าเป็นของจริงในระยะ 4 ปีที่ผ่าน ดังนั้นการออกมาชนกับพวกปากกล้าพวกเก่งวาจาจากพวกพรรคประชาธิปัตย์ได้อย่างไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน อย่างลูกศิษย์ของนายขวนหลีกภัย ที่ว่ากันว่าได้รับถ่ายทอดวิทยายุทธ์มาอย่างนายอภิสิทธิ์ ที่ในสายตาว่าทอดตานี้ไม่มีใครล้มได้ ยังมีณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ คนที่จะต่อการกับนายอภิสิทธิ์ได้สมน้ำสมเนื้อของมวยคู่นี้
การจะชนะพรรคพวกนี้ต้องใช้คนอย่างชาวใต้ด้วยกัน เพราะเราต้องการจะสกัดเชื้อร้ายของวัฒนธรรมเชื้อที่น่ารังเกียจของพรรคประชาธิปัตย์
ดังนั้นที่ผมไม่ได้ให้ราคากับชัยชนะของพรรคประชาธิปัตย์ และก็ไม่ได้เสียใจที่พรรคไทยพ่ายแพ้ในเกมส์ทางคารม และผมเชื่อว่าการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่มีน้ำยา ขนาดที่เลียนแบบและทั้งยังแอบเงี่ยหูฟังท่านทักษิณใส่ชุดข้อมูลเข้ามาให้อีก ก็ยังเอาไปปฎิบัติไม่ได้ ทำไม่เป็น แล้วพวกมันจะมีปัญญาคิดเองทำเองได้อย่างไร
ผมเชื่อว่าการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ พรรคเพื่อไทยเพียงตั้งหลักและตั้งมั่นในแนวทางของท่านทักษิณ ที่ตกผลึกอยู่ในพรรคเพื่อไทยอันสร้างสมมาจากพรรคไทยรักไทย นี้จะเป็นแนวทางเป็นหลักให้ประเทศในช่วงเวลาการฟื้นฟูประเทศ และผมเชื่อว่าพรรคอื่นก็ไม่สามารถจะนำของท่านทักษิณออกไปจากพรรคและนำไปใช้ได้ เพราะว่าจิตวิญญาณในการทำงานของท่านได้ปักตรึงความเป็นแก่นอยู่ในพรรคเพื่อไทยอย่างมั่นคงแล้วนั้นเอง