ที่มา Thai E-News
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
9 เมษายน 2554
วัน ที่ 10 เมษายน 2554นี้ เป็นวาระของการครบรอบ 1 ปีแห่งการเริ่มต้นการปราบปรามการชุมนุมของประชาชน ภายใต้การนำของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)หรือคนเสื้อแดง โดยชุมนุมประชาชน โดยสงบและปราศจากอาวุธมาตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2553 เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา จัดการเลือกตั้งใหม่ คืนอำนาจธิปไตยแก่ประชาชน ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 25 คน บาดเจ็บกว่า 800 คน การปราบปรามดังกล่าวมาจากนโยบายและมาตรการทางการทหารของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เริ่มจากประกาศใช้ พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร การประกาศภาวะฉุกเฉิน และใช้กำลังทหาร ตำรวจกว่า 50,000 นาย ปิดล้อมที่ชุมนุม โดยเฉพาะทหาร ใช้อาวุธสงคราม หนุ่วยแม่นปืน(สไนเปอร์ )ยิงฝูงชน เครื่องบินทิ้งระเบิดแก๊สน้ำตา และการปราบปรามดำเนินต่อมาถึงวันที่ 19 พฤษภาคม ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 91 คน และบาดเจ็บเกือบ 2000 คน และถูกจับกุมคุมขัง 400 กว่าคน พร้อมกับประกาศเคอร์ฟิวส์ ในหลายสิบจังหวัดทั่วประเทศ
1 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลไม่เพียงแต่ไม่ยอมรับความผิดในการปราบปรามคนเสื้อแดง เท่านั้น หากยังคงรักษากฎหมายความมั่นคง ข่มขู่คุกคามและจับกุมคุมขังคนเสื้อแดงอย่างต่อเนื่องมาอีกหลายเดือน แม้จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและปรองดองแห่งชาติ และการตั้งคณะกรรมการปฏิรูปอีกหลายชุด แต่เป็นเพียงการหลอกหลวง เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับรัฐบาลเท่านั้น ไม่มีผลในทางปฏิบัติใดๆ
ขณะ เดียวกัน นปช. หรือ ขบวนการคนเสื้อแดงฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว จนขยายตัวเติบใหญ่ เป็นขบวนการประชาธิปไตยที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย คนเสื้อแดงเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เรียกร้องให้ดำเนินคดีผู้ร่วมสังหารประชาชนในกรณี10 เมษายน และ19 พฤษภาคม 2553 และขอให้ดำเนินคดีกับแกนนำและผู้ชุมนุมอย่างยุติธรรม มิใช่สองมาตรฐานเหมือนที่กระทำอยู่ ความขัดแย้งระหว่างฝ่ายปกครองกับประชาชนผู้รักประชาธิปไตย ยังคงเป็นวิกฤติการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นและดำรงมา 4 ปี เพื่อคลี่คลายวิกฤติ จะต้องดำเนินคดีกับผู้ปราบปรามอย่างนองเลือดในวันที่ 10 เมษายน จนถึง 19 พฤษภาคม 2553 รัฐสภาจะต้องออกกฎหมายนิรโทษกรรมต่อผู้ชุมนุมทางการเมืองทุกฝ่าย และต้องจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
ขอ เรียกร้องต่อประชาคมโลก ทั้งภาครัฐและเอกชนให้สนใจวิกฤติการณ์ประเทศไทย โดยเฉพาะให้สนับสนุนการเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังจะมีขึ้น ให้เป็นไปโดยเสรีและยุติธรรม หากประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์ ย่อมมีผลต่อเสถียรภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอำนวยประโยชน์ต่อ นานาชาติไม่มากก็น้อย
จรัล ดิษฐาภิชัย
Statement on the First Anniversary of Red Shirts Suppression
10 April 2011 marks the first anniversary of the start of the suppression of people protest for democracy.
The protest was organized under the leadership of United Front for Democracy against Dictatorship (UDD) or the Red Shirts. The peaceful assembly began on 14 March 2010 without weapons.
They called for the government of Mr. Abhisit Vejjajiva to dissolve the parliament, returning the power to the people through new election, the result--- 25 deaths, and 800 injures.
The crackdown of the people derived from the strategy of not solving the political problems politically. They chose to use military force. Start with Internal Security Act. State of Emergency declared. More than 50,000 military and police personal deployed to surround the demonstrators. Armed with deathly weapons, sniper units, helicopters to drop tear gas, the crackdown continued until 19 May 2010, the death toll rose to 91, more than 2000 injures, and over 400 people arrested, dozens provinces throughout the country under curfew.
In the year past, the government not only not admitting the wrong doings in the cracking down of the Red Shirts, but also continued to use the Security Act to intimidate and made arbitrary arrests for months. Despite the setting up of Truth and Reconciliation Commission, and many others ‘Reform Commissions’, it is a trick to legitimize the government, and none of the recommendations have any practical effect.
In the mean time, the UDD or the Red Shirt movement revived rapidly. It became the largest Democracy Movement in Thailand for genuine democracy. They called for the prosecution of those involved in 10 April and 19 May 2010 massacre. They called for fair trials for all of arrested leaders, not double standard as is usually employed.
I urge the international community, both governmental and private, to pay attention to crisis in Thailand. Especially I urge all to support the upcoming election, and help ensure it is free and fair.
If Thailand were completely democratic, it would help stabilize Southeast Asian region, and will be beneficial to all International community. Jaran Ditapichai
* * * * * * * * *
ข่าวที่ผ่านมา จรัล ดิษฐาภิชัย: 4 ปี หลังการรัฐประหาร – 19 กันยายน 2549