ที่มา มติชน
โดย วรศักดิ์ ประยูรศุข
ท่ามกลางข่าวปฏิวัติเงียบ-ปฏิวัติดัง ผบ.เหล่าทัพตบเท้าออกมายืนยันต้องมีเลือกตั้ง ก็ต้องฟังไว้
ตามหลักการเดิม เมื่อท่านพูดคนจะฟัง เมื่อท่านทำคนจะเชื่อ
ถึงวันนี้ ลองเก็บเอาความข้องใจว่าจะมีเลือกตั้งหรือไม่ ใส่ลิ้นชักไว้ก่อน
ก้าวข้ามประเด็นนี้ไปดูว่า หากเลือกตั้งแล้วประชาธิปัตย์ชนะตามกฎกติกา อะไรต่อมิอะไรคงดำเนินไปแบบเดิมๆ หน้าเดิมๆ ม็อบมาเป็นปกติ
แต่โจทย์สำคัญคือ หากพรรคเพื่อไทยชนะ ซึ่งก่อนหน้านี้เชื่อกันว่า "ผู้มีอำนาจ" จะรับไม่ได้ และจะนำไปสู่การเล่นนอกกฎกติกาต่างๆ
อย่างที่ กกต. สดศรี สัตยธรรม ออกมาแฉทำนองว่า มีคนอยากใช้บริการ "กกต.ภิวัตน์" คือใช้อำนาจ กกต.เข้าไปจัดการยุบพรรคบางพรรค กระหน่ำใบแดง ใบเหลือง เพื่อผลแพ้-ชนะในการเลือกตั้ง
ถึงเวลานี้ เชื่อว่า คนที่อยู่กับการข่าว กับความเป็นจริงอย่างผู้นำกองทัพคงทราบดีว่า จะมองข้ามหรือปฏิเสธ "ความจริง" ไม่ได้อีกแล้ว "ตัวเลข" ใครเป็นยังไงยิ่งชัดเจน
ฉะนั้น หากพรรคเพื่อไทยชนะขึ้นมา มีความจำเป็นหรือไม่ˆที่จะต้องล้มกระดาน ซึ่งจะนำไปสู่การเผชิญหน้าระหว่างประชาชนกับกองทัพอีก
ไม่ต้องล้มกระดานหรือล้มโต๊ะ ถ้ากองทัพยืนอยู่ในจุดที่ถูกต้อง สนับสนุนวิธีการที่จะทำให้บ้านเมืองมีความมั่นคง และรักษาความเป็นประชาธิปไตยไว้ให้ได้
มั่นคงแค่ไหน สงบเรียบร้อยยังไง ได้ข่าวว่า เป็นเรื่องที่จะต้องเจรจาประนีประนอมกัน
การเจรจาประนีประนอมไม่ใช่ง่ายๆ แม้แสลงใจ ไม่สนิทใจ แต่ก็ต้องคุย เพื่อสันติสุขของส่วนรวม ไม่งั้นสุสานไม่พอใส่แน่นอน
ในโลกของความจริงเวลานี้ คำว่า "เจรจา-ประนีประนอม" ถือเป็นคีย์เวิร์ดที่จะแก้ไข "ทางตัน" ที่ทดลองแก้กันมาหลายสูตร แต่ไม่ได้ผลเสียที
แล้วการเลือกตั้งจะไม่สูญเปล่า การเจรจาประนีประนอม จะทำให้เกิดลู่ทางใหม่ๆ ในการแก้ไขปัญหา
แทนที่จะจม หรือดึงดันหัวชนฝา อยู่กับท่าทีเดิมๆ ปล่อยให้คนที่หากินหรือได้ประโยชน์จากการไม่ประนีประนอม ฉกฉวยเสวยอำนาจบนความขัดแย้ง
ที่ผ่านมา บ้านเมืองของเราก็ไม่ได้ถึงกับขับเคลื่อนไปโดยกลุ่มคนที่สุดขั้ว วันๆ เอาแต่จะคิดปฏิวัติเสียทีเดียว
แต่ยังมีคนที่พยายามเดินสายกลาง ผ่อนหนักผ่อนเบา ทำให้ความเสียหายจากความสุดโต่งบรรเทาลงไป
ฝ่ายที่เคยแข็งกร้าว เริ่มยอมปรับเปลี่ยนท่าทีอย่างเงียบๆ ลับๆ
อย่างอิสรภาพของแกนนำเสื้อแดง ก็ได้ทราบกันว่า เป็นการผลักดันจากผู้ที่มีความเห็นคล้ายๆ กันว่าถึงเวลาต้องผ่อนหนักผ่อนเบากันบ้างแล้ว
ขณะที่บางกลุ่มบางพรรคที่น่าจะมีชื่อร่วมเป็น "เจ้าภาพ" ของงานดีๆ อย่างนี้ กลับไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยเลย
นี่ก็เป็นสัญญาณให้จับตาเหมือนกันว่า หลังเลือกตั้ง อาจจะเกิดการพลิกตัวของรูปโฉมอำนาจและการเมือง
บางกลุ่มบางพรรคอาจไม่ดีใจที่ต้อง "พัก"