ที่มา Thai E-News
โดย ปาแด งา มูกอ
17 กรกฏาคม 2554
ความวุ่นวายทางการเมืองของประเทศไทยดูๆแล้วมันก็น่าสนุก และน่าสมเพช เวทนา
พรรค เพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง กำลังจัดตั้งรัฐบาล กำลังฟอร์มทีมรัฐมนตรี กำลังจะได้นายกฯหญิงคนแรกของประเทศไทย ก็ดันมี กกต.ที่อำนาจล้นฟ้าล้นแผ่นดิน มาเป็นไอ้เข้ขวางคลอง
ก็ยังไม่ทราบว่าพรรคเพื่อไทย ยังต้องพบเจอกับไอ้เข้ตัวไหนอีก
ส่วน พรรคประชาธิปัตย์ หลังจากพ่ายแพ้การเลือกตั้งอย่างยับเยิน ( ซึ่งแพ้เป็นประจำอยู่แล้ว ตั้งแต่มีการเลือกตั้ง ) ก็เกิดความปั่นป่วนจากบรรดาลูกพรรค ในการสรรหา หัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ฯประกาศลาออกเพราะทนความอัปยศอดสูไม่ไหว
แต่ ถึงอย่างไรพรรคการเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นแมลงสาบ(ตามคำจำกัดความของนาย กรณ์ จาติกวณิช)ก็คงยากจะสูญพันธุ์ เพราะพรรคดึกดำบรรพ์นี้ทนได้ทุกบรรยากาศของโลก ที่สำคัญเทวดาฟ้าดินก็ประคบประหงมอุ้มชูกันมา
เรามาลองติดตามดูว่าพรรคเก่าแก่ที่ว่านี้ มันจะเลือกกบตัวไหนมาเป็นหัวหน้าพรรค
ลูกกบตัวแรกจากภาคใต้
นาย พิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.เขต 3 กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ (ตัวแทนลูกพรรค ปชป.ภาคใต้) กล่าวถึงสถานการณ์ภายในพรรคประชาธิปัตย์ โดยยอมรับว่า สถานการณ์ภายในพรรคช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ถดถอยลงไปมาก (ตั้งแต่เจ้าหนูมาร์คหัวหน้าพรรค ดำรงตำแหน่งเป็นน่ยกรัฐมนตรี) และเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการปรับปรุงองค์กร ถ้าหาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะกลับมาเป็นหัวหน้าพรรค ก็ควรที่จะมีการผสมผสานคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ และต้องเป็นที่ยอมรับของคนในพรรค และควรที่จะเป็นที่พอใจของคนภาคใต้ เพราะเป็นฐานเสียงใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์
"ต่อไปพรรค ต้องไม่มีต้นบอนไซอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์อีกต่อไป ทั้งนี้ จากที่ประชุมของพรรคเสียงส่วนใหญ่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น โดยเห็นว่า ตำแหน่งของหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค ควรเป็นที่ยอมรับของประชาชนด้วย ซึ่งในตำแหน่งเลขาธิการพรรคเสียงส่วนใหญ่เห็นควรว่า คุณหญิง กัลยา โสภณพนิช มีความเหมาะสมมากที่สุด เพราะนายกรัฐมนตรีคนใหม่ก็เป็นผู้หญิงน่าจะเข้ากันได้ และนอกจากนี้ยังเป็นในส่วนของคนใต้เอง ก็ยอมรับในตัวของคุณหญิงกัลยา"
อย่าง ไรก็ตาม หากนายอภิสิทธิ์จะมาสมัครเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้งก็ไม่มีใคร รังเกียจ โดยเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ ควรจะปรับเปลี่ยนระบบในการเสนอรายชื่อของผู้เสนอตัวเป็นหัวหน้าพรรคที่เคย เสนอ 3 รายชื่อให้ที่ประชุมเลือก มันล้าสมัยไปแล้วไม่ควรเกิดขึ้นในยุคนี้ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่จำเป็นต้องมีแบรนด์อีกต่อไปแต่ควรรักษาคุณค่าของ ชื่อพรรคเอาไว้
คนลิ้นคับปากว่ามา ผมขัดข้องอยู่ข้อเดียวที่เชียร์คญ.กัลยาว่าจะได้เข้ากันได้กับว่าที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ แต่ผมว่า เข้ากันไม่ได้หรอก มวยคนละชั้น ไม่เชื่อให้ไปถามหลวงพ่ออำนวย ที่วัดค้างคาวดูก็ได้
ต่อไปก็เป็นลูกกบจากภาคอีสาน
นาย ชุบ ชัยฤทธิไชย ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 116 พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมสมาชิกพรรคในภาคอีสานในนามชมรมสาขาพรรคภาคอีสาน เข้ามอบดอกไม้ให้กำลังใจนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการหัวหน้าพรรค ปชป. และนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ปชป.กรณีที่พรรค ปชป.ได้ ส.ส.ในภาคอีสานมาเพียง 4 คน
นายชุบ ได้ออกแถลงการณ์ว่า จากที่พรรค ปชป.แพ้การเลือกตั้งครั้งยิ่งใหญ่ เป็นการสะท้อนถึงยุทธศาสตร์ของพรรคว่าไม่สามารถเข้าถึงประชาชนและไม่ประสบ ความสำเร็จ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน ในฐานะสมาชิกพรรคจากภาคอีสานได้หารือกันและมีข้อเสนอถึงพรรค 3 ประเด็น คือ
1.จาก ที่นายอภิสิทธิ์ จะแสดงความรับผิดชอบในการแพ้การเลือกตั้งด้วยการลาออกจากหัวหน้าพรรค แต่ยังหวังว่านายอภิสิทธิ์จะเป็นหนึ่งในกำลังของพรรคต่อไป
2.ขอเรียกร้องให้นายชวน และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค และผู้ใหญ่ของพรรค กลับมามีบทบาทในการนำและประคองพรรค
3.ให้หัวหน้าพรรคและผู้บริหารชุดใหม่ ทบทวนยุทธศาสตร์ในภาคอีสาน
นายชุบกล่าวว่า ยังมั่นใจในความสามารถของนายอภิสิทธิ์ และคิดว่ายังมีความเหมาะสมในการกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้ง แต่ก็กำลังคิดอยู่ว่าจะมีใครที่เหมาะสมอีกหรือไม่ เช่น นายศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการอังค์ถัด โดยควรให้ผู้ใหญ่ของพรรคได้เข้ามาช่วยเหลือพรรคด้วย
ในส่วนของภาคอีสานควรจะให้คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ร่วมเป็นขุนพลอีสาน เพราะ ที่ผ่านมาการให้นายวิฑูรย์ นามบุตร เป็นขุนพลอีสาน อาจจะโดดเดี่ยวไม่พอที่จะสู้ศึกใหญ่แน่นอน ที่สำคัญควรจะปรับทีมงานยุทธศาสตร์พรรคทั้งหมด
ผม ว่าเรื่องนี้ก็มอบให้พรรคประชาธิปัตย์ไปห้ำหั่นฟัดกันเองก็แล้วกัน ไอ้เรื่องที่จะเลือกใครเป็นหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค แต่ที่แน่ๆ พรรคนี้มักเสื่อมสลายด้วยมือของเลขาธิการพรรคบางคน ที่เริ่มต้นจาก หม่อมป้าคีกฤทธิ์ปราโมช , นายเทพ โชตินุชิต,นายชวลิต อภัยวงศ์,นายใหญ่ ศวิตชาติ,นาย ดำรง ลัทธพิพัฒน์, นายเฉลิมพันธ์ ศรีวิกรณ์,นายมารุต บุนนาค , นายเล็ก นานา ,นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ ,พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์(ผู้สถาปนากลุ่มงูเห่าอันลือลั่น) ,นายอนันต์ อนันตกุล,นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ และสุดท้ายงูเห่าภาค 2 นายเทพเทือก
สุดท้ายขอฝากเจ้าเก่า “ดีแต่พูด” ที่ยังบ้าไม่เลิกทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง เห็นทีจะรักษายากครับ ไอ้โรคกวนตีนแบบนี้
วัน ที่ 15 ก.ค. ที่ผ่านมา ในเฟซบุคของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์บทความ "เดินหน้าประเทศไทยกับภารกิจรัฐบาลใหม่" โดยมีรายละเอียดดังนี้
เดินหน้าประเทศไทยกับภารกิจรัฐบาลใหม่
ในที่สุดการเลือกตั้งก็ผ่านพ้นไปด้วยความเรียบร้อย
ผม คาดว่าสภาชุดใหม่จะเปิดประชุมได้ในช่วงต้นเดือนหน้าและรัฐบาลชุดใหม่จะ เข้ารับ หน้าที่ได้ก่อนวันที่ 11 สิงหาคม นั่นหมายถึงรัฐบาลใหม่จะสามารถบริหารราชการแผ่นดินหลังแถลงนโยบาย ได้ประมาณปลายเดือนสิงหาคม เราจะได้ช่วยกัน "เดินหน้าประเทศไทย" กันต่อไป และสิ่งที่ประชาชนคนไทยต้องการให้เดินหน้ามากที่สุดก็หนีไม่พ้น เรื่องการแก้ปัญหาปากท้องกับการปรองดอง
ช่วงนี้ผมจึงอยากเห็นพรรค เพื่อไทยแสดงจุดยืนให้ชัดเจนในสองเรื่องนี้ เริ่มจากเรื่องปากท้องก่อน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าประชาชนที่เลือกพรรคเพื่อไทยมีความคาดหวังสูงมาก จากนโยบายหาเสียงว่า ค่าแรงขั้นต่ำจะเพิ่มขึ้นเป็น 300 บาททันทีทั่วประเทศ เงินเดือนคนจบปริญญาตรีจะเพิ่มขึ้นเป็น 15,000 บาททั้งในภาครัฐและภาคเอกชน ราคาข้าวจะอยู่ที่ 15,000 บาท น้ำมันเบนซินจะลดลงลิตรละ 7 บาท ดีเซลลดลงลิตรละ 2 บาท
แต่ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานโยบายเหล่านี้กลับมีแต่ความไม่แน่นอน ผมคงไม่คาดคั้นว่าทุกเรื่องต้องทำได้ทันที
แต่พรรคเพื่อไทยต้องมีข้อยุติที่ชัดเจนและชี้แจงให้ตรงกันว่านโยบายแต่ละเรื่อง จะทำได้หรือไม่ เมื่อใด อย่างไร มีวิธีแก้ผลกระทบด้านต่างๆหรือไม่ เพราะนโยบายเหล่านี้ถือเป็นสัญญาประชาคม
อย่าง น้อยที่สุดก็เป็นการให้ความเป็นธรรมกับประชาชน นอกจากนั้นยังเป็นการป้องกันไม่ให้ความสับสนที่มีอยู่กระทบความเชื่อมั่นและ การ คาดคะเนซึ่งจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชนโดยตรงจากการฉวย โอกาสขึ้นราคาสินค้าและความไม่แน่นอนในการจ้างงาน
หันมาดูเรื่อง ปรองดองบ้าง เมื่อการเลือกตั้งผ่านมาแล้ว พรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดงได้รับชัยชนะ สิ่งที่จะนำไปสู่การปรองดองอย่างง่ายๆ คือการลดการเผชิญหน้าและการแบ่งแยกประชาชน ถึงเวลาที่จะสลายหมู่บ้านแดงได้แล้ว หมดเวลาที่จะใช้มวลชนไปกดดันองค์กรอิสระแล้ว
เพราะ การชี้ถูกผิดไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเลือกตั้งหรือการค้นหาความจริง เกี่ยวกับ เหตุการณ์ต่างๆต้องให้ผู้มีหน้าที่ได้ดำเนินการอย่างอิสระ ไม่มีการชี้นำ ไม่มีการกดดัน มิฉะนั้นจะไม่มีทางได้ความจริงและความยุติธรรมอันจะนำไปสู่การปรองดอง
ส่วนสิ่งที่ไม่ควรทำและควรเลิกคิดได้แล้ว คือการหาทางนิรโทษกรรมให้คุณทักษิณ
ไม่ ว่าจะโดยการออกกฎหมายหรือการแก้รัฐธรรมนูญโดยเอาเรื่องอื่นมาบังหน้า เพราะนั่นคือการสร้างความขัดแย้งใหม่ ทำให้ประเทศเดินหน้าไม่ได้ คนส่วนใหญ่ต้องการก้าวพ้นความขัดแย้งในอตีต
เรามีโอกาสแล้ว รัฐบาลใหม่อย่าทำลายโอกาสนี้ ประเทศไทย ประชาชนไทยไม่ต้องการวิกฤติอีกรอบ
ดู มันว่า ทำยังกับว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้นั่งบ้านครองเมืองบริหารประเทศแล้ว ทำเป็นออกมายิกๆไล่จี้ ก็โถ!ตอนนี้ยังโดนกกต.แขวนต่องแต่งจะรอดมิรอดแหล่ก็ยังไม่รู้ ออกมาอย่างนี้มันแมนซะที่ไหนว๊า
อนิจจา...เจ้าหนูมาร์ค แทนที่วันพระวันเจ้า (อาสาฬหบูชา เข้าพรรษา) จะพาลูกพาเมีย ไปทำบุญฟังเทศน์ฟังธรรมเพื่อกล่อมเกลาจิตใจ ชะล้างกิเลส ความโลภ โกรธ หลง ที่มันเกาะติดแน่นอยู่ในกมลสันดาน กลับมาเสียเวลากับการเขียนเฟสบุ๊คบ้าๆบอๆที่มันสะท้อนเข้าตัวเองแท้ๆ
อย่าฝืน “โลกธรรมแปด”ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงสั่งสอนไว้เลย มาร์คเอ๊ยยยยย....