WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, July 17, 2011

ปูได้น้ำ

ที่มา Thai E-News

เคย มีการเปรียบเปรยเอาไว้ว่าพรรคเพื่อไทยเป็นดั่งปลา และประชาชนคนเสื้อแดงเป็นน้ำ เช่นนี้คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทยก็น่าจะเป็นปูได้น้ำ

โดย ระยิบ เผ่ามโน
ที่มา Thais' Genuine Democracy Revival

เพราะ การเลือกตั้งเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคมที่ผ่านมา คนเสื้อแดงให้การต้อนรับคุณยิ่งลักษณ์อย่างล้นหลาม แม้นว่าประชาชนในภาคส่วนอื่นๆ จะคล้อยตามไปด้วยอยู่บ้างจนกลายเป็นกระแส หรือฟีเวอร์นายกฯ หญิงก็ตาม

แต่หาใช่คุณยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทยจะวางใจกับอาณัติมอบหมาย (Mandate หรือที่นักวิชาการใช้คำไทยว่า “สิทธิธรรม”) นั้นได้อย่างโล่งอก ในเมื่อชัยชนะจากการเลือกตั้งมีผลกระทบข้างเคียงทำให้ทั้งคน และพรรคตกที่นั่งอยู่ในระหว่างของแข็งสองข้าง แบบที่ฝรั่งเรียกว่า “caught in between a rock and a hard place”

ข้างหนึ่งเป็นฝักฝ่ายการเมืองตรงข้าม ที่จองล้าง และกัดไม่ปล่อยคุณทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกรัฐมนตรีพี่ชายคุณยิ่งลักษณ์ ซึ่งยอมรับกันโดยถ้วนทั่วทั้งจากมิตร และศัตรูว่าคือพลังหลักขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลังปรากฏการณ์คราวนี้ พร้อมทั้งการเป็นตัวตนทางการเมืองของคุณปู ชนิดที่สำนักข่าวต่างประเทศใช้คำว่า “Cloning”

จะเห็นได้จากความ พยายามของนายแก้วสรร อติโพธิ์ และนายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ที่จะใช้ช่องโหว่ของกฏหมาย และการตีความแบบศรีธนญชัยมาปรักปรำเอาผิดคุณยิ่งลักษณ์ไม่ให้สามารถรับ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ แม้แต่กรณีบ้าจี้ที่กรรมการเลือกตั้งนครราชสีมาเล่นแง่กับคุณยิ่งลักษณ์ว่า ไปผัดหมี่โคราชเลี้ยงประชาชนตอนหาเสียง*(1)

มุ่งจะตีความให้ผิด กฏหมายเลือกตั้ง แต่ว่าหลักฐานแวดล้อมต่างๆ กลับแสดงว่าเจ้าหน้าที่ กกต. นั่นต่างหากที่ไม่ได้ด้วยมนต์ก็พยายามใช้คาถาแทน

ส่วนอีกข้างหนึ่งเป็นผืนน้ำที่ทำให้คุณปูได้เป็นบันทึกประวัติศาสตร์อันสำคัญทางการเมืองไทย ใน เมื่อชัยชนะที่พรรคเพื่อไทยได้มาเป็นผลพวงจากการที่คนเสื้อแดงหนุนเนื่องมา ตลอด ๕ ปี ไม่ว่าจะในส่วนของ นปช. ที่คุณทักษิณเกื้อกูล หรือในส่วนของขบวนการประชาชนที่ต้องการประชาธิปไตยแท้จริงทั้งรุ่นก่อนหน้า และยุคหลังๆ อาทิ คนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ แดงสยาม แกนนอน บก. ลายจุด และนักรบไซเบอร์

ด้วยเหตุว่าหลังจากมีข่าวการจัดตั้งรัฐบาลอย่าง คร่าวๆ โดยนำเอาพรรคการเมืองที่เคยร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นรัฐบาลเทพประทาน เข้ามาผสมอีกสี่พรรคเป็น ๒๙๙ เสียง ก็เริ่มมีการทวงถามจากคนเสื้อแดง ว่าทำท่าจะลืมเพื่อนพ้องน้องพี่ที่ยังอยู่ในคุกกันแล้วหรือเปล่า

อัน นี้เห็นจะเป็นเพราะคุณปูเธอตอบคำถามผู้สื่อข่าวเรื่องแผนปรองดองว่าจะรอ ผลการดำเนินงานของคณะกรรมการชุด ดร. คณิต ณ นคร (คอป.) จึงได้มีบันทึกของนายวิสา คัญทัพ เกิดขึ้น ตามด้วยข้อคิดของ ดร.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล หนุนคุณวิสาว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์สามารถทำบันทึกถึงกระทรวงยุติธรรมให้มีการ ประกันตัวผู้ต้องหาตาม พรก. ฉุกเฉิน หรือแม้แต่ข้อหาอาญามาตรา ๑๑๒ เลย ไม่ต้องรอ คอป. ก็ได้*(2)

แถมด้วยจดหมายเปิดผนึกของนางเอลิซาเบ็ตตา โพเลนจิ*(3) พี่สาวของนายฟาบิโอ โพเลนจิ ผู้สื่อข่าวชาวอิตาลีซึ่งเสียชีวิตด้วยกระสุนของทหารไทยในการสลายชุมนุมที่ ราชประสงค์เมื่อ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓ โดยที่ครอบครัวโพเลนจิได้ทวงถามรัฐบาลอภิสิทธิ์หลายครั้งถึงรายงานการ ชันสูตรศพไม่เคยได้รับความคืบหน้า มาครั้งนี้เธอได้เขียนแสดงความยินดีต่อชัยชนะของคุณปูพร้อมทั้งวิงวอนในสิ่ง ที่รัฐบาลอภิสิทธิ์เมินเฉย

มิหนำซ้ำนายเสนาะ เทียนทอง แห่งพรรคประชาราช อดีตผู้จัดการรัฐบาลหลายสมัย ช่วยเอาเท้ากวนน้ำให้ขุ่นมากขึ้นไปใหญ่ด้วยคำพูดหยามน้ำใจคนเสื้อแดง ว่าพรรคเพื่อไทยไม่ควรตั้งแกนนำ นปช. เข้าไปเป็นรัฐมนตรี โชคดีที่คุณปูเธอออกมาให้สัมภาษณ์ตัดไฟได้ทันท่วงทีว่าไม่มีความคิดกีดกัน แกนนำ นปช. ตามการสาระแนแต่อย่างใด

ไม่เช่นนั้นเรื่องอาจไปกันใหญ่ เมื่อสื่อสิ่งพิมพ์ระดับยักษ์อย่างไทยรัฐเล่นข่าวเสื้อแดงแตกโพละซ้ำเติม กรณีนายชินวัฒน์ หาบุญพาด เกิดของขึ้น เข้าไปเรียกร้องกลางที่ประชุมนปช. ให้ปลดนางธิดา ถาวรเศรษฐ์ จากประธาน ร้อนถึงนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ต้องไปแก้ต่างให้ที่บนหน้าหนังสือพิมพ์มติชนว่า เป็นการขัดแย้งไม่ใหญ่โต และได้ไกล่เกลี่ยจนเข้าใจกันดีแล้ว

ทั้งหลายทั้งปวงดังกล่าวแสดงถึงสภาวการณ์ “ชนะแล้วก็ยังไม่นิ่ง” ของพรรคเพื่อไทย และว่าที่นายกฯ หญิงคนแรก

อันตรง กับความรู้สึกในรายงานข่าวของสื่อต่างประเทศ ดังเช่น น.ส.พ. ดิอินดิเพ็นเด๊นท์ ซึ่งเสนอรายละเอียดการสัมภาษณ์น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า เธอได้รับความกดดันอย่างมากจากชัยชนะอันหนักอึ้งนี้*(4)

แล้วยัง ประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญที่ดิอินดิเพ็นเด๊นท์อ้างว่าเป็นข้อเรียก ร้องหลักใหญ่ของเสื้อแดง ทว่าปรากฏเป็นรูปธรรมในรายละเอียดของแถลงการณ์กลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อ ประชาธิปไตย ซึ่งบอกว่าเป็นกลุ่มส่งเสริมประชาธิปไตยจากการรวมตัวของนักศึกษาธรรมศาสตร์ ได้ออกจดหมายเปิดผนึกแสดงจุดยืนต่อการบริหารประเทศโดยรัฐบาลใหม่ไว้ ๕ ประการ*(5)

จุดยืนหลักของกลุ่ม มธ. เสรีฯ ต่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นการเรียกร้องให้ดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่ สะท้อนความต้องการประชาธิปไตยแท้จริงของประชาชน “โดยเน้นในเรื่องเสรีภาพ ความเสมอภาค และความยุติธรรมเหนือกว่าอุดมการณ์ราชาชาตินิยม”

ข้อ เรียกร้องอื่นๆ ล้วนเกี่ยวโยงกับการค้นหาความจริงในเหตุการณ์สลายชุนุมตั้งแต่วันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๑ เป็นต้นมาถึงการกระชับพื้นที่ครั้งใหญ่ในวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ที่มีประชาชนล้มตายกว่า ๙๐ คน รวมไปถึงเสนอให้ลงนามสัตยาบันสนธิสัญญาสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ หรือธรรมนูญกรุงโรม เพื่อให้อัยการศาลอาญาระหว่างประเทศเข้ามาร่วมค้นหาความจริงกับคณะกรรมการ ไทยด้วย

อันที่จริงคำให้สัมภาษณ์ที่ดิอินดิเพ็นเด๊นท์รายงานแสดงให้ เห็นพอประมาณว่า คุณปูเธอไม่ได้รังเกียจที่จะพูดถึงประเด็นร้อนบางอย่าง เช่นเรื่องเกี่ยวกับกฏหมายอาญามาตรา ๑๑๒ หรือ Les Majeste เธอบอกว่า “เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่อนไหวมาก จำเป็นต้องมีผู้ที่ชำนาญเป็นพิเศษมาพิจารณา...เราไม่อยากให้ใครๆ เอากฏหมายนี้มาใช้บ่อยเกินไป เราไม่ต้องการให้คนไทยเอามาใช้อย่างผิดๆ”

ข้อ สำคัญเมื่อการซักถามล้ำเข้าไปถึงบทบาทของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะมือที่ชักใยอยู่เบื้องหลังพรรคเพื่อไทย คุณปูเธอบอกว่า “พี่ชายดิฉันเป็นผู้ช่ำชองอย่างยิ่งในเรื่องการเมือง” แต่ “ดิฉันก็มีความสามารถพอที่จะเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตนเอง ดังนั้นดิฉันคิดว่าจะแสดงภววิสัยของผู้นำได้เองค่ะ”

การแสดงความมั่น ใจของคุณปูเช่นนี้ บังเอิญมีนักวิชาการที่ซื่อตรงต่อหลักประชาธิปไตย ไม่เข้าไม่ออกสีสันการเมืองใด อย่าง ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และหนึ่งในแกนกลางของกลุ่มนักวิชาการ “สันติประชาธรรม” พูดไว้ตั้งแต่เลือกตั้งเสร็จใหม่ๆ ว่า

“เธอก็อาจเป็นตัวของตัวเธอเองได้ไม่น้อย เธอให้ภาพ หรือปรากฏตัวในแง่ความเป็นผู้หญิงเก่ง ซึ่งไม่ได้ทำตัวว่ากูเก่งเหมือนผู้ชาย”*(6)

ดร.ชาญ วิทย์ยังได้พูดถึงประเด็นความอยู่รอดของรัฐบาลใหม่ ในอันที่จะให้ปลอดจากการรังควาญโดยอำนาจเก่าด้วยว่า รัฐบาลปูได้น้ำ “ก็อาจจะต้อง เกี้ยเซียะสองประเด็นหลัก ๆ คือหนึ่ง ไม่แก้กฎหมายหมิ่นฯ ไม่ปฏิรูปเรื่องเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ และสอง ไม่เข้าไปยุ่งกิจการสถาบันทหาร ซึ่งผมคิดว่าอันนี้อาจจะเป็นจุดบอด จุดลบของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”

และแล้วปัญหาการรังควาญก็ปรากฏ ออกมาจนได้ เมื่อมีอาการกระเพื่อมสั่นไหวด้วยแรงดิ้นของฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าจะเป็นพวกสะเหร่อเห่อเหิมตามสโมสรสังคมบนอินเตอร์เน็ตที่บอกว่าคะแนน เสียงที่พรรคเพื่อไทยได้มาจากพวกไร้การศึกษา หรือว่าคะแนน Popular Votes ของเพื่อไทยมากกว่า ปชป. เพียงไม่กี่ล้าน แต่เพื่อไทยไม่สามารถมีตัวแทนได้ทั่วทั้งประเทศเหมือน ปชป.*(7)

ส่วน ประเด็นความอยู่รอดนั้นขึ้นอยู่กับคุณยิ่งลักษณ์ ควบคู่ไปกับคุณทักษิณ และพรรคเพื่อไทยจะรับมือกับการรังควาญได้แค่ไหน อย่างไร แต่ก็เชื่อว่าคำของดร.ชาญวิทย์พอที่จะใช้เป็นแสงเลเซอร์ส่องหาเป้าได้บ้าง ว่า

“เรื่องที่ว่านายกรัฐมนตรีหญิง ชื่อยิ่งลักษณ์ นามสกุลชินวัตร จะก้าวพ้นทักษิณได้ยังไง ก็เขาเป็นพี่น้องกัน มันไม่พ้นหรอก เพียงแต่ว่าเธอจะทำอย่างไรกับข้อกล่าวหาอันนี้ แล้วคนทั่ว ๆ ไปจะแคร์กับข้อกล่าวหาอันนี้มากน้อยแค่ไหน จะขึ้นอยู่กับผลงานมากกว่า”

“ผล งาน” ที่ดร.ชาญวิทย์เอ่ยถึงน่าจะเป็นการปฏิบัติตามแผนงานที่พรรคเพื่อไทยประกาศ ไว้มากมาย ล้วนน่าตื่นเต้นเร้าใจ สำหรับชนชั้นกลาง และให้ความหวังที่บรรเจิดจ้าสำหรับชนชั้นรากหญ้า ไม่ว่าจะเป็นโครงการสาธารณูปโภค เม็กกะโปรเจ็ค (เช่น ระบบรถไฟทั่วประเทศ) หรือนโยบายประชานิยมเก่านำมาปรับปรุงใช้ใหม่

ล้วนเป็นจุดเด่นที่ทำให้เชื่อว่าฝีมืออย่างคุณทักษิณ และทีมงานเศรษฐกิจจะทำได้จริง ไม่ใช่ “ดีแต่พูด”

แต่ ปัญหาที่น่าจะเป็นเรื่องเล็ก กลับเป็นเรื่องใหญ่ในจิตสำนึกทางการเมืองแบบไทยๆ อยู่ที่ยังมีคนอีกฝักฝ่ายหนึ่งถึงจะเป็นเสียงข้างน้อย*(8) แต่เป็นเสียงที่ดังมาก ยังต้องการให้ “ก้าวพ้นทักษิณ” ให้จงได้ หรือไม่เช่นนั้นคุณทักษิณนั่นแหละจะต้องกลับมาด้วยการก้าวข้ามผืนน้ำฐาน เสียงของตนเอง

ข้อนี้คุณทักษิณ คุณยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทยอาจจะมีทางออกไว้แล้ว แต่ยังไม่อยาก “ปากสว่าง” ก็เลยทำให้คนเสื้อแดงจำนวนไม่น้อยเกิดประหวั่นกันอย่างช่วยไม่ได้ว่าจะเป็น ทางออกแบบเกี๊ยเซียะ หรือเป็นทางออกที่พวกเขาถูกก้าวข้ามเสียเอง

อย่าง น้อยสิ่งที่คุณปูพูดกับสื่อต่างประเทศว่าเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ (และเรื่องอื่นๆ ที่เป็นความต้องการของเสื้อแดง) จะต้องถอยไปอยู่ข้างหลังนโยบายเร่งด่วนในการรื้อฟื้นสภาพเศรษฐกิจ ก็ทำให้เกิดความรู้สึกได้เหมือนกันว่าเป็นการฟังเสียงส่วนน้อยก่อนได้ยิน เสียงส่วนใหญ่

สำหรับผู้ที่มองปัญหานี้อย่างโปร่งใสในจุดยืนที่อยู่ นอกวงการ และปราศจากผลได้ผลเสียโดยตรง จึงเกิดข้อคิดว่า ในเมื่อเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ใครต่อใครต้องก้าวข้ามคุณทักษิณ ทำไมคุณทักษิณเองไม่ทำตัวให้พ้นทางซึ่งผู้สนับสนุน และพลพรรคจะต้องมุ่งไปข้างหน้าแทนเสียเล่า พวกเขาจะได้ไม่ต้องพะวงเรื่องก้าวข้ามอะไร

ตามที่มีการเขียน และพูดกันว่า คุณทักษิณออกมาให้สัมภาษณ์บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสถาบัน หรือการปรองดอง จะไม่เป็นการแสดงตัวว่าคือ “มือที่มองเห็น” ตัวจริงเสียงจริงเบื้องหลังคุณยิ่งลักษณ์มากไปสักหน่อยไหม แล้วทำให้ปูฟีเวอร์กลายเป็นกระแสฝ่อไปโดยไว

การที่คุณทักษิณจะก้าว ข้ามกลุ่มอำมาตย์ และบริวารของอำนาจเก่าได้หรือไม่ หาได้เป็นแรงกดดันจากคนเสื้อแดงรากหญ้าแต่อย่างใด แต่ถ้าคุณทักษิณ และพรรคเพื่อไทยทั้งทำ ทั้งปากสว่างในสิ่งที่กลุ่มอำนาจเก่าซึ่งเคยฟาดฟันคุณทักษิณมาอย่างบักโกรก บักอานบังเกิดความพอใจละก็ เท่ากับเป็นการถีบส่งผืนน้ำที่พร้อมจะโอบรับแม่ปูของพรรคเพื่อไทยออกไปพ้น ตัวอย่างน่าเสียดาย

แทนที่จะใช้ทางลัดของการเกี๊ยเซียะ คุณทักษิณประกาศบทบาทเพียงแค่ให้คำปรึกษาแก่น้องปู และถอยตัวเองออกไปอยู่ด้านข้างขนานเส้นทาง ช่วยผลักดันนโยบายเศรษฐกิจเอาชนะใจชนชั้นกลางให้ได้ภายในสองปี ขณะที่ดำเนินการปรับแก้ระเบียบกฏหมาย และระบบยุติธรรมให้สนองต่อประชาชนในระนาบเดียวกันถ้วนทั่ว ยุติการบังคับใช้อย่างแปลกแยกต่างระดับชั้น

เชื่อได้อีก เช่นกันว่า สภาพสังคมไทยจะมีจิตสำนึกประชาธิปไตยพอที่จะยอมรับความยุติธรรมในศักดิ์ศรี ของความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมกันหมด ปลอดจากการแบ่งชั้นของ “คนดี” และ “คนโง่”

เมื่อนั้นราชอาณาจักรไทยจักต้องเห็นพ้องกับข้อต่อสู้ของคุณ ทักษิณที่ว่า ถูกกลั่นแกล้ง กีดกันจากทหาร ตุลากร ด้วยการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม และเป็นฝ่ายกวักมือเรียกคุณทักษิณกลับประเทศเอง

คุณทักษิณสู้ อย่างสากัณฑ์แบบคนในที่อยู่ภายนอกมา ๕ ปีแล้วได้ สู้ในสถานภาพเดิมต่อไปอีกสองปีข้างหน้า ที่ดูหนทางราบเรียบกว่า ไม่น่าจะหนักหนาอะไร


*(1) http://www.prachatai3.info/journal/2011/07/35912

*(2) ดูบันทึกของวิสา คันทัพ ที่เตือนว่าอย่าเป็น “เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล” http://thaienews.blogspot.com/2011/07/blog-post_8204.html

*(3) http://www.fabiopolenghi.org/Elisabetta Polenghi

*(4) http://www.independent.co.uk/news/yingluck-shinawatra

* (5) http://www.prachatai3.info/journal/2011/07/35935

*(6) http://www.prachachat.net/ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ

*(7) นายแทน เทือกสุบรรณ เขียนบนเฟชบุ๊คของเขาถึงเหตุผล ๑๐ ประการที่ชาว ปชป. ไม่ควรเสียใจอาทิ ส.ส.ของ ปชป. ๑๖๐ ล้วนมีคุณภาพ สามารถชนะในภาคใต้อย่างถล่มทลาย และในระบบบัญชีรายชื่อก็แพ้ไม่มาก http://www.prachatai3.info/journal/2011/07/35860

*(8) บทความโดย “นักปรัชญาชายขอบ” ที่ตีพิมพ์ในประชาไทออนไลน์เรื่อง ประชาธิปไตยของเสียงส่วนน้อย อ้างถึงการสรุปของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนไทย (ที่นางอมรา พงศาพิชญ์ ผู้เป็นประธาน ผลักดันออกมาทั้งๆ ที่มีการท้วงติงจากอนุกรรมการ) ว่าการสลายชุมนุม ๑๙ พฤษภา ๕๓ รัฐบาลกระทำโดยสมควรแก่เหตุ และไม่ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนเป็นสาเหตุหนึ่งซึ่งจะทำให้การเปลี่ยน ผ่านสังคมไปสู่ประชาธิปไตยถูกกำหนดโดยเสียงส่วนน้อย และ “ประชาชนตายฟรีเหมือนกับที่ตายฟรีมาหลายครั้งแล้ว” http://www.prachatai3.info/journal/2011/07/35941