ที่มา ประชาไท
เบน บายาริน ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และวิจัยผู้บริโภคเทคโนโลยี จากบริษัท Creative Strategies บริษัทวิเคราะห์การตลาดในซิลิคอนวัลเลย์ เขียนบทความวิเคราะห์ว่าเหตุใดเฟซบุ๊กซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมาก น่าจะเริ่มเสื่อมความนิยมลง
เพื่อนของผมจากเว็บ comScore แลกเปลี่ยนข้อมูลกับผมว่า ในสหรัฐฯ เดือน ก.ย. 2554 ผู้ใช้เฟซบุ๊กใช้เวลาอยู่บนหน้าจอเว็บไซต์เฉลี่ยรวมแล้วคนละ 410 นาที ขณะที่ในเดือนเดียวกันของปีที่แล้วเป็นจำนวน 287 นาที ถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึงร้อยละ 42 นอกจากนี้แล้วในช่วงเดือน ก.ย. 2554 เฟซบุ๊กยังเป็นเว็บไซต์ที่มีผู้บริโภคอินเทอร์เน็ตในสหรัฐฯ ใช้เวลามากถึงร้อยละ 14.7 ซึ่งถือว่ามากที่สุดเมื่อเทียบกับเว็บอื่น ข้อมูลนี้บ่งชี้ว่าเฟซบุ๊กเป็นเทรนด์ที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แล้วอะไรที่ทำให้ผมบ้าพอจะบอกว่าเฟซบุ๊กกำลังเริ่มเดินทางมาสู่จุดสิ้นสุด มาดูกันดีกว่า
สิ่งหนึ่งที่คุณจะได้เรียนรู้จากการใช้ชีวิตอยู่ที่ซิลิคอนวัลเลย์ (สถานที่ทางตอนใต้ของซานฟรานซิสโก เป็นที่ตั้งของเหล่าบรรษัททางเทคโนโลยีไอทีจำนวนมาก) คือชีวิตทุกส่วนของคุณจะต้องอยู่กับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก บริษัทใหญ่ๆ มาแล้วก็ไปในเวลาที่สั้นมากๆ ยาฮู! เคยเป็นอย่างเดียวกับที่กูเกิลเป็นทุกวันนี้ มายสเปซ (Myspace-เว็บไซต์โซเชียลเน็ตเวิร์กของไมโครซอฟท์) ก็เคยเป็นอย่างเดียวกับที่เฟซบุ๊กเป็นทุกวันนี้ มีนวัตกรรมเกิดขึ้นตลอดเวลาและไม่เคยรั้งรอบริษัทใด
เรื่องนี้อาจจะถูกหรือผิดก็ได้ แต่สิ่งที่ทำให้ผมเริ่มประเมินว่าเฟซบุ๊กได้ถึงจุดสูงสุดของมันแล้วจะเริ่ม มีผู้ใช้ลดลงนั้น มาจากตอนที่ผมพบว่าตัวเองใช้เฟซบุ๊กน้อยลงทุกวันๆ บางครั้งก็ไม่ใช้เลยเป็นหลายวันหรือหลายสัปดาห์ ที่น่าสนใจคือผมเองพบว่าผู้คนในเครือข่ายของผมก็โพสต์น้อยลงเรื่อยๆ สิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นการที่ผู้บริโภคเว็บไซต์กำลังประสบกับความอ่อนล้า ของเฟซบุ๊กก็เป็นได้
ไม่นานมานี้ผมได้ทำการสำรวจนักเรียนมัธยมปลายในซาน โฮเซ แล้วก็พบผลลัพธ์ที่น่าแปลกใจคือไม่ใช่ทุกคนที่ใช้เฟซบุ๊ก แต่คิดอีกทีหนึ่งมันก็อาจจะไม่น่าแปลกใจขนาดนั้นก็ได้เพราะแทบทุกคนก็บอกว่า พวกเขาแค่เบื่อเว็บนี้และใช้มันน้อยลง
คุณอาจจะเห็นการลดลงของจำนวนผู้ใช้เฟซบุ๊กเป็นเรื่องน่าแปลกใจหรือไม่น่า แปลกใจก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้อินเทอร์เน็ตมากน้อยเพียงใด ยกตัวอย่างเช่น เยาวชนจำนวนมากที่ผมเข้าไปสำรวจบอกว่าพวกเขาพร้อมแล้วสำหรับสิ่งอื่น จะว่าผมบ้าก็ได้ แต่ผมเชื่อสนิทใจว่าเฟซบุ๊กได้มาถึงจุดสูงสุดหรือไม่ก็ใกล้ถึงจุดสูงสุดของ มันแล้ว
ความคิดนี้ของผมเกิดขึ้นในช่วงเดียวกับที่มีข่าวว่าเฟซบุ๊กเตรียมเปิด เสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) แต่ขณะเดียวกันก็เป็นช่วงที่เฟซบุ๊กกำลังเผชิญปัญหาการถูกกดดันจากคณะ กรรมาธิการการค้าของสหรัฐฯ (FTC) ในเรื่องสิทธิความเป็นส่วนตัว เหตุการณ์ทั้งสองอย่างนี้ตั้งอยู่คนละขั้วและสามารถนำมาใช้ในการถกเถียงได้ ไม่ว่าจะจากฝ่ายที่เห็นว่าจะยังคงมีอำนาจอยู่ในระยะยาวหรือจากฝ่ายที่เห็น ตรงกันข้าม
ถ้าหากคุณเป็นผู้ใช้เฟซบุ๊กมานานกว่าสองสามปีที่แล้ว ลองคิดย้อนไปว่าคุณเคยใช้เฟซบุ๊กอย่างไรในช่วงแรก คุณก็คงจะจำได้ว่าคุณใช้มันบ่อยมากและใช้มันเป็นเวลานาน ช่วงเวลาที่ใช้ไปนั้นเป็นการใช้พบปะกับเพื่อนฝูง คนในครอบครัว หรือใช้ค้นหาเพื่อนเก่า ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมของเฟซบุ๊ก แม้กระทั่งกับผู้ใช้หน้าใหม่ก็ยังคงใช้มันในแบบเดียวกันเป็นเวลานาน
แต่พอถึงจุดหนึ่งการใช้เฟซบุ๊กเริ่มกลายเป็นการจัดการโปรไฟล์และเช็คข่าว สารลวกๆ แทนการใช้เป็นเวลานาน แม้ว่ามันไม่ใช่เรื่องแย่ แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ดีนักสำหรับเฟซบุ๊กที่ต้องการรองรับธุรกิจขนาดใหญ่และมี คุณภาพ
ผมไม่แน่ใจว่าทำไมผู้บริโภคถึงเริ่มใช้เฟซบุ๊กเป็นเวลานาน แล้วก็เริ่มลดจำนวนลง แต่ผมเชื่อว่ามันต้องเกี่ยวกับจำนวนของเพื่อนในเครือข่าย แบรนด์สินค้า สมาชิกในครอบครัว เพื่อนร่วมชั้น เพื่อนร่วมงาน และแบรนด์ของแฟนเพจด้วยแน่ๆ เมื่อสิ่งเหล่านี้มีจำนวนมากขึ้น เฟซบุ๊กเริ่มกลายเป็นแหล่งข้อมูลที่มากจนล้นเกิน และมีข้อมูลที่ไม่ได้น่าสนใจหรือไม่เกี่ยวกับตัวผู้ใช้กองระเกะระกะเต็มไป หมด
ในช่วงที่ผ่านมา การทดสอบโปรแกรมแอพลิเคชั่นที่มีลู่ทางการเข้าถึงเครือข่ายทางสังคมในรูปแบบ ที่ต่างออกไป ค่อยๆ ทำให้ผมเชื่อว่าเฟซบุ๊กกำลังเจอปัญหาแล้ว หนึ่งในโปรแกรมเหล่านั้นคือ Path ซึ่งเป็นโปรแกรมที่มีให้ใช้มาราวปีหนึ่งแล้ว แต่มันเพิ่งมีการอัพเดทครั้งใหญ่ซึ่งทำให้มันดูน่าใช้มากขึ้น
คอนเซปต์หลักของ Path คือการที่มันจำกัดจำนวนคนที่คุณสามารถเป็นเพื่อนด้วย ซึ่งหมายความว่าคุณจะเชื่อมต่อกับคนที่คุณรู้สึกใกล้ชิดจริงๆ เท่านั้น ซึ่งในความเห็นผมแล้วนี่เป็นสิ่งที่น่าสนใจทีเดียว เพราะมันเป็นสิ่งที่ 'น้อยแต่มาก' (Less being More) โปรแกรมนี้สร้างขึ้นมาเพื่อการแลกเปลี่ยนทางสังคมกับผู้คนที่ใกล้ชิดกับ ชีวิตคุณมากที่สุด และได้รับการตอบรับตามที่สัญญาเอาไว้
แม้กระทั่ง Xbox Live ซึ่งเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์กสำหรับผู้เล่นเกมของ Xbox ก็ให้ภาพของคนที่มีความสนใจร่วมกันได้ใช้เวลาแลกเปลี่ยนสื่อสารกัน
เว็บ Pinterest ก็เป็นอีกเว็บหนึ่ง ที่ผมได้ยินมาว่าสามารถดึงเวลาของผู้ใช้จากเฟซบุ๊กไปได้เล็กน้อย เว็บนี้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วมาก มันมีลักษณะเฉพาะในการนำเสนอความสนใจต่างๆ ของบุคคล โดยรวบเอาการพบปะทางสังคมเอาไว้ด้วย
สิ่งที่บริการทั้งหลายเหล่านี้เหมือนกันคือการเน้นไปที่อะไรเฉพาะตัว แทนการพยายามเอาใจทุกๆ คน ซึ่งอาจจะกลายเป็นสิ่งที่สร้างความยุ่งเหยิงให้เฟซบุ๊กเองในที่สุด ความจริงผมก็คิดอยู่เหมือนกันว่าการจัดการกับเพื่อนจำนวนหลายร้อยหลายพันคน ก็คงทำให้หลายคนหงุดหงิด ดังนั้นบริการตัวอื่นๆ ที่ผมได้พูดถึงไปนั้นดูน่าใช้และอีกนัยหนึ่งก็ดึงคนออกมาจากเฟซบุ๊กได้
ผมได้ทำการสำรวจปัจจัยแวดล้อมและคอยจับกระแสซึ่งเป็นหนึ่งในงานของผมใน ฐานะนักวิเคราะห์ตลาด ผมมองเห็นว่าการใช้เฟซบุ๊กน้อยลงนั้นเป็นกระแสที่สำคัญมาก เมื่อนำมาพิจารณาตามบริบทรวมกับเห็นว่ามีบริการใหม่นำเสนอตัวเองอยู่ทุกวัน แล้ว คุณก็จะเห็นว่าทำไมผมถึงถามคำถามนี้ เฟซบุ๊กอาจจะถึงเวลาของตัวเองแล้ว
แน่นอนว่าในตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึง และเฟซบุ๊กยังสามารถเสนอนวัตกรรมและทำให้ยุ่งเหยิงในตัวมันเอง แต่โซเชียลเน็ตเวิร์กที่มีการเน้นอะไรเฉพาะตัวมากกว่า อาจจะน่าสนใจกว่าสำหรับผู้บริโภคในอนาคต
ที่มา
The Beginning of the End for Facebook?, Ben Bajarin, 05-12-2011
http://techland.time.com/2011/12/05/the-beginning-of-the-end-for-facebook/