WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, June 23, 2009

พลเมืองเน็ตแจ้งข่าว “ความคืบหน้าการดำเนินคดี พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ ต่อพลเมืองเน็ต”

ที่มา ประชาไท

เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 52 ที่ผ่านมา เครือข่ายพลเมืองเน็ต (Thai Netizen Network) ได้เผยแพร่ “ใบแจ้งข่าวเครือข่ายพลเมืองเน็ต เรื่อง ความคืบหน้าการดำเนินคดี พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ ต่อพลเมืองเน็ต” แจ้งข่าวสารล่าสุดของ 3 คดีที่เกี่ยวข้องและเป็นผลสืบเนื่องมาจากพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 โดยมีเนื้อหาดังนี้

ความคืบหน้าการดำเนินคดี พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ ต่อพลเมืองเน็ตตั้งแต่พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2550 และมีผลใช้บังคับเมื่อพ้นสามสิบวันหลังจากนั้น ได้มีผู้ถูกดำเนินคดีเป็นจำนวนมาก หลายคดีส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลต่อการบังคับใช้กฎหมายอย่างคลุมเครือขาด ความชัดเจน สร้างบรรยากาศความหวาดกลัวให้กับผู้ใช้อินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะการตีความบทบัญญัติความผิด มาตรา 14 และ 15
มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 14 (2) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความ ตื่นตระหนกแก่ประชาชน
มาตรา 14 (4) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
มาตรา 15 ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจ สนับสนุน หรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามาตรา 14 ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา 14
เครือข่ายพลเมืองเน็ต ขอแจ้งข่าวสารล่าสุดของ 3 คดีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสะท้อนให้เห็นความไม่ชัดเจนของกระบวนการบังคับใช้กฏหมาย โดยเฉพาะการใช้ดุลยพินิจในการจับกุมดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่รัฐ
คดีที่อยู่ในชั้นอัยการ
คดีของ จีรนุช เปรมชัยพร ผู้อำนวยการและผู้ดูแลเว็บบอร์ดของหนังสือพิมพ์ออนไลน์ประชาไท http://www.prachatai.com/webboard ซึ่งถูกกองปราบปรามจับกุมดำเนินคดีเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2552 ด้วยข้อกล่าวหาตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 15 เนื่องเพราะไม่ได้ลบข้อความในเว็บบอร์ด ที่เข้าข่ายขัดต่อกฎหมายดังกล่าว ภายในเกณฑ์เวลาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งไว้ ในขณะที่จีรนุชได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาและยืนยันเจตนาบริสุทธิ์ เนื่องจากได้ลบข้อความดังกล่าวออกทันทีที่ได้รับแจ้ง และได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติตามกฎหมายตลอดมา
ความคืบหน้าล่าสุด กองปราบปรามได้สรุปสำนวนทั้งหมดเพื่อส่งคดีดัง กล่าวไปที่พนักงานอัยการ โดยได้นัดจีรนุชที่สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อรายงานตัวและประกันตัวในชั้นอัยการในวันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน 2552 เวลา 14.00 น. จากนั้นพนักงานอัยการได้นัดฟังคำสั่งว่าจะส่งฟ้องศาลหรือไม่ในวันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน 2552 เวลา 9.00 น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก
คดีที่อยู่ในชั้นศาล
คดีของ ศิริพร สุวรรณพิทักษ์ ผู้ให้บริการเว็บไซต์ 212cafe.com ซึ่งถูกจับกุมภายใต้ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (4) และมาตรา 15 เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2551 ในข้อหาปล่อยให้มีภาพที่มีลักษณะลามกปรากฏอยู่บนเว็บบอร์ด ทั้งนี้ ผู้ต้องหาคือศิริพร ชี้แจงว่าเนื่องจาก 212cafe เป็นเว็บบอร์ดฟรีที่เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปเผยแพร่ข้อความได้ด้วยตัวเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจโทรมาแจ้งให้ลบภาพดังกล่าวโดยมิได้ส่งโทรสารหรือจดหมายแจ้ง ที่อยู่ URL ตามที่ภรรยานายศิริพรร้องขอ ทำให้ต้องใช้เวลาค้นหาเพื่อทราบ URL ดังกล่าว ซึ่งเมื่อทราบแล้วก็ได้ลบออกโดยทันที ทั้งนี้อาจล่าช้าจากที่ได้รับแจ้งประมาณ 7 วัน ปรากฏว่าศิริพรถูกจับกุมดำเนินคดีและไม่สามารถประกันตัวได้ทันที ต้องถูกคุมตัวอยู่ในห้องขังของสถานีตำรวจเป็นเวลาหนึ่งคืนและได้รับการ ประกันตัวในวันรุ่งขึ้น
ความคืบหน้าล่าสุด พนักงานอัยการได้ส่งฟ้องคดีต่อศาลอาญา และศาลอาญาได้มีคำสั่งนัดพร้อมเปิดคดีเป็นครั้งแรกในวันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน 2552 เวลา 13.30 น. ที่ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก
คดีที่ได้รับคำพิพากษาถึงที่สุด
คดีของ สุวิชา ท่าค้อ ผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ซึ่งถูกจับและดำเนินคดีภายใต้ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2552 เนื่องจากการเผยแพร่เนื้อหาที่ขัดต่อกฎหมายดังกล่าวผ่านสื่อออนไลน์ จากนั้นเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2552 ศาลอาญาชั้นต้นได้ตัดสินโทษจำคุก 20 ปี แต่เนื่องจากจำเลยรับสารภาพศาลจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่งคือ 10 ปี จากนั้นสุวิชาและครอบครัวเตรียมขอพระราชทานอภัยโทษหลังจากครบกำหนดอุทธรณ์ 30 วัน (3 พ.ค. 2552) ซึ่งสุวิชาตัดสินใจไม่อุทธรณ์
ความคืบหน้าล่าสุด อัยการไม่อุทธรณ์ต่อ ศาลมีคำสั่งให้คดีถึงที่สุด วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน 2552 ทนายของสุวิชาจะยื่นขอพระราชทานอภัยโทษต่อสำนักราชเลขาธิการในวันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน 2552
เครือข่ายพลเมืองเน็ต เห็นความสำคัญของการดำเนินคดีของทั้งสามกรณีดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะเป็นคดีที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของการบังคับใช้ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 อีกทั้งมาตรฐานการดำเนินคดีรวมทั้งคำพิพากษาจะกลายเป็นบรรทัดฐานต่อการ ดำเนินคดีต่อพลเมืองเน็ตต่อไป เครือข่ายพลเมืองเน็ตขอให้ทุกฝ่ายติดตามความเคลื่อนไหวเรื่องดังกล่าวอย่าง ใกล้ชิด รวมทั้งเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้แนวทางที่ชัดเจนในการกำกับดูแล อินเทอร์เน็ต รวมไปถึงการเปิดโอกาสให้พลเมืองผู้ใช้อินเทอร์เน็ต รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ได้มีโอกาสสะท้อนความคิดเห็นถึงปัญหาและผลกระทบจากการใช้พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสมกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน