WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, June 21, 2009

ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รัฐธรรมนูญ และวันชาติ 24 มิถุนายน

ที่มา thaifreenews

เขียนโดย Bugbunny
วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน 2009 เวลา 05:57 น.
altความ ทรงจำในวัยเด็กของผมเกี่ยวกับประชาธิปไตยไทยนั้นมีอยู่หลายเรื่อง ผมยังจำได้ว่าในแบบเรียนชั้นประถมของผมนั้น ด้านหลังปกจะมีรูปที่พิมพ์ให้เห็นกันว่า สิ่งที่สำคัญอันเป็นคำขวัญสัญลักษณ์ของประเทศไทยนั้น คือ “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รัฐธรรมนูญ” ตอนนั้นเรามีสิ่งสำคัญของชาติ 4 อย่าง ไม่ใช่แค่ 3 อย่างตามที่ปรากฏสำหรับคนที่เกิดหลังปี 2501 ซึ่งจอมพลสฤษดิ์กลับจากอเมริกามายึดอำนาจรัฐบาลพลเอกถนอม ลูกน้องของแกเองในปี 2501 สถาปนาตนเองขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี และมีผู้ Endorse ให้ด้วย ทำตนเป็นเผด็จการสมบูรณ์แบบ กฎหมายออกใหม่ทุกฉบับกลายเป็นประกาศคณะปฏิวัติ มีมาตรา 17 ตามธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร เอาไว้สั่งประหารชีวิตคนที่แกถือว่าเป็นภัยต่อชาติบ้านเมือง อย่างยิงเป้าคนที่ถูกจับว่าวางเพลิง ซึ่งภายหลังปรากฏว่ากลายเป็นว่าไม่ใช่คนเผา แต่เป็นแพะที่เอามายิงทิ้งเสียเพื่อเป็นการประกาศข่มขวัญประชาชนว่าแกมี อำนาจ

อ่านต่อ และ แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่


แล้วแกประกาศนโยบายประชานิยมประเภท “น้ำไหล ไฟสว่าง ทางดี มีงานทำ” ที่มีคนมาแอบแปลงกันเป็น “น้ำไม่ไหล ไฟริบหรี่ สามล้อห้ามขี่ กระหรี่ห้ามเช็ด” (ขอโทษนะครับ พี่ ๆ วัยหนุ่มแถวบ้านผมเขาร้องเล่นกันอย่างนี้และก็เป็นอย่างนี้จริง ๆ) หรือ “ทุกคนต้องทำงานหาเงิน ชาติที่จะเจริญต้องประหยัด” แต่ ธุรกิจการค้าในยุคนั้นเจ๊งกันระเนนระนาด แต่มีคนไม่กี่คนที่ใกล้ชิดกับอำนาจเท่านั้นที่ร่ำรวยขึ้น หนังสือพิมพ์ถูกเซ็นเซอร์ก่อนออกจำหน่ายทุกวัน ชาวบ้านห้ามบ่น เพราะจะมีคนคอยเตือนว่า ระวังมอสิบเจ็ด สถานการณ์แบบนี้มีอยู่นานจนจอมพลสฤษดิ์ตายไป ปรากฏว่าแกมีมรดกตกทอดมหาศาล ถ้าเป็นสมัยนี้อาจจะหลายหมื่นล้าน ให้บรรดาลูกเมียหลวงและเมียใหม่ฟ้องร้องแย่งชิงกันสนุกสนาน ก่อนที่จะโดนจอมพลถนอมลูกน้องเก่าแกนั่นแหละใช้ ม. 17 ยึดเป็นของแผ่นดินเสียจำนวนหนึ่ง

ความทรงจำเรื่องเผด็จการกลับมี มากกว่า เพราะโตขึ้นจนพอจะจำอะไรได้บ้าง เคยชื่นชมว่าประเทศกำลังพัฒนา ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วมันคือการโฆษณาชวนเชื่อ ต้องตื่นเช้ามืดเพื่อที่จะไปสายและโดนหวดในเรื่องนี้ประจำ ทั้งที่เป็นคนเรียนเก่ง เนื่องจากบริษัทเดอเกรมองจากฝรั่งเศสมาขุดถนนทำท่อประปาจนพรุนไปหมด หลังมอบสินน้ำใจจำนวนมากแก่แม่ยายของจอมพลสฤษดิ์ แต่ไม่เคยสนใจว่าการขุดถนนของพวกเขานั้นทำให้รถติดขนาดไหน เผด็จการทำให้ผมลำบาก แต่ผมไม่มีสิทธิบ่น เพราะมันเป็นยุคเผด็จการ

สิ่ง ที่ผมไม่เคยลืมกลับเป็นความสนุกสนานในวัยเด็กมากและเป็นยุคประชาธิปไตย ได้ไปเที่ยวงานรัฐธรรมนูญ ได้นั่งรถไฟเล็กรอบสวนลุมพินี ได้เห็นร้านรวงที่มีพานรัฐธรรมนูญตกแต่งทุกร้าน ได้รู้ว่าในงานมีการประกวดนางสาวไทย แต่ไม่รู้ว่าพวกเธอสวยแค่ไหน เพราะยังทารกเหลือเกิน

แต่สิ่งที่ผมจำได้แม่นก็คือ คำขวัญของประเทศไทยในช่วงประชาธิปไตยนั้นมีสี่อย่าง คือ “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รัฐธรรมนูญ” ไม่ใช่แค่สามอย่างแบบทุก วันชาติในวัยนั้นของผมคือ วันที่ 24 มิถุนายน ผมไม่รู้เหมือนกันว่าใครเอาวันชาติออกไปจากปฏิทินของประเทศไทย เมื่อได้เรียนวิชาหน้าที่พลเมืองสมัยมัธยม ที่ในตำราเรียนพยายามกล่าวถึงแบบข้าม ๆ เรื่องการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ไป ผมก็ยิ่งสงสัยว่า แล้ววันที่เราเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบราชาธิปไตยมาเป็นประชาธิปไตย ซึ่งต้องถือว่าสำคัญมากนั้น ทำไมมันจึงถูกทำให้กลายเป็นวันที่ไม่สำคัญไปเสีย ใครทำและทำไปทำไม?

ผม มาเริ่มประจักษ์แจ้งเอาก็ตอนเรียนมอปลายและมหาวิทยาลัยว่า วันอย่าง 24 มิถุนา นั้นมันสำคัญสำหรับประชาชนเท่านั้น แต่เป็นวันแห่งแผลใจสำหรับชนชั้นสูงผู้ลากมากดีของประเทศนี้ จนต้องร่วมใจกันทำให้มันเลือน เลือนหายไป เพียงแต่มันทำไม่ได้ง่าย เพราะเมื่อคนเรียนรู้มากเข้า ก็เข้าใจแจ่มชัดว่าวันนั้นเมืองไทยได้เปลี่ยนอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ มาเป็นของราษฎรทั้งหลายแล้ว

จนถึงวันนี้ ความจริงที่ว่ามีความพยายามยักยอกอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศของราษฎรทั้ง หลายไปให้กลุ่มคนหยิบมือเดียวนั้นยังคงอยู่เหมือนเดิม การที่คนไทยมีโอกาสเลือกผู้นำประเทศของเราเองให้มาทำงานได้ครบสี่่ปีนั้น ได้พิสูจน์สัจจะที่ว่า ผู้นำประเทศที่มาจากความยินยอมพร้อมใจของประชาชน ย่อมจะุทำเพื่อประชาชน ทำให้ ฆ่าไม่ตาย สลายไม่สิ้น นี่เป็นสิ่งที่คนส่วนน้อยหวาดหวั่น ยิ่งคนไทยอยู่สบาย ไม่ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดไปวัน ๆ ก็ยิ่งจะเป็นปัญหากับคนส่วนน้อย เพราะเมื่อท้องอิ่มแล้ว สมองก็จะคิด ความคิดก็จะยิ่งแตกฉาน มองสังคมออกว่าอะไรเป็นอะไร เป็นอันตรายสำหรับคนส่วนน้อยที่ได้เปรียบในสังคม

ผม มาเรียกร้องความสำคัญให้วันที่ 24 มิถุนายน ไม่ได้มาขอให้เอากลับมาเป็นวันชาติในทันที เพราะรู้ดีว่าไม่อีซี่นัก แต่ขอให้ช่วยกันนำคุณูปการที่ถูกบิดเบือนปิดบังของผู้อภิวัฒน์ 2475 มาเผยแพร่กันให้มากที่สุด ท่านเหล่านั้นคือผู้กล้าและวีรชนของประเทศนี้ ถ้าไม่มีท่านเหล่านั้น คนไทยจะไม่ได้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ไม่มีนามสกุลครบกันทุกคน เพราะก่อน 2475 ชนชั้นสูงเท่านั้นมีนามสกุล แต่ไพร่ทั้งหลายไม่ค่อยมีกัน ไม่ได้เรียนหนังสือจนจบประถมเพราะการออกกฎหมายการศึกษาแห่งชาติบังคับให้ เด็กไทยทุกคนต้องได้เรียนหนังสือ ไม่มีความเท่าเทียมกันในความรัก เพราะมีกฎเหล็กห้ามไม่ให้เจ้านายฝ่ายหญิงแต่งงานกับสามัญชน ไม่มีเอกราชทางศาล จนกระทั่งรัฐบาลประกาศใช้ประมวลกฎหมายอันนานาชาติยอมรับว่าการยุติธรรมไทยมี มาตรฐานสากล (แต่ทุกวันนี้พวกเขาอาจจะไม่ชัวร์กันแล้วก็ได้ เพราะผลงานของพวกตุลาการวิบัติในช่วงสองสามปีนี้) ไม่มีโอกาสได้เรียนในมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองหรือมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ในวันนี้ ที่ผู้บริหารพากันลืมกำพืดของตนเองและมหาวิทยาลัยไปจนหมดสิ้น ฯลฯ และคนไทยจะไม่ได้อะไรอีกหลายอย่างที่คงจะได้นำมาเล่าให้ฟังกันอีกในโอกาส ข้างหน้า
แก้ไขล่าสุด ใน วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน 2009 เวลา 06:36 น.