ที่มา มติชนออนไลน์
"อภิสิทธิ์"หวั่นเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง ไม่มั่นใจเสถียรภาพรบ. รับปชป.เตรียมเลือกตั้งแต่ยังไม่ถึงเวลา รบ.นับถอยหลัง โฆษกปชป.ซัด"แม้ว"โฟนอิน-ม็อบเสื้อแดง เป็นอุปสรรคแก้ปัญหาการเมือง คนใกล้ชิด"มนูญกฤต"เผยคนมีบารมีประสานเป็น หน.เพื่อไทย "พร้อมพงศ์"ปัดทาบทาม โวหน.คนใหม่เชี่ยวชาญด้านศก.
"มาร์ค"หวั่นอุบัติเหตุทางการเมือง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษตอนหนึ่งในการสัมมนาการเสริมสร้างและเผยแพร่ความรู้ ความเข้าในในการทางการเมือง การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ให้กับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) รุ่นที่ 12 ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ว่านโยบายของรัฐบาลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการต้องออกกฎหมาย อาทิ นโยบายการตั้งสภาการเกษตร กฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ อปท.รวมถึงกฎหมายต่างๆ ที่ต้องออกตามรัฐธรรมนูญ รัฐบาลมีความตั้งใจ ซึ่งกฎหมายหลายฉบับก็ควรจะเสร็จแล้วตั้งแต่ที่ตนมารับตำแหน่ง แต่ที่ยังไม่คืบหน้าอาจเป็นเพราะปีที่แล้วเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองวุ่นวาย
"ผมพยายามไม่ให้เสียสมาธิกับเรื่องการเมือง ซึ่งต้องการผลักดันกฎหมายให้เสร็จทันตามกรอบเวลา และคาดว่าจะผลักดันในสมัยประชุมนิติบัญญัตินี้ ยกเว้นจะมีอุบัติเหตุทางการเมืองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง" นายกรัฐมนตรีกล่าว และว่า อยากให้ความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นมาหลายปีแล้วจบลง แต่ต้องยอมรับความขัดแย้งส่วนหนึ่งเกิดจากนักการเมือง ซึ่งเรื่องนี้ต้องใช้เวลา ไม่จบลงง่ายๆ
ฝากกำนัน-ผญบ.-ท้องถิ่นดูแลม็อบ
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่ว่าใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ย่อมมีทั้งคนที่เห็นด้วยและคนที่คัดค้าน การออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลสามารถทำได้ แต่ต้องไม่ทำผิดกฎหมาย และที่ไม่อยากให้ทำคือ การทำอะไรที่กระทบภาพลักษณ์ของประเทศ เพราะเวลานี้ชาวบ้านก็ลำบากจากภาวะเศรษฐกิจ เวลาที่ไปต่างประเทศถูกถามตลอดว่าบ้านเมืองสงบหรือยัง ตรงนี้เป็นการทำลายโอกาสของประเทศ
"อยากฝากทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ว่าการชุมนุมสามารถทำได้ แต่อย่าทำผิดกฎหมาย และทุกเสียงที่สะท้อนมา ผมพร้อมแก้ปัญหาให้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะปิดถนนหรือไม่ก็ตาม ขอให้ทุกคนที่อยู่ในพื้นที่เร่งทำความเข้าใจกับประชาชนว่า อย่าใช้วิธีความรุนแรง เพราะสุดท้ายจะทำให้เกิดปัญหา และเกิดความเสียใจคือ คนไทยมาปะทะกันเอง ขอให้รักษาประชาธิปไตย สร้างค่านิยมที่ดี บ้านเมืองก็จะเข้าสู่ภาวะปกติ และถ้าผ่านวิกฤตบ้านเมืองตรงนี้ไปได้ การเมืองไทยก็จะเติบโตอีกครั้งหนึ่ง" นายอภิสิทธิ์กล่าว
ยันรัฐบาลยังไม่เริ่มนับถอยหลัง
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณี พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร อดีต ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ถูกทาบทามเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยว่า คงต้องรอฟังความชัดเจนจาก พล.ต.มนูญกฤต ว่าเป็นอย่างไร ซึ่ง พล.ต.มนูญกฤตมีอิสระในการตัดสินใจเพราะลาออกจากเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ไปแล้ว
เมื่อถามว่า แต่ละพรรคการเมืองกำลังมุ่งสู่การเลือกตั้งครั้งต่อไปแล้วหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นธรรมดา เพราะในทางการเมืองจะต้องมีการเตรียมการเพื่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป แต่ไม่น่าจะเกี่ยวกับการเริ่มนับถอยหลังรัฐบาล เพราะการเตรียมตัวการเลือกตั้งก็ต้องใช้เวลาพอสมควร ที่สำคัญคือในยุคนี้ตัวบุคคลที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งหรือคนที่จะมาเป็นผู้นำในการกำหนดแนวทาง มันต้องใช้เวลา เพราะอยู่ดีๆ จะไปรวบรวมคนกันมาแล้วลงเลือกตั้งเลยนั้นไม่ง่ายในยุคนี้ ดังนั้น ทุกพรรคก็ต้องเตรียมการล่วงหน้า พรรคประชาธิปัตย์ได้เตรียมการเหมือนกัน โดยการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ได้ซักซ้อมในส่วนนี้เช่นกัน
ไม่หวั่นกระแส"ทักษิณ"โฟนอิน
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินในช่วงนี้บ่อยครั้งว่า หากยังอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายก็คงไม่มีปัญหา ซึ่งนักการเมืองที่มีบทบาทสำคัญในอดีตก็ยังคงมีบทบาทกันทั้งสิ้น ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร พ.ต.ท.ทักษิณยังสามารถแสดงความคิดเห็นตามปกติได้ และคงไม่กระทบกับรัฐบาล เพราะรัฐบาลก็ทำงานไป และใครจะแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์อะไรถ้าไม่ขัดกับกฎหมายก็สามารถทำได้
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ ส.ส.สัดส่วน โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงที่พรรคประชาธิปัตย์ว่าปัญหาการเมืองในขณะนี้ ในส่วนคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง มีความคืบหน้าไปมาก โดยพรรคสนับสนุนการดำเนินการของคณะกรรมการทั้งสองชุด และคงจะมีการนำเรื่องนี้หารือในที่ประชุมพรรควันที่ 24 มิถุนายนนี้ อย่างไรก็ดี ยังมี 2 เรื่องที่อาจทำให้แก้ไขปัญหาการเมืองยังยากอยู่คือ 1.การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงวันที่ 27 มิถุนายน และ
2.กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินถี่ในช่วง 2-3 วันนี้ ทั้งที่ จ.สกลนคร และ จ.เพชรบุรี ซึ่งทั้งหมดเป็นการให้ข้อมูลที่บิดเบือน ใส่ร้ายรัฐบาล ปลุกระดม กุเรื่องสร้างความแตกแยก ไม่ต้องการเห็นบ้านเมืองสงบ ขอตั้งคำถามว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณเจตนาดีจริง ทำไมยังสร้างความขัดแย้ง ปลุกระดม บังคับให้คนไทยเลือกข้าง
โฆษกพท.ปัดทาบ"มนูญกฤต"
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวการทาบทาม พล.ต.มนูญกฤต เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อเท็จจริง เป็นการให้ข่าวของคนที่สนับสนุน พล.ต.มนูญกฤต เท่านั้น แต่ยอมรับว่า พล.ต.มนูญกฤต เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ ทั้งนี้จะต้องมีการหารือภายในพรรคก่อน โดยการประชุมกรรมการบริหารพรรคและแกนนำพรรคยังไม่มีรายละเอียดเรื่องนี้ เพราะขณะนี้หัวหน้าพรรคยังเป็นของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์
"หากจะมีการปรับเปลี่ยนหัวหน้าพรรค หรือกรรมการบริหารพรรคคงต้องรอให้มีการยุบสภาเกิดขึ้นก่อน แต่ยืนยันว่าตอนนี้ยังไม่ยุบสภา จึงไม่มีการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคหรือหัวหน้าพรรคคนใหม่แน่นอน เพราะหัวหน้าพรรคคนใหม่ของพรรคเมื่อเปิดเผยชื่อออกไปแล้วต้องเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป และต้องเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจด้วย เพราะตอนนี้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่จะต้องแก้ไขโดยเร็ว" นายพร้อมพงศ์กล่าว
คนใกล้ชิดรับคุยกันมานานแล้ว
ด้านนายสุทัศน์ จันทร์แสงศรี หัวหน้าพรรคประชาภิวัฒน์ ผู้ใกล้ชิด พล.ต.มนูญกฤต กล่าวว่า รายงานข่าวที่เกิดขึ้นคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง โดย พล.ต.มนูญกฤต ไม่ได้ต้องการอยากจะเข้าไปเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แต่มีแนวคิดอยากแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ไม่อยากให้มีการเลือกสีเลือกข้างอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แกนนำพรรคเพื่อไทยจึงได้ไปพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดกันมาพักใหญ่แล้ว โดยแนวทางการทำงานที่วางกันไว้คือ ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ใครผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ตามกระบวนการยุติธรรมที่มีอยู่ โดยที่กลไกภายนอกจะต้องไม่เข้าไปแทรกแซงกระบวนการให้ความเป็นธรรมดังกล่าว
"พล.ต.มนูญกฤต เป็นคนหนึ่งที่ถูกทั้งสีแดง และสีเหลืองเล่นงานมา ดังนั้น จึงรู้ดีว่าปัญหาของชาติจะบรรเทาเบาบางลงไปไม่ได้เลยหากบ้านเมืองยังไม่สลายเรื่องสี สังคมต้องเป็นสีเดียวกัน" นายสุทัศน์กล่าว
เล็งแก้"มั่นคง-ขัดแย้ง-เศรษฐกิจ"
นายสุทัศน์กล่าวว่า เรื่องการไปร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยมีการพูดคุยเหมือนกันว่า ถ้า พล.ต.มนูญกฤตไปร่วมงานก็ต้องได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายในพรรค ไม่ใช่เข้าไปแล้วถูกต่อต้านจากฝ่ายต่างๆ นอกจากนี้ต้องไปอยู่ในจุดที่สามารถทำงานตามแนวคิดที่มีอยู่ได้ เริ่มจากแก้ปัญหาด้านความมั่นคง ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและเรื่องเศรษฐกิจ เพราะถ้าไปอยู่พรรคใหญ่เพียงเพื่อหวังได้เป็น ส.ส.นั้นก็ไม่จำเป็น เพราะ พล.ต.มนูญกฤต เคยเป็น ส.ส.มาแล้ว ส่วนคนที่พบปะกับ พล.ต.มนูญกฤตนั้น บอกได้เพียงว่าเป็นคนที่มีบารมี ได้รับการยอมรับจาก ส.ส.เพื่อไทยเกิน 50 คน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ใช่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน ในฐานะประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายสุทัศน์กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า พล.ต.มนูญกฤต กับ ร.ต.อ.เฉลิม สนิทสนมกันมานานแล้ว