WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, June 24, 2009

ชัยชนะคนทรยศที่สกลนคร ยังไม่ใช่เป็นการชนะสงคราม แต่ก็ทำให้เรามีกำลังใจสู้ต่อ

ที่มา thaifreenews

เขียนโดย ลูกชาวนาไทย
วันอังคารที่ 23 มิถุนายน 2009 เวลา 02:58 น.

altเห็นผลการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดสกลนครแล้ว ผมก็ต้องขอขอบคุณพี่น้องคนเสื้อแดงที่สกลนครนะครับ ที่ช่วยลงคะแนนเสียงให้พรรคเพื่อไทยจนได้รับชัยชนะ การชนะการเลือกตั้งซ่อมที่สกลนครครั้งนี้ เป็นการชนะในท่ามกลางการระดมสรรพกำลังของฝ่ายตรงข้ามอย่างเต็มที่ เป็นสมรภูมิที่เราเสียเปรียบทุกอย่าง ยกเว้นแต่เรามีกำลังใจและมีกันและกัน และมีท่านนายกฯทักษิณเท่านั้นที่พอจะทำให้เรามีข้อได้เปรียบอยู่บ้าง

อ่านเพิ่มเติมและแสดงความคิดเห็นได้ที่นี่


แม้ว่านายเนวิน จะประกาศว่าพวกเขายังไม่แพ้สงคราม แต่ชัยชนะของพรรคเพื่อไทยต่อพรรคภูมิใจไทยของนายเนวินครั้งนี้ เป็นการ “หยุดการฮึกเหิม” ของคนทรยศคนนี้ได้เป็นอย่างดี ทำให้พวกเขารู้ตัวว่า พวกพวกเขาไม่มีอะไรเลยที่จะต่อสู้กับคนเสื้อแดง นอกจากกระบวนทรรศน์เก่าๆ ในการเลือกตั้งเท่านั้น


ชัยชนะครั้งนี้ คนอีสานประการให้ทราบว่า การทรยศแปรพักตร์ไปเข้าข้างศัตรูกลางศึกสงครามนั้น เป็นการกระทำที่คนอีสานทั่วไปรับไม่ได้ เพราะการกระทำของนายเนวินกับพวก ทำให้พลังการต่อรองของคนอีสานลดลง เป็นการยอมสยบให้พรรคของคนใต้อย่างประชาธิปัตย์เพื่อไปกินเศษอาหารที่เขาโยนเท่านั้นเอง แทนที่คนอีสานซึ้งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ จะเป็นผู้ชี้ชะตาประเทศเหมือนที่เคยเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2544 หลังชัยชนะของพรรคไทยรักไทยเป็นต้นมา การกระทำของนายเนวินกลับไปยอมสยบต่อพรรคของคนใต้ เพื่อให้พวกของตนได้กินเศษเนื้อเท่านั้น และปล่อยให้พี่น้องส่วนใหญ่ต้องยากจนและไร้ความหวังต่อไป เป็นการทรยศที่ไม่ควรให้อภัยเป็นอย่างยิ่ง

ถึงแม้ว่าการชนะเลือกตั้งซ่อมที่สกลนคร เรายังไม่ชนะสงคราม และยังอีกห่างไกลต่อการชนะสงคราม แต่ก็เป็นการสร้างกำลังใจให้กับแนวร่วมและสหายศึกทั้งหลายที่ต่อสู้อยู่ตามที่ต่างๆ ของประเทศว่า พวกเรายังมีกำลังที่เข็มแข็ง ฐานที่มั่นของเรายังเข็มแข็ง เรายังไม่ได้ถอย เหตุการณ์สงกรานต์เลือด เป็นเพียงเรา “ย้ายที่ตั้งทัพใหม่เท่านั้น“ ไม่ใช่เป็นการถอยร่นแตกพ่ายแต่อย่างใด

หากการชุมนุมวันที่ 27 มิถุนายน นี้ พวกเรายังร่วมใจกันมากเหมือนเดิม ผมคิดว่าเป็นการส่งสัญญาณกลับไปให้พวกอำมาตยาธิปไตยทั้งหลายได้รู้ว่า “ชัยชนะที่พวกเขาแย่งไปจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ” อย่างไม่เป็นธรรมนั้น เป็นแค่ “ชัยชนะชั่วคราวเท่านั้น” เหมือนกับปราสาททราย ที่โดนพายุมหาชนเข้าเมื่อไหร่ ก็พ่ายแพ้เมื่อนั้น เป็นการสั่งสอนให้ เจ้หรือเฮียทั้งหลายทราบว่า ที่พวกคุณทุ่มกำลังเอาศรัทธามหาศาลเข้าไปแลกเพื่อให้ได้รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ ที่คนเกลียดชังนั้น ไม่ได้มีผลได้ที่มั่นคงแต่อย่างใดเลย

ผมมองว่าการกระทำที่ผ่านมาของ “อำมาตยาธิปไตยศักดินา” ในช่วงสามปีที่ผ่านมา ทำให้ระบอบนี้ไร้เสถียรภาพ และนับเวลาถอยหลังเร็วยิ่งขึ้น


หากเรามองพัฒนาการทางการเมืองไทย ในช่วงหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมานี้ ผมคิดว่าคนอีสานได้เปลี่ยนไปตั้งแต่การเลือกตั้งหลังปี 2544 เป็นต้นมาแล้ว หากใครเป็นนักสถิติ ยืนอยู่กับข้อมูลที่เป็นจริง ก็จะเห็นว่า การเลือกตั้งหลังปี 2544 เป็นต้นมาพฤติกรรมการเลือกตั้งของคนอีสานนั่นเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน

เป็นการเปลี่ยนไปจากการเลือกตัวบุคคลเป็นเลือกพรรค

เนวิน เคยเป็น "ขุนพลอีสาน" แต่นั้นก็เป็นแค่ขุนพล ภายใต้กองทัพ "ไทยรักไทย" ไม่ใช่เป็น "ขุนศึกระดับผู้ครองนคร" ที่มีบารมีของตนเอง เป็นแค่แม่ทัพของ "อ๋อง" เท่านั้น เมื่อหลงตนคิดว่าตัวเองเป็น "อ๋อง" แล้ว แยกตัวไปสร้างกองทัพใหม่ ก็เลยโดนสั่งสอน

พรรคภูมิใจไทยนั้น "ฐานที่มั่นคะแนนเสียง" นั้นด้อยกว่า "พรรคชาติไทย" ของบรรหาร เดิมอีก การเกิดของพรรคนี้ที่ดูเหมือนยิ่งใหญ่ เพราะไปรวบรวมเอา สส. จากพรรคพลังประชาชนมา สส. ที่รวบรวมมาได้นี้ ไม่ได้มีฐานคะแนนเสียงประชาชนที่มั่นคงของตนเอง แบบนายสุวัจน์ที่โคราช หรือแบบนายบรรหารที่สุพรรณบุรี อาจมีกลุ่มนายเนวินที่บุรีรัมย์ที่มีฐานที่มั่นแข็งแกร่ง แต่ สส.จังหวัดอื่นในภาคอีสานนั้น ได้เป็น สส. เพราะโหนบารมีทักษิณ และพรรคพลังประชาชน ดังนั้น การที่คิดจะชนะเลือกตั้ง จึงใช้แต่จินตภาพของการเมืองก่อนปี 2540 คือ ใช้อำนาจรัฐ ใช้เงินหว่าน แต่หาได้ตระหนักว่า พฤติกรรมการเลือกตั้งของประชาชนนั้นเปลี่ยนไปแล้ว เขาอาจรับเงิน แต่เขาไม่เลือก และวิกฤติการในสามปีนี้ ประชาชนได้เรียนรู้อย่างใหญ่หลวง จนส่งผลต่อจิตสำนึกทางการเมืองแล้ว

ผมว่า "แบบจำลองทางการเมือง" แบบเดิมนั้นได้สิ้นสลายไปในทศวรรษ 2540s แล้วละครับ แต่พวกเขาก็ยังคิดว่า "การเมืองก่อนปี 2540 จะกลับคืนมา"

หากเป็นเอย่างนั้นผมคิดว่ามันเป็น counter-revolution ซึ่งผมไม่เชื่อว่ามนุษย์ที่เป็นสัตว์เรียนรู้จะมีพฤติกรรมแบบนั้น

แต่ก็ต้องรอดูผลการเลือกตั้งทั่วไป ในอนาคตข้างหน้า ว่าแนวคิดผมถูกต้องหรือไม่ แต่การเลือกตั้งที่สกลนคร ก็พอมองแนวโน้มบางอย่างได้

พี่น้องเสื้อแดง บางคนกลัวการโกงเลือกตั้งของฝ่ายตรงข้าม กลัวตุลาการภิวัฒน์สองมาตรฐาน

ผมคิดว่ากลัวไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะว่ากลัวหรือไม่กลัวมันก็ทำ เป็นเรื่องที่เราต้องเจออยู่แล้ว มันเป็น "ภาคบังคับของเกม" ที่เราต้องเจออยู่แล้ว ดังนั้นอย่าไปใส่ใจกับตรงนั้นให้มากจนเสียกำลังใจในการต่อสู้ เราหาทางก้าวไปให้พ้นให้ได้ก็แล้วกัน

การเลือกตั้งที่สกลนคร แม้ฝ่ายตรงข้ามจะระดมกำลังทุกอย่างทั้งอำนาจรัฐของกระทรวงมหาดไทย อำนาจเงิน และสื่อทั้งหลาย แม้แต่การเลือกตั้งล่วงหน้า

แต่เมื่อ พวกเราระดมกำลังกันเอาชนะให้มากเข้าไว้ พวกอำมาตย์มันก็โกงไม่ได้ทุกที่หลอกครับ อาจโกงได้ 10-20% แต่หากเราชนะมากกว่านั้น พวกเราก็ยังผ่านเกมนี้ไปได้อยู่ดี แม้ว่าต้องลงทุนลงแรงมากมาย เหนื่อยยากแสนสาหัสก็ตามที แต่ว่าเรากำลังเล่นกับ อำนาจที่ยิ่งใหญ่มายาวนาน จะชนะง่ายๆ มันก็คงประหลาดพิกลแหละครับ

ยิ่งโกง คนก็ยิ่งแค้น และพวกเขาที่อ้างคุณธรรมนำหน้า แต่การกระทำตรงกันข้าม คนก็ยิ่งเกลียดขึ้นมากทุกวัน

การโกงจะเอาชนะได้เมื่อคะแนนมันไม่ห่างกันมากนัก แต่หากมันห่างแบบขาดลอยก็โกงยากมาก