WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, June 24, 2009

"เทพเทือก"เชิญ พท.ร่วมจัดตั้งรัฐบาลใหม่

ที่มา เดลินิวส์

แฉ “เทพเทือก” ย่องเงียบพบแกนนำ “เพื่อไทย” ส่งเทียบเชิญจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เพราะเอือมระอากับพรรคร่วม ทำให้การขับเคลื่อนแก้ปัญหาบ้านเมืองลำบาก “เพื่อไทย” ยื่นเงื่อนไขเดียวนายกฯคนกลาง คาด “ประชาธิปัตย์” รับไม่ได้ ด้าน “มาร์ค” รับสภาพรัฐบาลสอบตก เปรยรอจังหวะเวลาสอบซ่อมด้วยการปรับ ครม.เผยรู้เรื่องพรรคร่วมรัฐบาลนัดกินข้าว แต่ต้องไปสิงคโปร์จึงไม่ได้ไปร่วมแจม “เทพเทือก” ติงอย่าด่วนวิจารณ์รัฐบาลใกล้สิ้นอายุขัย ลั่นต้องทำงานหนักขึ้น หลังโพลชี้ชัดสอบตกยกชั้น “สุ่น” หนักใจ “มาร์ค” บริหารประเทศไปไม่รอด ชี้ประชาชนให้โอกาสแล้วทำไม่ได้ ด้าน ปชป.เตรียมนัดลูกพรรคหารือเตรียมความพร้อม ส.ส.ถูกสอย เผยไม่หวั่นเพราะฝ่ายค้านขอเปิดอภิปรายไม่ได้ ขณะที่ กกต.แหยไม่กล้าฟัน ส.ส.ขอเลื่อนไปอีก 15 วัน อ้างหาข้อมูลให้รอบด้าน ขณะที่กระทรวงการคลังย้ายฟ้าผ่าอธิบดีกรมศุลกากร ทั้งที่เหลืออายุราชการอีกแค่ 3 เดือนครึ่งเท่านั้น เจ้าตัวโวยขอความเป็นธรรมถูกรังแก

รัฐสอบตกรอจังหวะปรับ ครม.


เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เพียงสั้น ๆ ถึงการที่แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลนัดพบปะสังสรรค์และรับประทานอาหารร่วมกัน โดยไม่มีพรรคประชาธิปัตย์ว่า ตนทราบตั้งแต่ก่อนไปสิงคโปร์แล้ว เขาไม่ได้แอบไปกัน และได้บอกเจ้าภาพไปแล้วว่ากลับมาไม่ทัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายกฯพูดเสร็จได้เดินเพื่อขึ้นไปยังตึกไทยคู่ฟ้า แต่ก่อนเข้าประตูก็ได้หันมากล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันว่า นายสุวัจน์เขาเป็นเจ้าภาพ

นายกฯยังกล่าวถึงผลสำรวจของ กรุงเทพฯ โพลที่ระบุว่า 6 เดือนรัฐบาลสอบตกว่า ก็ต้องทำงานหนักขึ้น ส่วนจะมีการปรับ ครม.หรือไม่ คงต้องนำมาประมวลและดูจังหวะเวลาที่เหมาะสม เมื่อถามว่า เป็นเพราะอะไรจึงทำให้คะแนนนิยมตกลง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่มีข่าวเรื่องความขัดแย้งกับการทุจริตประชาชนรับไม่ได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า งานด้านความมั่นคงได้รับคะแนนน้อยที่สุด นายกฯกล่าวว่า มันก็ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย ช่วงที่สำรวจก็เป็นช่วงที่ประชาชนทุกข์ใจกับหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

รับสภาพตีร่วง พ.ร.ก.ภาษีน้ำมัน

เมื่อถามว่า ถือว่ารัฐบาลทำงานล้มเหลวใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าหลายเรื่องพูดชัดเจนแล้วในเรื่องของกรอบเวลาที่จะต้องพิสูจน์การทำงาน และมีหลายเรื่องที่มีการประเมินอยู่ตลอดเวลา เมื่อถามต่อว่า มีประชาชนบางส่วนมองว่ารัฐบาลจะอยู่ไม่ครบ 1 ปี นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ก็มีคนมองว่าไม่ครบ 3 เดือน ไม่ครบ 6 เดือน ไม่ครบ 1 ปี 2 ปี 3 ปี 4 ปี มองกันได้ทั้งนั้น สำหรับตนสนใจว่าอยู่แล้วทำงานได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็ไม่อยู่

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า รัฐบาลต้องขอบคุณวุฒิสภาที่ได้ลงมติให้ความเห็นชอบ พ.ร.ก.กู้เงิน ส่วน พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2552 นั้นรัฐบาล จะเสนอกลับไปยังสภาผู้แทนราษฎรเมื่อเปิดสมัยประชุมช่วงนิติบัญญัติในเดือน ส.ค. ไม่จำเป็นต้องเปิดสภาสมัย วิสามัญเพื่อเร่งพิจารณา ต่อข้อถามว่าส่งผลให้รัฐบาลเสียรังวัดหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ก็เป็นตัวที่กระตุกให้เราต้องมาดู เพราะประชาชนเดือดร้อนจากราคาน้ำมัน และมีความเข้าใจทั่วกันว่าเกี่ยวข้องกับภาษี ซึ่งเป็นเรื่องที่เราต้องกลับมาทบทวนมาตรการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของน้ำมัน ว่าจะทำอย่างไรที่จะช่วยประชาชนได้มากขึ้น

“เทือก”ติงอย่าด่วนคาดการณ์

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่มีการส่งสัญญาณอะไรทั้งสิ้น ตามปกติเวลาที่พรรคร่วมนัดหารือตนจะไปร่วมด้วยทุกครั้ง แต่เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ตนเดินทางไปประเทศสิงคโปร์กับคณะของนายกฯ จึงไม่มีใครได้ไปร่วมรับประทานอาหารกับพรรคร่วม เมื่อถามย้ำว่า พรรคร่วมได้แจ้งล่วงหน้าหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า การนัดพรรคร่วมรับประทานอาหารจะเป็นการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพ

เมื่อถามว่า ในการหารือได้มีการพูดเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 265 ที่ ส.ส.ถือครองหุ้นซึ่งถือเป็นอุปสรรคของรัฐบาล นายสุเทพกล่าวว่า เวลาที่นักการเมืองนัดทานข้าวก็ต้องคุยเรื่องการเมืองเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นผู้จัดการรัฐบาลเป็นห่วงเสียง ส.ส.ที่อาจมีผลต่อการเป็นรัฐบาลหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ต้องดูกันต่อไป ต่อข้อถามว่า มีการวิเคราะห์กันว่าถึงเวลาที่รัฐบาลอาจจะต้องยุบสภาเร็วขึ้น นายสุเทพกล่าวว่า อย่ารีบคาดการณ์ พวกตนปฏิบัติตามกฎหมาย ถ้าตัดสินออกมาว่าขาดคุณสมบัติก็ขาดคุณสมบัติ

ไม่ก้าวล่วงแก้รัฐธรรมนูญ


“ในส่วนของผมหุ้นที่มีอยู่ได้ซื้อมาหลายปีแล้วไม่มาก เมื่อซื้อแล้วเศรษฐกิจไม่ดีหุ้นราคาตกผมเสียดายก็เก็บเอาไว้ และได้แสดงบัญชีกับ ป.ป.ช.ตอนเป็นฝ่ายค้านมีคนเอาเรื่องนี้มาร้องเรียนผมก็ขายไปแล้ว และขายก่อนที่จะรับตำแหน่งเป็นปีด้วย” นายสุเทพกล่าว

เมื่อถามย้ำว่า ถ้าจะต้องพ้นสมาชิกก็พ้นเฉพาะตำแหน่ง ส.ส.ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรียังอยู่ใช่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ตนวินิจฉัยไม่ได้ ฉะนั้นอย่าให้ตนต้องมาคาดการณ์ อย่างไรก็ตามตนไม่กังวลทุกอย่างทำตามกฎหมาย อย่างไรก็อย่างนั้น ต่อข้อถามว่า ส่วนตัวมองว่ารัฐธรรมนูญมาตรา 265 ควรจะแก้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า กระบวนการเข้าสู่ระบบแล้วตนไม่วิจารณ์ ไม่อยากจะก้าวล่วงเดี๋ยวขัดใจกัน

งง!เหมือนกันรัฐบาลสอบตก

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีผลโพลของกรุงเทพฯออกมาว่าผลงานรัฐบาลยังสอบตกในสายตาของประชาชน คิดว่าจะใช้โอกาสนี้ปรับ ครม.หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ แต่รัฐบาลต้องทำงานมากขึ้น เมื่อถามว่า ใน ครม.ยังทำงานได้ดีอยู่ใช่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า คิดว่าเขาทำงานได้ดี เมื่อถามย้ำว่า ถ้าทำงานดีทำไมถึงสอบตก นายสุเทพ กล่าวว่า ก็นั่นนะสิ ต้องถามคนที่วิเคราะห์

เมื่อถามต่อว่า เวลานี้ปัญหารุมเร้ารัฐบาลมากคิดว่ารัฐบาลจะอยู่ยาวพอที่ประชาชนจะเห็นผลงานรัฐบาลหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ต้องทำใจให้ว่างไม่เช่นนั้นความดันจะขึ้น ผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่เผื่อว่าจะเกิดอุบัติเหตุใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่เผื่อ ทำงานวันต่อวัน ตั้งหน้าตั้งตาทำไปเรื่อยไม่คิดมาก

ต้องทำงานให้หนักขึ้น

ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรุงเทพฯ โพลประเมินผลงาน 6 เดือนรัฐบาลสอบตกว่า ตนอ่านอย่างละเอียดแล้ว ผลสำรวจที่ออกมาเกี่ยวกับความกังวลของประชาชนค่อนข้างตรงกับที่รัฐบาลกังวล ปัญหาผลผลิตทางการเกษตร ปากท้อง เศรษฐกิจ เป็นอันดับ 1 การทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นอันดับ 2 แต่ก็เห็นสัญญาณที่ดี 2 ประการคือ ประชาชนรับรู้ว่ารัฐบาลได้ดำเนินการเรื่องสิทธิและสวัสดิการที่รัฐให้แก่ประชาชน และประชาชนเชื่อมั่นว่านายกรัฐมนตรีมีความสุขุม และใช้ความรอบคอบในการแก้ปัญหา

“ผลสำรวจประชาชนให้คะแนนรัฐบาลไม่ถึงครึ่ง ดังนั้นต้องทำงานหนักต่อไป ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา ร่างผลงานแรกทำเสร็จแล้วแต่ได้ส่งไปปรับปรุงใหม่ เพื่อให้เห็นตัวเลขที่ประชาชนได้รับผลในแต่ละนโยบาย คิดว่าภายในวันที่ 9 มิ.ย.ร่างดังกล่าวคงสรุปส่งนายกฯไม่เกินกลางเดือน ก.ค.” รมต.สำนักนายกฯกล่าว

คุย 3 เดือน ครม.มีมติ 828 เรื่อง


นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักฯ แถลงผลการประชุม ครม.ว่า ครม.ชุดนี้เป็นชุดที่ 59 ประชุม ครม.รวม 13 ครั้ง มีมติรวมทั้งสิ้น 828 เรื่อง โดยแยกเป็นเรื่องที่นายกฯนำเสนอวาระเข้าพิจารณาด้วยตัวเองมากถึง 195 เรื่อง รองลงมาเสนอโดยกระทรวงเกษตรฯ 93 เรื่อง มหาดไทย 82 เรื่อง คลัง 59 เรื่อง และ คมนาคม 55 เรื่อง

นายปณิธานกล่าวต่อว่า การดำเนินงานในพื้นที่ส่วนใหญ่ ครม.แก้ปัญหาให้กับประชาชนในภาคอีสาน รองลงมาคือภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง ภาคใต้ และภาคตะวันตก อย่างไรก็ตามทางสำนักนายกฯจะเสนอรายการที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจทั้งหมดในการบริหารงาน ของ ครม.ในมุมมองเป็นประจำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง จะออกอากาศทุกวันอังคารช่วงเวลาหลังข่าวพระราชสำนัก

ยันพรรคร่วมไม่มีปัญหา


ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศฯ (ไอซีที) แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวถึงการรับประทานอาหารและหารือกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อคืนวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า ทำกันเป็นประจำอยู่แล้ว พรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้มีปัญหา ในการหารือก็ไม่ได้พูดถึงกระแสของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ทำให้พรรคเพื่อไทยชนะ การเลือกตั้งซ่อมที่ จ.สกลนคร

นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ รมช.คมนาคม แกนนำพรรคภูมิใจไทย กล่าวยอมรับว่า ที่พรรคไม่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.สกลนคร ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ การแข่งขันครั้งนี้มันจบไปแล้ว เราคงไม่ไปร้องเรียนอะไรอีก ไม่อยากทำเหมือนขี้แพ้ชวนตี

ปูด“เทพ”ทาบ“พท.”ร่วมรัฐบาล


รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมามีการหารือนอกรอบของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยบางส่วน โดยนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ส.ส.นครปฐม และประธานภาคกลาง ได้บอกต่อที่ประชุมว่าตัวเองและนายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา และประธานวิปฝ่ายค้าน ได้ไปพูดคุยกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำพรรคอีกหลายคน โดยพรรคประชาธิปัตย์ได้เชิญพรรคเพื่อไทยร่วมจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากที่ผ่านมามีปัญหากับพรรคร่วมรัฐบาลมาโดยตลอด โดยเฉพาะเรื่องจำนวนเสียง ส.ส.ในสภา ซึ่งส่งผลต่อการขับเคลื่อนงานของรัฐบาลที่เป็นไปด้วยความยากลำบากไม่มีเสถียรภาพ ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์ต้องการรักษาสถานภาพการเป็นรัฐบาลของตัวเองต่อไป

แหล่งข่าวกล่าวเปิดเผยต่อว่า เงื่อนไขหนึ่งที่ทางพรรคเพื่อไทยเสนอไปคือ คนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องเป็น ส.ส.ที่มีภาพของคนกลาง แต่แนวโน้มคงยากที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วยกันได้ เพราะคงจะตกลงเรื่องตัวนายกฯไม่ได้ เรื่องนี้น่าจะเป็นสาเหตุให้พรรคร่วมรัฐบาลนัดรับประทานอาหารกันเป็นการเฉพาะโดยไม่เชิญพรรคประชาธิปัตย์

“สุ่น”หนักใจ“มาร์ค”ไปไม่รอด


น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตประธาน สนช.กล่าวว่า รู้สึกหนักใจกับการบริหารงานของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไม่สามารถตัดสินใจเรื่องสำคัญได้อย่างเด็ดขาด ทั้งที่ประชาชนให้โอกาส ส่วนตัวรู้สึกว่าในที่สุดคงจะไปไม่ไหว ยังไม่ทราบว่ารัฐบาลนี้จะสามารถบริหารงานได้อีกนานหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการสะสมความรู้สึกของประชาชนกับรัฐบาล ว่าจะเอาใจออกห่างเมื่อใด

น.ต.ประสงค์ยังกล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการสมานฉันท์ฯ เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตราเพื่อแก้ไขวิกฤติทางการเมืองว่า รัฐธรรมนูญไม่ว่ามาตราใดก็สามารถแก้ไขได้ถ้าทำเพื่อประชาชน แต่หากเป็นการแก้ไขเพื่อตัวเองหรือพวกพ้องถือว่าไม่ถูกต้อง เนื่องจากนักการเมืองทุกคนทราบกติกา เมื่อทำผิดแล้วแก้ไขกติกาก็ถือว่าเป็นนักการเมืองที่ใช้ไม่ได้

ปธ.วุฒิฯ รับมีต่อสายขอไฟเขียว

อีกด้านหนึ่งที่รัฐสภา นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงการสั่งปิดการประชุมวุฒิสภาเมื่อคืนวันที่ 22 มิ.ย. โดยไม่ได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจว่า การสั่งปิดการประชุมเพราะหมด เวลา ตามที่มีพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุมสภาวิสามัญให้การประชุมต้องปิดก่อนเวลา 24.00 น. จะเกินเวลาไปแม้แต่หนึ่งนาทีคงไม่ได้ ที่ปิดทุกคนตกใจท่านนายกฯก็ตกใจ แต่ดูเวลาแล้วมันต้องปิด

เมื่อถามถึงกระแสข่าวรัฐมนตรีโทรศัพท์มาล็อบบี้ ส.ว.ให้ลงมติสนับสนุนร่าง พ.ร.ก.ฯ นายประสพสุข กล่าวว่า อย่าเรียกว่าล็อบบี้เลยเรียกว่าเป็นการขอความร่วมมือดีกว่า เป็นการ ชี้แจงทำความเข้าใจว่าจำเป็นอย่างไรจึงต้องผ่าน เมื่อถามต่อว่า ก่อนหน้าที่นายกฯจะเดินทางมาดูเหมือนการอภิปรายของ ส.ว.จะรุนแรง แต่พอนายกฯ มาแล้วผลกลับเปลี่ยนไป ประธานวุฒิสภากล่าวว่า นายกฯชี้แจงดี ที่สำคัญสัญญาว่าจะตรวจ สอบการใช้เงิน ซึ่ง ส.ว.ส่วนใหญ่กลัวว่าจะมีการ ทุจริต หากมีคำรับรองว่าจะไม่ยอมให้มีการทุจริต อาจทำให้คนที่ลังเลตัดสินใจให้การสนับสนุน

“สาทิตย์”ย่องมากล่อมวุฒิฯ


เมื่อถามต่อว่า ผลการลงมติ พ.ร.ก.ฯมีคะแนนเสียงเห็นด้วยมากกว่าเล็กน้อยจะมีผลต่อการพิจารณาร่างพ.ร.บ.กู้เงินฯหรือไม่ นายประสพสุข กล่าวว่า คงไม่เกี่ยว เรื่องพ.ร.บ.ก็ต้องพูดกันด้วยเหตุผล อีกทั้ง พ.ร.ก.และพ.ร.บ.ต่างกัน การพิจารณา พ.ร.ก.มี 2 อย่างคือรับหรือไม่รับ แต่ ร่าง พ.ร.บ.เมื่อรับหลักการแล้วสามารถตั้งกรรมา ธิการตรวจสอบแปรญัตติได้อีก

นายทวีศักดิ์ คิดบรรจง ส.ว.บุรีรัมย์ กล่าวถึงกระแสข่าวรัฐบาลล็อบบี้ให้วุฒิสภาช่วยอนุมัติ พ.ร.ก.เงินกู้ 4 แสนล้านบาทว่า ตนเห็นนายสาทิตย์พูดคุยกับ ส.ว.หลายคนระหว่างรับประทานอาหาร เพื่อขอความร่วมมือในการผลักดัน พ.ร.ก.เงินกู้ 4 แสนบาท

แจงไม่เคลียร์ก็ต้องคว่ำ

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวถึงกระแสข่าวรัฐบาลล็อบบี้ ส.ว. เพื่อให้ผ่าน พ.ร.ก.กู้เงินนั้น เหตุผลส่วนหนึ่งที่ ส.ว.ไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.ก.ภาษีสรรพสามิตน้ำมัน เพราะ นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง ไม่สามารถชี้แจงต่อวุฒิสภาได้เพียงพอ บางช่วงยังมีการตอบโต้ระหว่าง ส.ว.กับรัฐมนตรี อีก เมื่อที่ประชุมฟังแล้วจึงไม่เห็นด้วย ผลจึงออกมาอย่างที่เห็น สำหรับ พ.ร.ก.สรรพสามิตถือว่าหมดหน้าที่ของ ส.ว.แล้ว เป็นเรื่องของสภาและรัฐบาลจะเป็นผู้พิจารณาต่อไป

ด้านนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรม การประสานงานพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 กล่าวว่า พรรคจะตรวจสอบการใช้งบปี 53 อย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการรั่วไหลซ้ำซ้อน สำหรับ พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (น้ำมัน) ที่วุฒิสภามีมติไม่เห็นด้วยนั้นตรงกับจุดยืนของพรรค เนื่องจากสวนทางกับหลักการการ กระตุ้นเศรษฐกิจ ประชาชนจะเดือดร้อนแบกรับภาระ ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

กกต.เลื่อนฟัน ส.ส.ไป 15 วัน

วันเดียวกันที่สำนักงาน กกต.นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.แถลงภายหลังการประชุมว่า ได้มีการพิจารณาการสิ้นสมาชิก ภาพความเป็น ส.ส.จำนวน 61 คน เนื่องจากถือครองหุ้นในบริษัทที่เป็นคู่สัญญาสัมปทานกับรัฐ โดยมีมติตามที่อนุกรรมการเสนอยุติการสอบสวนในส่วนอดีต ส.ส.ที่ถูกร้อง 17 คน เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง จากเหตุยุบพรรคและมีการขอลาออกจาก ตำแหน่ง

ส่วนผู้ถูกร้องอีก 44 คน แยกเป็น ส.ส. 38 คน รัฐมนตรี 6 คนนั้น นายสุทธิพลกล่าวว่า กกต.มีมติขยายเวลาการสอบสวนอีก 15 วัน เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมจากการรายงานบัญชีทรัพย์สินหนี้สินของผู้ถูกร้องกับ ป.ป.ช. และขอข้อมูลจากบริษัทที่ถูกระบุว่า ผู้ถูกร้องเข้าไปถือหุ้น อีก 72 บริษัท และให้โอกาสกับผู้ถูกร้องมาชี้แจงเพิ่มเติม เนื่องจากเกรงว่าหากมีการวินิจฉัยไปโดยไม่ตรวจสอบว่ามีความสอดคล้องกันหรือไม่ก็อาจ กลายเป็นว่า กกต. 2 มาตรฐานได้

เห็นชอบตั้งพรรคการเมืองใหม่

นายสุทธิพลกล่าวต่อว่า “ที่ยังไม่ได้วินิจฉัยก็ไม่ได้กลัวการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง ขอเรียนว่า กกต.ไม่มีวาระซ่อนเร้น หรือมีเจตนาจะกลั่นแกล้งจุดเริ่มเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ กกต.ผู้ที่ถูกร้องเป็น ส.ส.จากหลายพรรค ส.ว.ก็มี เมื่อมีการร้อง กกต.ก็ต้องพิจารณาไปอย่างที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้” เลขาธิการ กกต.กล่าว

นายสุทธิพลยังกล่าวด้วยว่า กกต.มีมติเห็นชอบให้นายทะเบียนตอบรับการยื่นขอจด แจ้งจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ ที่มีนายสมศักดิ์ โกศัยสุข หัวหน้าพรรค เนื่องจากตรวจสอบแล้วพบว่ามีรายการเอกสารครบถ้วนตาม พ.ร.บ. พรรคการเมือง

ปชป.นัดหารือ ส.ส.ถูกสอย

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ถือหุ้นในบริษัทที่รับสัมปทานจากรัฐว่า การประชุม ส.ส.พรรควันที่ 24 มิ.ย. จะนำเรื่องนี้เข้าหารือ เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วนกระทบต่อสมาชิกภาพของ ส.ส.มากถึง 28 คน นายกฯไม่ได้รู้สึกกังวลปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ ของกฎหมาย หาก ส.ส.คนใดถูกถอดถอนก็กลับไปเลือกตั้งใหม่ ที่สำคัญอยู่ในช่วงการประชุมสภาสมัยนิติบัญญัติ ฝ่ายค้านไม่สามารถที่จะยื่นญัตติไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้ จึงไม่เกิดผลกระทบต่อเสถียร ภาพของรัฐบาล

นายเทพไทกล่าวถึงการยุบสภาว่า เป็นกระบวนการหนึ่งในระบอบประชาธิปไตย ที่นายกฯจะใช้สิทธิตามอำนาจหน้าที่คืนอำนาจให้ประชาชนเมื่อถึงเวลาและสถานการณ์ทางการเมืองที่เหมาะสม แต่ขณะนี้บ้านเมืองยังเกิดความแตกแยกในกฎกติกาเลือกตั้ง การแก้ไขรัฐธรรมนูญยังไม่เสร็จ ปัญหาเศรษฐกิจกำลังได้รับความเชื่อมั่น ไม่อยากให้การยุบสภาเป็นการซ้ำเติมประเทศ แต่ถ้าทุกอย่างเข้าสู่ภาวะปกติและทุกฝ่ายพร้อม ที่จะพิสูจน์ศรัทธาจากประชาชน เชื่อว่านายกฯก็พร้อมคืนอำนาจให้ประชาชนได้ตัดสินอนาคต อีกครั้ง

ย้ายฟ้าผ่าอธิบดีกรมศุลกากร


ส่วนการเมืองอื่นนายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.เห็นชอบการโยกย้ายข้าราชการระดับ 10 ในระดับนักบริหารของกระทรวงการคลัง โดยให้โอนย้ายนายอุทิศ ธรรมวาทิน อธิบดีกรมศุลกากร ไปเป็นรองปลัดกระทรวงการคลัง และโอนย้ายนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รองปลัดกระทรวงการคลัง เป็นอธิบดีกรมศุลกากร และให้โอนย้ายนายสาธิต รังคศิริ ที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ การจัดเก็บภาษี กรมสรรพากร เป็นรองปลัดกระทรวงการคลัง

รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังแจ้งว่า ข้าราชการกระทรวงการคลังต่างวิพากษ์วิจารณ์กันมากว่าการโยกย้ายครั้งนี้เป็นการย้ายฟ้าผ่า เพราะทั้งนายอุทิศและนายวิสุทธิ์ต่างมีอายุราชการเหลืออีก 3 เดือนครึ่งเท่านั้น โดยจะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมานายวิสุทธิ์เคยได้รับการโอนย้ายให้ไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากร เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 50 จนถึงวันที่ 30 ก.ย. 51 จากนั้นจึงถูกย้ายกลับมาเป็นรองปลัดกระทรวงการคลัง ขณะที่นายอุทิศได้โอน ย้ายจากรองปลัดกระทรวงการคลัง ไปเป็นอธิบดีกรมศุลกากร เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 51 แต่เนื่องจากนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง ได้รับเรื่องร้องเรียนจากภาคเอกชนและสถานทูตเป็นจำนวนมาก เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของ อธิบดีกรมศุลกากร จึงได้มีการตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้น

โวยขอความเป็นธรรมถูกรังแก

ด้านนายอุทิศกล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า เมื่อมีคำสั่งแต่งตั้งมาตนในฐานะที่เป็นข้าราชการประจำก็ยินดีที่จะปฏิบัติตาม แต่ทั้งนี้ในฐานะที่ทำงานราชการมากว่า 30 ปี พยายามที่จะทำทุกสิ่งให้ถูกต้องตามกฎหมายมาโดยตลอด อะไรที่ไม่ถูกต้องก็ไม่ทำ หากการโยกย้ายครั้งนี้ทำโดยที่ตนเองไม่ได้มีความผิดอะไร ก็รู้สึกว่าถูกรังแกและต้องการที่จะขอความเป็นธรรม

“ผมเหลือเวลาทำงานอีก 3 เดือนก็จะเกษียณอายุราชการ ถ้าผมไม่ได้ทำอะไรผิดแล้วมาย้ายผม ก็รู้สึกว่าเหมือนถูกรังแก เพราะหากจะย้ายผมด้วยเหตุผลที่ว่าเก็บภาษีไม่เข้าเป้าหมายนั้น ทุกกรมการจัดเก็บภาษีล้วนเก็บภาษีไม่ได้ตามเป้าหมายด้วยกันทั้งนั้น จากภาวะเศรษฐกิจ ที่ชะลอตัว โดยกรมสรรพากรเก็บภาษีพลาดเป้าหมายกว่าแสนล้านบาท ขณะที่ศุลกากรพลาดเป้าหมายเพียงหมื่นกว่าล้านบาทเท่านั้น จึงเชื่อว่า ไม่ใช่เหตุผลจากประเด็นดังกล่าวนี้แน่นอน” นายอุทิศกล่าว

ครม.ต่ออายุ“วัลลภ”อีกปี

ขณะที่นายสาธิต รังคสิริ ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี กรมสรรพากร กล่าวว่า พร้อมที่จะเข้ามารับตำแหน่งดังกล่าว เพื่อได้เห็นภาพการจัดเก็บรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมอีก 2 กรม ซึ่งจะทำให้เป็นประโยชน์ในการทำงานด้านการจัดเก็บรายได้ให้เหมาะสม

นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.อนุมัติการดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯเป็นครั้งที่ 2 ของนายวัลลภ พลอยทับทิม โดยให้ขยายเวลาการดำรงตำแหน่งดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค. 52 ถึง 19 ก.ค 53.