ที่มา บางกอกทูเดย์
ทั้งหนาวและร้อนไปทั้งสภาฯ เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติด้วยเสียงข้างมาก ให้ ส.ว.สรรหา และเลือกตั้ง จำนวน16 คน สิ้นสุดสมาชิกภาพของการเป็น ส.ว.เนื่องจากถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียงโทรทัศน์ และเป็นหุ้นส่วน หรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่รับสัมปทานรัฐ อันเป็นการขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 48 ประกอบมาตรา 2652 ใน 16 ที่เป็น ส.ว. โดยไม่ผ่านการเลือกตั้งของประชาชนสายสื่อมวลชน อย่าง นายสมชาย แสวงการและ นายวรวุฒิ โรจนพานิช ถึงกับนั่งไม่ติดรีบหารือ ส.ว. ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งจากประชาชนอีกคนที่เป็นนักกฎหมาย อย่าง นายไพบูลย์ นิติตะวัน คนที่แสดงออกว่าอยู่ตรงข้ามกับ ทักษิณ ชินวัตร มาตลอดซึ่ง นายไพบูลย์ ได้ออกมาตำหนิการกระทำของ กกต.ว่า ผิดสังเกตเพราะ ส.ว. 30 กว่าคน ที่ต้องคำวินิจฉัยเป็นรายบุคคลถูกพิจารณาอย่างรวดเร็วในคราวเดียวกัน...เกรงว่าจะไม่รอบคอบหากวินิจฉัยสถานภาพของ ส.ว. และ ส.ส.เช่นนี้เป็นเรื่องที่น่าห่วงปัญหาที่เกิดขึ้นเนื่องมาจากการตีความกฎหมายของคนทำให้เกิดความยุ่งยากและขยายผล เป็นปัญหาระหว่างสถาบันนิติบัญญัติกับองค์กรอิสระที่ผมนำคำพูดของ ส.ว.บางคน ที่ถูกถ่ายทอดผ่านสื่อมาลงอีกครั้ง เพราะผมคิดว่าถ้าการวินิจฉัยของ กกต. เกิดกับนักการเมืองของพรรคเพื่อไทย หรือคนของ อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตรคนอย่าง นายไพบูลย์ นิติตะวัน ที่ไม่เคยผ่านการเลือกตั้งจากประชาชนจะไม่พูดอย่างนี้ อาจยกย่องการกระทำของกกต. ด้วยซ้ำว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องเพราะที่ผ่านมา นับแต่นายคนนี้เข้ารับตำแหน่ง ส.ว.ได้ออกมาแสดงให้เห็นหลายครั้ง ในทางรังเกียจเดียดฉันท์อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร อย่างชัดเจนขณะเดียวกัน คนของ “พรรคประชาธิปัตย์” หลายคนยกเว้นนายกรัฐมนตรี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ได้แสดงความเห็นในเชิงตำหนิ กกต. ซึ่งคนเหล่านั้นก็ไม่ต่างอะไรกับ ส.ว.บางคน ที่ไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชนนั่นเองนี่ไงครับ 2 มาตรฐานของคนพวกนี้ ถ้าไม่ใช่พวกกูผิด...ถ้าเป็นพวกกูไม่ผิด คมช. เลือกบุคคลเหล่านี้ไปนั่งในสภาฯของประชาชน ให้เก้าอี้ของสภาฯ ติดคราบความคิดอย่างนี้ได้อย่างไรกันความวิตกกังวลที่เกิดกับคนของพรรคประชาธิปัตย์ก็เพราะจะมี ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ กำลังถูกพิจารณาจาก กกต. ว่า มีหุ้นกิจการสื่อสารมวลชนและหุ้นในกิจการที่รับสัมปทานรัฐอีกหลายคนรวมทั้งคนสำคัญอย่าง “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ”รองนายกรัฐมนตรี ด้วย ซึ่งอาจต้องพ้นสมาชิกภาพจนเป็นเหตุให้เสถียรภาพของรัฐบาลไม่มั่นคงยังไงผมก็ต้องขอชื่นชมนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะที่ไม่ได้แสดงอาการหวั่นไหว แถมยังแสดงความเห็นให้ยอมรับการตัดสินของ กกต.ไม่มีการตำหนิ กกต. เหมือนคนบางคน นี่สิถึงจะเรียกว่าผู้นำที่มีวุฒิภาวะถ้ารัฐบาลจะพังเพราะเรื่องนี้ก็ต้องยอมรับ เหมือนที่พรรคพลังประชาชนเขายอมรับกรณีการออกทีวีทำกับข้าวของ สมัคร สุนทรเวช ว่าเป็นความผิดและผมเห็นว่าการถือหุ้นของ ส.ว. และ ส.ส. ร้ายแรงกว่ากรณีการทำกับข้าวของ สมัคร สุนทรเวช มากนักถ้ารัฐบาลจะพังก็อย่าตื่นเต้นกันเลย ประเทศไทยไม่พังหรอกเชื่อเถอะ มันพังไปเยอะแล้ว ■