WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, June 23, 2009

วุฒิสภาผ่าน พ.ร.ก. เงินกู้ 4 แสนล้าน 69 ต่อ 48 เสียง

ที่มา ประชาไท

นายกฯ หวั่น พ.ร.ก.กู้ คว่ำอีก รีบกลับจากสิงคโปร์แจงวุฒิฯ
หลังจากที่ประชุมวุฒิสภาเมื่อช่วงเช้าวันที่ 22 มิถุนายน มีมติคว่ำร่าง พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2527 (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2552 ที่มีสาระสำคัญอยู่ที่การขยายเพดานอัตราภาษีน้ำมัน ด้วยคะแนนเสียงไม่เห็นชอบ 58:33 เสียง สมาชิกงดออกเสียง 10 ราย และไม่ลงคะแนน 1 ราย ปรากฏว่า ในช่วงกลางดึก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่เดินทางไปราชการที่สิงคโปร์ มีกำหนดการเดินทางกลับในเวลา 23.00 น.ได้เลื่อนเวลาเดินทางกลับเร็วขึ้น และ เพื่อรีบมาชี้แจง พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ.2552 วงเงิน 4 แสนล้านบาท ที่ผ่านสภาผู้แทนราษฏรแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เดินทางไปยังรัฐสภา ในเวลาประมาณ 22.00 น.เพื่อรับฟังการอภิปราย โดยลุกขึ้นชี้แจงความจำเป็นในการออก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลงกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ในเวลาประมาณ 23.00 น. โดยชี้แจงสรุปว่า ทราบดีถึงข้อห่วงใยของสมาชิกดีที่เป็นห่วงปัญหาการทุจริต คอร์รัปชั่น รัฐบาลก็กังวลเช่นกัน และเป็นทุกข์อย่างยิ่ง เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดการทุจริต คอร์รัปชั่นขึ้นแล้วตรวจสอบไม่ทั่วถึง รัฐบาลก็อยู่ไม่ได้ จึงไม่มีความเป็นไปได้เลยว่า รัฐบาลจะมีความเข้มแข็งหากเกิดการทุจริต คอร์รัปชั่นขึ้น โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ใช้เวลาประมาณ 40 นาที
พ.ร.ก.กู้ 4 แสนล้านฉลุย 69 ต่อ 48 - ยก พ.ร.บ.ไปสมัยหน้า
จากนั้นที่ประชุมลงมติเห็นชอบ พ.ร.ก.ฉบับนี้ด้วยคะแนนเสียง 69:48 มีสมาชิกงดออกเสียง 11 คน เมื่อลงมติแล้วนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภาที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้ขอให้รองเลขาธิการวุฒิสภา อ่านพระบรมราชโองการประกาศพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุมสภาสมัยวิสามัญ ขณะที่สมาชิกบางคนพยายามประท้วงว่า ยังเหลือ พ.ร.บ.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ค้างการพิจารณาอยู่ และปิดประชุมวุฒิสภา ในเวลา 23.40 น.
ทั้งนี้ ในส่วน พ.ร.บ.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ที่ค้างการพิจารณาอยู่นี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์ว่า จะนำไปพิจารณาในสมัยสามัญนิติบัญญัติในเดือนสิงหาคมนี้
"กรณ์" อ้างวงเงินเว่อร์ตั้งกันไว้ก่อน

ก่อนหน้านี้ นายกรณ์ชี้แจงว่า นายอภิสิทธิ์ติดภารกิจนัดหมายกับผู้นำรัฐบาลสิงคโปร์ไว้นานแล้ว และจะเดินทางกลับจากเยือนสิงคโปร์ถึงไทยเวลา 22.15 น. โดยนายกฯตั้งใจว่าจะรีบมาชี้แจงที่รัฐสภาและฟังความเห็นของ ส.ว.โดยด่วน สำหรับการกำหนดเงินไว้เกินวงเงินที่จะใช้จ่าย เพราะรัฐบาลป้องกันไว้ว่า อาจมีโครงการใดที่ประสบปัญหาอุปสรรค ไม่สามารถดำเนินการได้ ทำให้มีวงเงินเข้ามาใช้ทดแทนได้ในโครงการไทยเข้มแข็ง ขอยืนยันว่ารัฐบาลพิจารณาว่าเม็ดเงิน 2 ก้อน ก้อนละ 4 แสนล้านบาท จาก พ.ร.ก.และร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน มีวัตถุประสงค์ในการใช้ต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยส่วนหนึ่งจะใช้ปิดหีบ อีกส่วนคือโครงการไทยเข้มแข็ง ระยะแรกและระยะถัดมา

"ที่ตั้งโต๊ะไว้ 1.5 ล้านล้านบาท ตั้งแต่แรก เพราะต้องการส่งสัญญาณที่ชัดเจนในความจำเป็นในการลงทุน จึงกำหนดเม็ดเงินให้ชัดตั้งแต่แรก จึงไม่แก้ พ.ร.บ.หนี้สาธารณะ แต่ประเด็นนี้ก็ทบทวนแล้ว และตัดสินใจเลือกแบบนี้ การแก้ พ.ร.บ.หนี้สาธารณะเป็นการส่งสัญญาณเชิงลบขาดวินัยการคลังของรัฐบาล และให้มีกฎหมายเพื่อเข้าถึงเงินลงทุนพิเศษ ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ"นายกรณ์กล่าว

ล็อบบี้หนักหวั่น 2 กม. กู้ซ้ำรอย

รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังวุฒิสภาคว่ำพ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.พิกัดอัตรภาษีสรรพสามิต รัฐบาลระดมรัฐมนตรีและวิปรัฐบาลต่อสายถึงประธาน รองประธานวุฒิสภา รวมถึงส.ว. บางส่วน ขอให้ช่วยระดมเสียงสนับสนุนกฎหมายกู้เงิน 2 ฉบับ เนื่องจากเกรงว่า วุฒิสภาฯจะไม่เห็นด้วยซ้ำรอยพ.ร.ก.ฉบับแรก ขณะที่รัฐมนตรีในรัฐบาลโทรศัพท์รายงานความคืบหน้าให้นายกรัฐมนตรีที่อยู่ระหว่างเยือนสิงคโปร์ทราบทุกระยะ โดยเฉพาะกรณีที่วุฒิสภาคว่ำพ.ร.ก.พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ขณะที่นายกฯแจ้งว่าจะพยายามบินกลับด่วนที่สุด เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจกับวุฒิสภาในประเด็นที่เป็นข้อสงสัยต่างๆ

ส.ว.สับออก พ.ร.ก.กู้สุ่มเสี่ยง"โกง"

สำหรับ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ.2552 วงเงิน 4 แสนล้านบาทนั้น วุฒิสภาเริ่มพิจารณาเมื่อเวลา 13.30 น. นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เสนอหลักการและเหตุผลของการเสนอ พ.ร.ก.ว่า เพื่อเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว รัฐบาลจึงมีความจำเป็นต้องใช้เงินในการดำเนินมาตรการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง

นายธวัช บวรวนิชยกูร ส.ว.สรรหา อภิปรายท้วงติงการออก พ.ร.ก.ของรัฐบาลว่า เคยถามรัฐบาลว่าหากใช้เงินในโครงการหนึ่งไม่หมดแล้วสามารถโยกงบประมาณให้กับอีกโครงการหนึ่งได้หรือไม่ ได้รับคำตอบว่า ทำได้ โดยเงินจำนวน 8 แสนล้านบาทนั้นเป็นแค่หัวเชื้อของโครงการไทยเข้มแข็ง ที่ต้องใช้เงินจำนวน 1.43 ล้านล้านบาท เมื่อเป็นเงินก้อนใหญ่ และไม่สามารถตรวจสอบได้ การสามารถโยกงบประมาณได้ถือเป็นอันตรายในการใช้งบฯ สุ่มเสี่ยงเกิดการทุจริต ทำให้วงจรอุบาทว์ทางการเมืองจะกลับมาไม่จบสิ้น การทุจริตจะสามารถซื้อประเทศได้ ในฐานะวุฒิสภาจึงยอมไม่ได้ เพราะอยากให้ทำอย่างโปร่งใสด้วยวิธีการจัดทำงบประมาณที่สามารถตรวจสอบได้ ไม่ใช่การตีเช็คเปล่าอย่างนี้

กลุ่ม 40 ส.ว. ชี้งบฯ 4.9 พันล้านมีพิรุธ

นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวว่า รัฐบาลนี้แก้วิกฤตเศรษฐกิจ โดยการเพิ่มเงินลงทุนเป็นพิเศษ ตั้งโต๊ะทีเดียวก้อนใหญ่ 1.5 ล้านล้านบาท ใช้เวลา 3 ปี เฉลี่ยปีละ 5 แสนล้านบาท แต่เมื่อดูอัตราการเบิกจ่ายผ่านทางศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศกระทรวงการคลัง ณ วันที่ 15 มิถุนายน พบว่างบฯลงทุนที่อยู่ในงบประมาณประจำปี 2552 จำนวน 2.1 แสนล้านบาท มีการเบิกจ่ายจริงเพียง 6.5 หมื่นล้านบาทเท่านั้น หรือคิดเป็น 30.79% ทั้งๆ ที่ปีงบประมาณจะสิ้นสุดในเดือนกันยายน จึงสงสัยว่าจะเบิกจ่ายได้ทันและใช้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่รั่วไหลได้หรือ และทำไมไม่เสนอเข้ามาใน พ.ร.บ.งบประมาณตามปกติโดยการแก้กฎหมายวิธีการงบประมาณและกฎหมายบริหารหนี้สาธารณะชั่วคราว 3 ปี เพื่อให้มีระเบียบการเบิกจ่ายเป็นขั้นตอนชัดเจนรวมถึงระบบตรวจสอบมากพอสมควร เมื่อรัฐบาลทำแบบนี้ จึงห่วงว่าจะมีการใช้เงินเร็ว เลี่ยงขั้นตอน และรั่วไหล รัฐบาลยังเห็นสภาเป็นที่ประกอบพิธีกรรม โดยประชุม ครม.เพียงไม่กี่สิบนาที ก็อนุมัติวงเงินโครงการของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงมหาดไทย เพิ่มอีก 4.9 พันล้านบาท เป็นอาการพิรุธที่สังคมเชื่อว่าเป็นการแลกเปลี่ยนแลกการโหวตของพรรคร่วม

"มาร์ค" สั่งรมต.แจงให้ดีที่สุด

ก่อนหน้านี้ในช่วงเช้าเวลา 06.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 (บน.6) ก่อนออกเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์ ว่าได้พูดคุยกับนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เกี่ยวกับการชี้แจง พ.ร.ก.และร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลัง กู้เงินเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจต่อที่ประชุมวุฒิสภา โดยขอความกรุณาให้รัฐมนตรีไปช่วยกันชี้แจงอย่างพร้อมเพรียง และตอบข้อสงสัยและข้อซักถามต่างๆ ให้ดีที่สุด คืนนี้ถ้ากลับมาถึงกรุงเทพฯ แล้ววุฒิสภายังประชุมอยู่ก็จะเดินทางไปร่วมด้วย

"โดยรวมแล้วผมยังเชื่อว่ากฎหมายดังกล่าวน่าจะผ่านไปได้ ที่สำคัญคือคงจะเป็นการหารือกันมากกว่าว่า รูปแบบการตรวจสอบ อยากจะใช้วิธีการอะไร เช่น จะมีกรรมาธิการหรืออะไร"นายกรัฐมนตรีกล่าว

"เรืองไกร"ข้องใจแบ่งเค้กใครเข้มแข็ง

ต่อมา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา อภิปรายระหว่างวุฒิสภาพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงินว่า การกู้เงินครั้งนี้เพื่อทำโครงการ "ไทยเข้มแข็ง" หรือ "ใครเข้มแข็ง" เพราะตัวเลขของโครงการไม่ตรงกัน โดยนายกรัฐมนตรี ส่งเอกสารชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า การกู้เงินตาม พ.ร.ก.จำนวน 4 แสนล้านบาท ในครั้งนี้จะใช้ในโครงการไทยเข้มแข็งจำนวน 2.89 แสนล้านบาท ขณะที่ตัวเลขที่เสนอล่าสุดอยู่ที่ 2.35 แสนล้านบาท จึงอยากถามว่า รัฐบาลมีแนวทางในการบริหารเงิน 4 แสนล้านบาทที่จะกู้อย่างไร และแนะนำว่าให้รัฐบาลไปดูรายละเอียด พ.ร.บ.การเงินคงคลัง พ.ศ.2491 และ พ.ร.บ.หนี้สาธารณะด้วยว่า รัฐบาลกำลังทำผิดกฎหมายเหล่านี้อยู่หรือไม่ โดยเฉพาะประเด็นที่รัฐบาลจะให้มีการกู้เงินจากสถาบันการเงินของเอกชน 3.7 แสนล้านบาท รวมถึงการให้อำนาจสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เป็นหน่วยงานที่ดูแลการใช้จ่ายเงินกู้ทั้งหมด

"ตาม พ.ร.บ.การเงินคงคลัง กรณีอำนาจในการดูแลงบประมาณแผ่นดินโดยกำหนดว่า เงินที่ได้รับต้องนำไปเก็บไว้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อำนาจในการสั่งจ่ายคือ อธิบดีกรมธนารักษ์ และเจ้าพนักงานที่รัฐมนตรีคลังเป็นคนแต่งตั้ง จากนั้นต้องไปทำบัญชีเงินแผ่นดิน แต่การที่รัฐบาลได้มอบหมายให้ สบน.มีอำนาจทั้งรับเงินกู้และจ่ายและทำบัญชีเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง" นายเรืองไกรกล่าว

นายเรืองไกรกล่าวว่า รู้สึกไม่สบายใจเพราะเสนอกฎหมายรีบเร่งมาก ถ้าดูดอกเบี้ย 5% ของเงิน 4 แสนล้าน เท่ากับ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีนัยยะสำคัญ เนื่องจากไม่รู้ว่าจะมีผลตอบแทนในโครงการอย่างไร หากดูโครงการถนนปลอดฝุ่น 1.4 หมื่นล้าน และเงินบำรุงรักษาทางหลวงทั่วประเทศ 1.4 หมื่นล้านบาท หารด้วยจำนวน ส.ส. 480 คน จะได้คนละประมาณ 60 ล้านบาท ไม่รู้ว่าจะมีความเชื่อมโยงกันหรือไม่

"กรณ์" แจงเหตุไม่ใช้วิธีแก้กม.งบฯ

นายกรณ์ชี้แจงว่า สาเหตุที่รัฐบาลต้องกำหนดตัวเลข 1.5 ล้านล้านบาท และมีระยะเวลาผูกพันไปถึงปี 2555 เพราะรัฐบาลต้องการส่งสัญญาณให้นักลงทุนเห็นว่า รัฐบาลเน้นการลงทุนเพื่อ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งนี้ รัฐบาลไม่เลือกใช้วิธีการออกกฎหมายกู้เงินก็ได้ โดยใช้การแก้ไขพ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ 2502 และ พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ 2548 เพื่อเปิดโอกาสให้รัฐบาลสามารถกู้เงินได้ แต่รัฐบาลไม่ทำแบบนี้ เพราะถ้าทำจะเป็นการส่งสัญญาณในทางลบที่เป็นการสะท้อนถึงการไม่รักษาวินัยทางการเงินการคลังของรัฐบาล

เชื่อโกงแน่-รมต.การันตีโปร่งใส

การอภิปรายในช่วงเย็น ส.ว.หลายคน อาทิ นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ส.ว.ราชบุรี นายสิริวัฒน์ ไกรสินธุ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ตั้งข้อสังเกตการเสนอที่ขาดรายละเอียดโครงการ อาจเป็นช่องทางทุจริตเพราะตรวจสอบยาก และสงสัยเหตุใดจึงไม่นำวงเงิน 8 แสนล้าน ไปอยู่ในงบฯปกติ ทั้งนี้ นายกฤช อาทิตย์แก้ว ส.ว.กำแพงเพชร ถึงกับระบุว่า ขอเอาชีวิตเป็นเดิมพันว่า จะมีการทุจริตเกิดขึ้นแน่นอน ถ้าไม่มีจะให้ตัดคอ

นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า เหตุที่ไม่รวมเงินกู้ 8 แสนล้าน ใน พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี และไม่แก้กฎหมายเพดานหนี้สาธารณะและเขียนบทเฉพาะกาลเพื่อการดังกล่าว เพราะกว่าเม็ดเงินจะออกก็ยิ่งเห็นผลช้า ในขณะที่เศรษฐกิจต้องการการกระตุ้น และสร้างงานโดยด่วน "ขอยืนยันว่าการใช้งบประมาณ แม้จะเป็นเงินนอกงบฯก็ไม่ต่างจากเงินในงบประมาณ เพราะอิงวิธีการงบประมาณทุกอย่าง และโยกงบฯข้ามกระทรวงไม่ได้ รับประกันว่า ถ้าวุฒิสภารับกฎหมายสองฉบับนี้ ก็พร้อมจะมาชี้แจงในทุกประเด็น" นายกอร์ปศักดิ์กล่าว