WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, April 28, 2010

แถลงการณ์‘บิ๊กจิ๋ว’ (2)

ที่มา บางกอกทูเดย์



“พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ” อดีตนายกรัฐมนตรี ได้พูดค้างถึงการสร้างความเห็นถูก “สัมมาทิฐิ” ด้วยแก้ไขความคิด ให้ถูกต้อง และมีความจงรักภักดีอย่างมีวิชชา
ซึ่งวันนี้จะมาพูดกันต่อในเรื่องที่ว่า...เพื่อรักษาความมั่นคงแด่สถาบันพระมหากษัตริย์ที่ถูกต้อง และนำไปสู่ความสำเร็จของการสร้างประชาธิปไตย จะต้องทำ

กันอย่างไรโดยได้กำลังมีการพูดมาถึงในข้อที่ 3. คือ สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแห่งรัฐ ทรงใช้อำนาจผ่าน 3 ทาง คือ ทางคณะรัฐมนตรี รัฐสภา และศาล ตามรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2550 มาตรา 3 ซึ่งตามธรรมชาติและข้อเท็จจริง...สถาบันใดใช้อำนาจ สถาบันนั้นอยู่ในการเมือง ดังนั้น เมื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทรงใช้อำนาจอธิปไตยผ่าน 3 ทาง ดังที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ก็แสดงว่า...พระมหากษัตริย์อยู่ในการเมือง ไม่ได้อยู่นอกการเมือง หรือไม่ได้อยู่

เหนือการเมืองแต่อย่างใดทั้งสิ้น การกล่าวว่า...สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่นอกการเมือง หรืออยู่เหนือการเมือง หรือไม่เกี่ยวกับการเมืองนั้น...เป็นการกล่าวที่ผิดหลักวิชารัฐศาสตร์ ผิดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ผิดข้อเท็จจริงที่ดำรงอยู่ และการกล่าวเช่นนั้นเป็นการลิดรอนพระราชอำนาจ...ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยไม่รู้ตัว...เพราะไม่มีประมุขประเทศใดในโลกไม่มีอำนาจของประมุข ไม่ว่าจะเป็นประเทศราชอาณาจักรหรือไม่ใช่ประเทศราชอาณาจักร...

ประเทศที่มีรูปของประเทศ (FORM OF COUNTRY) เป็นแบบราชอาณาจักร สถาบันพระมหากษัตริย์ทรงมีพระราชอำนาจในฐานะประมุขแห่งรัฐ หรือประมุขของประเทศ มีพระราชอำนาจในการทรงแต่งตั้ง ถอดถอน ประมุขทางการเมืองเช่น นายกรัฐมนตรี ประธานสภา และประธานศาลฎีกา อย่างเด็ดขาดสมบูรณ์บริบูรณ์ ถ้าประเทศใดมีรูปของประเทศเป็นแบบอื่นสถาบันที่เป็นประมุขก็จะมีอำนาจเช่นเดียวกัน....ไม่ใช่เป็นเพียงตรายาง คือ มีแค่ตำแหน่งแต่ไม่มีอำนาจ

ปัจจุบันรัฐธรรมนูญไทยยังลิดรอนพระราชอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์ ในฐานะประมุขแห่งรัฐอยู่อย่างมากมาย4. ประเทศที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนั้น ดีกว่าประเทศที่ มีสถาบันอื่นเป็นประมุข ดังเช่น สถานการณ์หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เยอรมนี โดยการนำของ “อดอล์ฟ ฮิตเลอร์” ซึ่งเป็นทั้งนายกรัฐมนตรี และเป็นผู้นำสูงสุด หรือประธานาธิบดี...เขาได้นำเยอรมันเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 และทำสงครามจนพ่ายแพ้ต่อฝ่ายสัมพันธมิตร แต่ “อดอล์ฟ ฮิต

เลอร์” ยังไม่ยอมแพ้ จึงถูกโจมตีจนกรุงเบอร์ลินแหลกละเอียด ประชาชนล้มตายมหาศาล แม้ “นายพลรอมเมล” สิงห์ทะเลทราย จะลอบสังหารฮิตเลอร์ เพื่อยุติสงครามกลับถูกจับและสั่งให้กินยาตาย เยอรมนีพินาศย่อยยับ...ฮิตเลอร์ยิงตัวตายในห้องใต้ดิน เยอรมนีย่อยยับ...เพราะไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นประมุขญี่ปุ่น...พ่ายแพ้แล้วโดยถูกทิ้งระเบิดปรมาณูที่ เมืองฮิโรชิมา และ เมืองนางาซากิ...นายกรัฐมนตรี “จอมพลโตโจ” ไม่ยอมแพ้จะสู้ต่อ ซึ่งทำให้ญี่ปุ่นถูกระเบิด

ปรมาณูจนจมหายไปในมหาสมุทรแปซิฟิก คนญี่ปุ่นล้มตายมหาศาล แต่ “สมเด็จพระจักรพรรดิ” แห่งญี่ปุ่น ทรงมีพระบรมราชโองการปลด “นายพลโตโจ” แล้วทรงตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่แทน สงครามโลกครั้งที่ 2 จึงยุติลง...ญี่ปุ่นจึงยังไม่พังพินาศ ย่อยยับ เพราะมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอิตาลี...ก็แพ้แล้วเช่นกัน “มุสโสลินี” นายกรัฐมนตรีจะไม่ยอมแพ้...จึงถูกปลดโดย “พระเจ้า วิคเตอร์ เอ็มมานูเอล” และทรงตั้งนายพลทหารเรือคนหนึ่งเป็นนายกฯ ครั้งนั้น

จึงสามารถยุติสงครามโลกลงได้...อิตาลีไม่ย่อยยับเพราะมีสถาบันพระมหากษัตริย์ประเทศไทย...เพราะมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นประมุขจึงสามารถรักษาเอกราชและชาติบ้านเมืองให้รอดพ้นมาได้จนถึงทุกวันนี้ ทั้งจากภัยลัทธิล่าอาณานิคม ลัทธิคอมมิวนิสต์ และภัยทุกชนิด โดยเฉพาะสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2ดังนั้น เราจึงต้องพิทักษ์และเทิดทูน “สถาบันพระมหากษัตริย์” ไว้เป็นประมุขของประเทศไทยตลอดไป และต้องทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ มีพระ

ราชอำนาจอย่างสมบูรณ์ ตามหลักวิชาการเมืองการปกครองที่ถูกต้อง5. สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยในฐานะประมุขแห่งรัฐ...มีคุณูปการต่อประชาชนอย่างยิ่ง คือ เพราะประเทศไทยมีการปกครองระบอบเผด็จการ ไม่ว่าจะเป็นเผด็จการรัฐสภา หรือเผด็จการรัฐประหาร เป็นธรรมดาที่เมื่อฝ่ายใดได้อำนาจ...ก็จะเผด็จการอย่างเต็มที่ ซึ่งจะก่อความเดือดร้อน และความเสียหายต่อประเทศชาติ แต่พระมหากษัตริย์ทรงคานและคัดค้านการใช้อำนาจเผด็จการ ให้ลดความรุนแรงเลว

ร้ายน้อยลง เช่น ทรงยุติวิกฤติชาติ ยุติการฆ่าฟันประชาชน ในเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ และพฤษภาทมิฬ นี่เป็นการเมืองที่ถูกต้องใช่หรือไม่6. สถาบันพระมหากษัตริย์ทรงเป็นสถาบันแห่งความยุติธรรมทางการเมือง...จึงทรงสามารถยุติความแตกแยก ขัดแย้ง ฆ่าฟันกันทางการเมือง ในขณะที่ไม่มีสถาบันใดจะยุติสถานการณ์ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าสถาบันกองทัพ สถาบันรัฐบาล และสถาบันรัฐสภา ดังเช่นเหตุการณ์ 14 ตุลา และพฤษภาทมิฬโดยเฉพาะในเหตุการณ์พฤษ

ภาทมิฬ...ทรงแสดงความเป็นสถาบันที่ทรงความยุติธรรมทางการเมือง โดยทรงรับสั่งให้ทั้งฝ่าย “พล.อ.สุจินดา คราประยูร” และฝ่าย “พล.ต.จำลอง ศรีเมือง” เข้าเฝ้าพร้อมกัน แล้วทรงตรัสให้ทั้งสองฝ่ายร่วมกันยุติวิกฤติการณ์...จึงสามารถยุติสถานการณ์วิกฤติ ลงได้อย่างเบ็ดเสร็จสิ้นเชิง นี่คือ บทบาททางการเมืองของสถาบันพระมหากษัตริย์ใช่หรือไม่ ถ้าไม่มีบทบาทดังกล่าวแล้วจะเกิดอะไรขึ้น จะไม่เกี่ยวกับการเมืองได้อย่างไร7. ในอดีตพรรคประชาธิปัตย์เคยเรียกร้อง

รัฐบาลพระราชทาน ตามมาตรา 7 และพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสว่า...รัฐธรรมนูญมาตรา 7 ไม่ได้บัญญัติไว้ให้อำนาจพระมหากษัตริย์ ในการพระราชทานรัฐบาลพระราชทาน แต่การที่กระผมได้ขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณ พระบารมีปกเกล้าฯให้กับประชาชนทั้งประเทศ โดยที่ยังไม่ได้มีพระราชวินิจฉัยใดๆ ทั้งสิ้นว่าเป็นเช่นไร แล้วทำไมจึงมีการออกมาวิพากษ์วิจารณ์กระผมก่อน...มิเป็นการละเมิดพระบรมราชวินิจฉัย และพระราชอำนาจหรือ ฯพณฯ อภิสิทธิ์ และ ฯพณฯ สุ

เทพ ได้เคยเสนอจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ เมื่อครั้งซาวเสียงผู้ควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมกับ ฯพณฯ สมัคร สุนทรเวช แต่ต่อมาก็ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ตามพระราชดำรัส “รู้รักสามัคคี” และต่อมายังได้ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงว่า...ไม่ได้เคยเสนอรัฐบาลแห่งชาติ ทำให้เห็นว่าท่านไม่มีจุดยืน เพื่อประโยชน์ชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง สองมาตรฐานหรือไม่ครับ...ท่านสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์!

(ติดตามตอนต่อไป)
นิรนาม นิรกาย