ที่มา บางกอกทูเดย์ คำพูดจากประสบการณ์จริง ประสบการณ์ตรง ไม่ว่าจากใครก็ตาม ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ซึ่งต้องการเติบใหญ่ไปสู่จุดสูงสุดของความสำเร็จในชีวิตไม่ควรที่จะมองข้ามอย่างเด็ดขาดเพราะข้อดีของมนุษย์เราที่สามารถมีวิวัฒนาการ และพัฒนาการได้ดีกว่าสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ ก็คือการเรียนรู้ที่จะจดบันทึก ทำความเข้าใจจากบทเรียนในอดีต จึงไม่ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ทุกครั้ง แต่สามารถที่จะต่อยอดไปสู่ความสำเร็จได้เลยผู้นำที่ยิ่งใหญ่ หรือผู้นำที่ประสบความสำเร็จ รวมทั้งผู้ที่มีการศึกษา โดยเฉพาะที่ผ่านมหาวิทยาลัยดังๆ ระดับโลกอย่าง มหาวิทยาลัย Harvard มหาวิทยาลัย Stanford มหาวิทยาลัย Cambridge หรือแม้แต่กระทั่งมหาวิทยาลัย Oxford ก็ตาม ย่อมจะต้องรู้ดีดังนั้นคำพูดของนางอองซาน ซูจี ที่มีวิญญาณประชาธิปไตยเต็มร้อย และเรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริงให้กับ ประเทศพม่ามาตลอดชีวิต ไม่ว่าจะได้รับการปฏิบัติจากรัฐบาลทหารอย่างไรก็ตาม ก็ยังคงยืนหยัดเรียกร้องประชาธิปไตยจนกระทั่งได้รับการยกย่องไปทั่วโลกทั้งสำนักข่าว เอเอฟพี และเว็บไซต์หนังสือพิมพ์สเตรทไทม์ของสิงคโปร์รายงานข่าวไปทั่วโลกนางอองซาน ซูจี ผู้นำพรรคฝ่ายค้านของพม่า วิพากษ์วิกฤติการเมืองไทยเป็นสิ่งสะท้อนว่ารัฐธรรมนูญที่ถูกเขียนโดยทหารนั้นไม่สามารถนำมาซึ่งเสถียรภาพได้ แต่กลับทำทำให้รัฐบาลขาดเสถียรภาพ พร้อมวิจารณ์ถึง สถานการณ์ในประเทศไทย ซึ่งประสบกับความเสียหายอย่างต่อเนื่องจากการรัฐประหารเมื่อปี 2549 ว่าเป็นการยึดอำนาจจากอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นผู้นำที่ได้รับการเลือกตั้ง“รัฐบาลใหม่เข้าสู่อำนาจภายใต้รัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นโดยทหารไม่มีวันที่จะมีเสถียรภาพ เราไม่ต้องไปมองอื่นไกล แค่มองประเทศไทยก็พอ พ.ต.อ.ทักษิณคือผู้นำที่ได้รับการเลือกตั้ง ทหารยึดอำนาจจากผู้ที่ได้รับการเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญถูกเขียนขึ้นโดยทหาร แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับ รัฐบาลคณะแรก? มันจะไม่มีเสถียรภาพ นี่เป็นผลจากการที่รัฐธรรมนูญถูกเขียนขึ้นโดยทหาร” นางซูจีกล่าวอย่างไรก็ตาม นางซูจีให้เกียรติประเทศไทย โดยไม่ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมืองไทยที่เกิดขึ้นว่า เป็นเรื่องถูกหรือผิด ที่ฝ่ายคนเสื้อแดงซึ่งเป็นผู้นิยมทักษิณชุมนุมขับไล่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลประชาธิปัตย์แต่แน่นอนว่า นี่คือมุมมองของต่างประเทศที่มองประเทศไทยในขณะนี้โดยเฉพาะนางอองซาน ซูจี ผู้ซึ่งทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศประชาธิปไตยที่แท้จริงให้การยอมรับในจิตวิญญาณประชาธิปไตย และการต่อสู้ฉะนั้นรัฐบาล รวมทั้งนายอภิสิทธิ์ จึงควรที่จะต้องตระหนักว่า นี่คือเหตุผลที่เมื่อนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เชิญเอกอัครราชทูตและตัวแทนสถานทูต เข้าฟังชี้แจงสถานการณ์ในประเทศไทย โดยเฉพาะเหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่บริเวณถนนราชดำเนิน จึงได้มีเอกอัคร ราชทูตและตัวแทนสถานทูตเกือบ 30 ประเทศเข้าร่วมฟัง!!! ประกอบด้วย อาร์เจนตินา ชิลี ออสเตรเลีย ออสเตรีย เบลเยี่ยม บรูไน กัมพูชา สิงคโปร์ จีน สาธาณรัฐเชค เดนมาร์ค เยอรมนี กรีซ ฮังการี อินเดีย อิตาลี ญี่ปุ่น ลักเซมเบอร์ก เนเธอแลนด์ นอร์เวย์ ไนจีเรีย โปแลนด์ สวิสเซอร์แลนด์ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ อังกฤษ อเมริกา European Commission และแอฟริกาใต้ ที่สำคัญเอกอัครราชทูตที่เดินทางมาด้วยตนเอง มี 2 ประเทศคือ อาร์เจนตินาและเดนมาร์คจากนั้น มีตัวแทนสถานทูต 5 ประเทศ ได้แก่ เดนมาร์ค เบลเยียม ออสเตรีย เปรู และอาเจนตินา ที่ได้เดินทางไปเยี่ยมสังเกตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง นปช. ที่บริเวณหลังเวทีราชประสงค์ ซึ่งทั้งนายวีระ มุสิกพงษ์ ประธาน นปช. น.พ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช.รอต้อนรับ หารือและชี้แจงสถานการณ์ แน่นอนว่า สิ่งที่บรรดาตัวแทนทูตสะท้อนออกมาให้สังคมไทยตระหนัก และทั่วโลกได้รับรู้ ก็คือ ความห่วงใย และต้องการให้แต่ละฝ่ายเปิดเจรจา เพื่อหาข้อยุติให้เกิดความ สงบเรียบร้อยเกิดขึ้น คำพูดของนายวีระ ที่ระบุว่า การมาเยี่ยมของทูตในที่ชุมนุมคนเสื้อแดง นับว่าเป็นเกียรติอย่างมาก เพราะจริงๆแล้วทางทูตเองก็ต้องมีความระมัดระวังยึดหลักการธรรมเนียมทางการทูต “ตามความเป็นจริงเขาต้องเกรงใจทางรัฐบาลอยู่เช่นกัน ทั้งนี้เมื่อมวลมิตรอารยะประเทศเขาต้องการเห็นการเจรจา ไม่อยากให้มีการสูญเสีย อยากให้มีความเป็นเอกภาพสงบในประเทศเรา ตรงนี้ล้วนเป็นความเห็นของทูตทั้งหมด” นายวีระกล่าวที่สำคัญหลังจากได้มี การชี้แจงทั้งหมดแล้ว ก่อนเข้าสู่การซักถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ปรากฏว่านายพุทธา จันทรสมบูรณ์ อายุ 21 ปี ลูกชายของนายพินิจ จันทรสมบูรณ์ อดีตส.ส.กาญจนบุรี ที่เป็นเหยื่อได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ 10 เม.ย. ได้เดินทางเข้ารับฟัง พร้อมกับขอแสดงความเห็นว่าได้ถูกทหารทำร้ายร่างกาย ถูกกระทืบและยิงกระสุนยางจำนวนรวม 11 นัด โดยระบุว่ามีทหารเป็นผู้สั่งการให้ยิงสลายประชาชน ซึ่งเอกอัครราชทูตอาเจนตินา ได้แสดงความเสียใจและเห็นใจต่อเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น เพราะประเทศ เคยเกิดความวุ่นวาย มีรัฐบาลทหาร ใช้ความรุนแรง จึงไม่อยากเห็นรัฐบาลใช้กำลัง นอกจากนี้ยังตัวแทนบางประเทศถามว่า ถ้าต้องการกำหนดระยะเวลายุบสภา พรรคเพื่อไทยมีท่าทีอย่างไร ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยได้มีการชี้แจงไปว่าสถานการณ์การเมือง เกรงว่าจะเกิดความรุนแรงขึ้นอีก หรืออาจสลายการชุมนุม ดังนั้นหนทางเดียวหยุดปัญหาได้ ต้องยุบสภาหรือลาออก แล้วตั้งรัฐบาลใหม่ต้องอยู่ชั่วคราว เพื่อยุบสภาและเลือกตั้งใหม่เท่านั้นทั้งหมด สอดคล้องกับทางตัวแทนคณะทูตที่ต้องการให้แต่ละฝ่ายเปิดเจรจา เพื่อหาข้อยุติให้เกิดความสงบเรียบร้อยเกิดขึ้นเพราะไม่เช่นนั้น ประเทศไทยก็จะประสบความสูญเสียอีก เช่นกรณีที่เกิดขึ้นที่สีลม ที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ระบายความรู้สึกว่า เป็นเรื่องน่าเศร้าใจที่เกิดเหตุรุนแรงขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าใครไม่โดนไม่รู้ และใครที่เป็นผู้ทำก็ถือว่าใจดำมาก เรื่องนี้รัฐบาลต้องหาตัวคนทำให้ได้ เพราะเบื้องต้นทราบว่ามีหลักฐานบ้างแล้ว แต่ทางตำรวจคาด ว่าเป็นการยิงมาจากตึกของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ดังนั้นก็คงต้องฝากคำถามไว้กับสังคมว่า จะปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำแล้วซ้ำอีกเช่นนี้หรือ???สังคมไทยจะต้องสูญเสีย เดือดร้อน และเศร้าใจ เพียงเพราะแต่ละฝ่ายติดตึงดื้อดึงอยู่บนมิจฉาทิฐิ และหัวโขนกระนั้นหรือ???มันคุ้มกันหรือไม่ดังนั้นวันนี้ นายอภิสิทธิ์ และรัฐบาล ไม่ควรที่จะแปลกใจ เมื่อปรากฏว่ามี 30 องค์กร แถลงการณ์ให้ยุบสภาก่อนที่ประเทศชาติจะเสียหายมากกว่านี้… โดยประกอบด้วย1.เครือข่าย องค์กรชุมชนแก้ปัญหาที่ดินภาคอีสาน (คอป.อ.) 2. เครือข่ายองค์กรชาวบ้านอนุรักษ์น้ำเซิน (คอซ.) 3.เครือข่ายองค์กรชาวบ้านลุ่มน้ำปาว (คอป.) 4. เครือข่ายอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภูค้อ-ภูกระแต จังหวัดเลย 5.เครือข่ายคนรุ่นใหม่ภาคอีสาน (คอส.) 6.แนวร่วมเกษตรกรภาคอีสาน (นกส.) 7. เครือข่ายคนรุ่นใหม่ลุ่มน้ำโขง จังหวัดอุบลราชธานี 8.กลุ่มสร้างสรรค์ชีวิตและสังคมอีสาน (กสส.) 9.กลุ่มดงมูลเพื่อการพัฒนา จังหวัดกาฬสินธุ์ 10. เครือข่ายอนุรักษ์ ภูผาเหล็ก จังหวัดอุดรธานี 11. กลุ่มภูพานเพื่อการพัฒนา จังหวัดสกลนคร 12. เครือข่ายวิสาหกิจชุมชน จังหวัดชัยภูมิ 13. กลุ่มประชาชนไทยแวงน้อย-แวงใหญ่ จังหวัดขอนแก่น 14. กลุ่มเยาวชนมิตรภาพ จังหวัดขอนแก่น 15. กลุ่มเยาวชนอนุรักษ์น้ำพรมตอนต้น จังหวัดชัยภูมิ 16. กลุ่มเยาวชนอนุรักษ์ลุ่มน้ำบัง จังหวัดนครพนม 17. เครือข่ายคนรุ่นใหม่ยโสธร จังหวัดยโสธร 18. สหพันธ์เยาวชนอีสาน (สยส.) 19. แนวร่วมเกษตรกรภาคเหนือ (นกน.) 20. ชมรมส่งเสริม การเรียนรู้ภาคเหนือตอนล่าง 21. เครือข่ายอนุรักษ์ลุ่มน้ำชมพู จังหวัดพิษณุโลก 22. เครือข่ายส่งเสริมสิทธิการจัดการทรัพยากรภาคเหนือตอนล่าง (คสปล.) 23. สหพันธ์เยาวชนคลองเตย (สยค.) 24. เครือข่ายองค์กรชุมชนคลองเตย 25. เครือข่ายชุมชนเมืองบ่อนไก่ กทม. 26. กลุ่มประชาธิปไตยเพื่อรัฐสวัสดิการ 27.เครือข่ายอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชุมชนเขลาโคก จังหวัดร้อยเอ็ด 28. เครือข่ายองค์กรชาวบ้านนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ 29.กลุ่มคนรุ่นใหม่ภาคใต้ และ 30กลุ่ม นักศึกษาภาคเหนือเพื่อประชาธิปไตย30 องค์กร ระบุชัดว่า วิกฤติความขัดแย้งทางการเมืองปัจจุบัน แก้ไขได้มีทางเดียวเท่านั้นคือ นายกรัฐมนตรีต้องยุบสภาเท่านั้น เพื่อคืนอำนาจอธิปไตยให้ประชาชนทุกคนทุกสี เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียชีวิตผู้คน เพื่อรักษาชีวิตคนที่ทุกคนมีคุณค่าเท่ากัน และเพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตยถ้าตราบใด นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังไม่ยอมรับการยุบสภา การปฏิรูปประเทศไทย การแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างก็เป็นเพียงกลยุทธ์ ในการสร้างภาพเพื่อไม่ยุบสภานั้นเอง และการปฏิรูปประเทศไทยก็เป็นเพียงการปฏิรูปโดยการรวมศูนย์อำนาจของระบบอำมาตย์และเครือข่ายอำมาตย์เท่านั้นเองมิใช่การปฏิรูปประเทศไทยแบบมีส่วนร่วมตามหลักการประชาธิปไตย“ท่ามกลางการยืนยันไม่ยุบสภาของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ย่อมเป็นผลให้แนวโน้มสูงของรัฐที่จะทำการปราบปรามประชาชนคนเสื้อแดงที่ต้องสู้เพื่อประชาธิปไตยตามแนวทางสันติวิธี จึงขอเรียกร้องให้นักสันติวิธี นักสิทธิมนุษยชน ทั้งหลาย ดำเนินการเคลื่อนไหวโดยเร่งด่วนเพื่อหยุดยั้งอำนาจป่าเถื่อนที่จะเกิดขึ้นก่อนที่ประเทศจะเสียหายมากกว่านี้” คือเนื้อหาใจความของแถลงการณ์ดังนั้น วันนี้สิ่งที่ต้องทำคือการเร่งเจรจา เพื่อหาข้อตกลงในการยุบสภาให้ได้เสียทีองค์กรเป็นร้อย ทหารตำรวจเป็นแสน นักการเมืองเป็นพัน ประชาชนเป็นล้านๆ คิดหาวิธีกันจนตายไปหลายสิบ บาดเจ็บไปหลายร้อย และอาจจะตายกันอีกเท่าไรไม่มีใครตอบได้ กับความคิดที่นายกฯอภิสิทธิ์จะกรุณาต่อบ้านเมืองนี้ก็แค่ คืน อำนาจให้ประชาชน... ยุบสภาและถ้าผู้คนหลากสีที่กำลังเพิ่มขึ้นทุกวันเลือกให้กลับมา... ท่านก็จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่สง่างาม หรือถ้าแพ้ ก็จะเป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านที่รูปหล่อ... เรียกว่ามีแต่ได้กับได้แล้วทำไมจึงลังเล...ไม่เลือกที่จะทำที่จะตัดสินใจเพราะไม่ว่าอย่างไรเรายังคงไม่เชื่อที่มีพวกชาวบ้านปากเสีย ที่นินทาว่า “ท่านเป็นนายกฯกระหายเลือด”