ที่มา มติชน
และก่อให้เกิดความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ในสังคมไทย
ระหว่างรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับกลุ่มคนเสื้อแดง ในกรุงเทพมหานคร มีแนวโน้มที่จะเลวร้ายลงมากขึ้นและอาจเสื่อมโทรมกลายเป็น
"สงครามกลางเมืองที่ไม่ได้ถูกประกาศอย่างเป็นทางการ"
ตามความเห็นของกลุ่มแก้ไขปัญหาความขัดแย้งนานาชาติ
ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม
รายงานขององค์กรดังกล่าวระบุว่า
"ระบบการเมืองไทยได้พังทลายลง
และดูเหมือนจะไร้ความสามารถในการชักจูงประเทศออกจากปากเหวแห่งความขัดแย้ง
ที่กำลังกระจายตัว ความขัดแย้งบนท้องถนนในกทม.
ระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงมีความเลวร้ายยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ และอาจเสื่อมทรุดกลายเป็นสงครามกลางเมืองที่ไม่ได้ถูกประกาศอย่างเป็นทางการ"
องค์กรแห่งนี้ยังให้คำแนะนำว่า ประเทศไทยควรตัดสินใจรับความช่วยเหลือจากคนกลางในประชาคมนานาชาติ อาทิเช่น
ผู้ได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ เพื่อหลีกเลี่ยงการถลำลึกเข้าสู่ความรุนแรงที่ขยายวงกว้างขวางมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
สอดคล้องกับการที่นายโฮเซ่ รามอส ฮอร์ต้า เจ้าของรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ และประธานาธิบดีของประเทศติมอร์ตะวันออก ได้เดินทางมายังกรุงเทพฯเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อเริ่มต้นความพยายามในการจะเข้ามาเป็นคนกลางที่ช่วยแก้ไขปัญความขัดแย้งของไทย
รายงานของกลุ่มแก้ไขปัญหาความขัดแย้งนานาชาติยังเสนอว่า กลุ่มคนกลางจากนานาชาติควรนำคู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่ายมาเปิดเจรจากัน เพื่อยุติปฏิบัติการของฝ่ายทหารและจำกัดการชุมนุมให้มีจำนวนคนลดลง
แต่ดำเนินไปในเชิงสัญลักษณ์มากยิ่งขึ้น เพื่อยุติการรบกวนวิถีชีวิตของชาวกทม.
นอกจากนี้ ยังควรเริ่มต้นการเจรจาต่อรองด้วยจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติชั่วคราว ซึ่งจะเป็นผู้ดำเนินการให้มีการเลือกตั้งครั้งใหม่ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม
ดูเหมือนรัฐบาลไทยจะไม่ยอมรับการประสานงานจากคนกลางในลักษณะเช่น นั้น ดังจะเห็นได้จากปฏิกิริยาล่าสุดของนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศไทย ที่ตำหนินักการทูตต่างชาติที่เดินทางไปพูดคุยกับแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ณ สถานที่
ี่ชุมนุมใหญ่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ อย่างรุนแรง
เพื่อไทย
Saturday, May 1, 2010
กลุ่มแก้ไขความขัดแย้งนานาชาติชี้ อาจเกิด "สงครามกลางเมือง" ในไทย
รอยเตอร์รายงานว่า ความแตกแยกที่มีขึ้นเป็นระยะเวลายาวนาน