ที่มา บางกอกทูเดย์ โดนงูกัด ก็ต้องใช้พิษงูแก้ เฉกเช่นเดียวกับ “การเมือง”ต้องแก้ด้วย “การเมือง”ในเมื่อต้องการจะแก้ให้ถูกจุดก็ต้องหา “ต้นเหตุ”แห่งความวุ่นวายให้พบ สะดวกทุกสถานในกาลทุกเมื่อ ในความเป็นจริง “สีเหลือง” กับ “สีแดง”เป็นสีคู่กัดกันโดยปริยาย!!และเป็นที่น่าสังเกตว่า “สีเหลือง”มากราย ..ได้กลับกลายมาเป็น “สีแดง”ในภายหลังอย่างมากมายมหาศาล??ในทางตรงข้ามไม่เคยเห็น “สีแดง”แปลงร่างกลายเป็น “สีเหลือง”สักคน!เออ!..มันเป็นเพราะอะไรล่ะครับ เจ๊เล้ง??ที่ปวดหัวอยู่ในขณะนี้ เพราะทั้ง “สองสี”กลายพันธุ์เป็น “หลากสี”เดียวกันทั้งหมดไปแล้วหากว่าใครดันพิเรนท์ที่จะจัด “ม็อบ” มาชน “ม็อบ”คงจะยุ่งกัน ตายชักจะมองออกได้อย่างไรว่า “ใครพวกใคร”ในขณะที่ เฮละโล “พะบู๊”กันนัวเนียจะต้องมีพวกเดียวกัน “หยำฉ่า” กันเอง อย่างน้อยครึ่งขบวน เชื่อเหอะ!เพราะใบหน้าของคนหลากสีคือ “คนไทย”เหมือนกันเดี๊ยะ..ยุ่งละว้อยทีนี้ “แดงจริง” กับ “แดงเทียม”ยังพอที่จะค้นหานำตัวออกมาได้..แต่ “หลากสีเทียม”จะดูกันยังไงวะเนี่ย!ยุทธศาสตร์ที่เปลี่ยนรูปแบบ พลิกไป-พลิกมา ของแกนนำทั้งสองฝ่ายมีหวังชาวบ้านที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ถูก “ลูกหลงตาย” กันเป็นเบือ!!
สีก็เช่นเดียวกัน..เมื่อจะ “ล้างสี” ทั้งหมดออก จะต้องให้ “สี”มาดับ “สี”กันเองจึงจะถูกต้องด้วยประการทั้งปวงจะให้เจ๊กย้อมผ้ามาช่วยย้อมเปลี่ยนสีให้คงไม่สวยนัก!และ..ในที่สุด ทั้ง “สีเหลือง”และ “สีแดง” ก็ถูกกลืนหายไปกลายเป็น “หลากสี”โดยอัตโนมัติ!!เพราะต่างก็ไม่ยอมเป็น “เป้านิ่ง”ให้ยิงกบาลกันง่ายๆสุภาษิตจอมยุทธจีนกล่าวว่า ต้า จั้ง ฟู เหนิง ซวี เหนิง เซินแปลเป็นไทยว่า “ลูกผู้ชายยืดได้หดได้”แล้ว..สำมะหาอะไรจะเปลี่ยน “สี”ไม่ได้..เพื่อความอยู่รอดแบบว่า