WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, August 2, 2011

TCIJ: ยิงถล่ม “ชุมชนคลองไทร” ชาวบ้านร้องตำรวจเมินลงสอบเหตุในพื้นที่

ที่มา ประชาไท

ร้อง กลุ่มอิทธิพลใช้อาวุธสงครามยิงถล่มพื้นที่นำร่อง "โฉนดชุมชน" แจ้งความแต่ตำรวจเพียงให้ลงบันทึกประจำวัน ชาวบ้านวอนสำนักงานตำรวจแห่งชาติช่วยตรวจสอบ ก่อนเหตุสูญเสียลุกลาม เผยคดีเก่าชาวบ้านถูกยิงดับยังไม่คืบ





วันนี้ (1 ส.ค.54) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนวันที่ 31 ก.ค.54 เวลาประมาณ 20.00 น.ได้มีกลุ่มคนใช้อาวุธสงครามยิงกระหน่ำบ้านชาวบ้านในชุมชนคลองไทรพัฒนา หมู่ 2 ต.ไทรทอง อ.ชัยบุรี จ.สุราษฏร์ธานี กว่า 50 นัด พบปลอกกระสุนหล่นอยู่เกลื่อนพื้น บ้านเรือนได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือถึงแก่ชีวิต
ผู้ สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในคืนวันเดียวกันนั้นชาวบ้านชุมชนคลองไทรได้โทรศัพท์แจ้งเหตุไปยัง สภ.ชัยบุรีให้รีบเข้ามาตรวจสอบกรณีดังกล่าว แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาในพื้นที่ จนกระทั้งช่วงเช้าวันนี้ (1 ส.ค.54) ชาวบ้านได้เข้าแจ้งความที่ สภ.ชัยบุรีอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน แต่ยังไม่มีการรายงานความคืบหน้าใดๆ และยังไม่มีการลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ
สมาชิก ชุมชนคลองไทรฯ ให้ข้อมูลว่า เหตุการณ์ยิงข่มขู่เช่นนี้เกิดขึ้นในชุมชนอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมาชาวบ้านพยายามเข้าแจ้งความเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดตามผู้กระทำผิดมา ลงโทษ แต่ก็มีเพียงการลงบันทึกประจำวันไว้ ขณะที่การติดตามคดีไม่มีความคืบหน้าใดๆ และแม้แต่คดีที่ชาวบ้านในชุมชนถูกยิงเสียชีวิตตั้งแต่เมื่อเดือนมกราคมปี 53 ถึงขณะนี้คดีก็ยังไม่มีความคืบหน้า
“ชาว บ้านแจ้งแล้วแจ้งเล่าก็หาย แล้วต่อไปนี้จะให้ชาวบ้านที่ต้องการเป็นอยู่แบบปกติสุขเพื่อทำการเกษตร เลี้ยงชีพจะไปพึ่งพาหน่วยงานใดในเมื่อตำรวจทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม จึงวิงวอนสำนักงานตำรวจแห่งชาติช่วยตรวจสอบให้ชาวบ้านด้วยก่อนที่จะมีเหตุ ไม่คาดฝันหรือคนตายเกิดขึ้น” ชาวบ้านในพื้นที่ระบุ
สมาชิก ชุมชนคลองไทรฯ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้สมาชิกในชุมชนต้องนอนกันแบบหวาดผวาว่าจะมีลูกปืนเข้าบ้านใครอีก จึงฝากถามสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าตำรวจ สภ.ชัยบุรี มีศักยภาพหรือเปล่า เพราะที่ผ่านมาเคยมีคำสั่งจัดชุดดูแลความปลอดภัยคำสั่งที่ 117/2553 โดยมี พ.ต.ต.เลิศชาย ชัยรัตน์ สวป.เป็นหัวหน้าชุด แต่ชาวบ้านก็ไม่เคยเห็นตำรวจดังกล่าวเลย
นอกจากนี้ สมาชิกชุมชนคลองไทรฯ ยังได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ตอนกลางวันของวันเกิดเหตุ (31 ก.ค.54) ได้มีคนของกลุ่มอิทธิพลในพื้นที่ซึ่งมีความขัดแย้งกับชาวบ้านเรื่องปมปัญหา ที่ดิน ขับขี่รถจักรยานยนต์วนเวียนอยู่ภายในชุมชนโดยพกพาอาวุธปืนและวิทยุสื่อสาร แบบเดียวกับของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเป็นการข่มขู่ชาวบ้าน จนกระทั่งตอนค่ำก็เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
สมาชิก ชุมชนคลองไทรฯ ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุที่เกิดขึ้นอาจเชื่อมโยงกับการที่คนในชุมชนพยายามส่งข่าวและเผยแพร่ ข้อมูลในพื้นที่ออกไปให้คนภายนอกได้รับรู้ ซึ่งกลุ่มอิทธิพลอาจเห็นว่าจะสร้างปัญหาให้พวกเขาจึงพยายามข่มขู่ชาวบ้าน พร้อมเล่าว่าหลังจากที่มีนักข่าวเข้ามาทำข่าวในชุมชนครองไทรฯ เมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สองวันจากนั้นกลุ่มอิทธิพลในพื้นที่ได้เข้าทำลายบ้านของนายยงยุทธ และยิงถล่มบ้านนางสรารัตน์ สมาชิกชุมชนคลองไทรซึ่งให้สัมภาษณ์กับนักข่าว และหลังจากนั้นกลุ่มอิทธิพลยังนำอาวุธสงครามเข้ามายิงในชุมชนช่วงกลางดึกแทบ ทุกคืน
ต่อเหตุการณ์ครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้น สมาชิกชุมชนคลองไทรแสดงความเห็นว่า ไม่ใช่การข่มขู่แต่เป็นการมุ่งเอาชีวิตแม้ว่าจะไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสีย ชีวิต และขณะนี้สิ่งที่ชาวบ้านในชุมชนทำได้คือการเฝ้าระวังตัว เพราะไม่สามารถไปต่อสู้กับอาวุธสงครามได้ อีกทั้งไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นชาวบ้านคงไม่ออกไปจากพื้นที่ เพราะไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน
ทั้งนี้ ชุมชนคลองไทรฯ หมู่ 2 ต.ไทรทอง อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี เป็น 1 ใน 35 พื้นที่นำร่องจัดทำโฉนดชุมชน ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเพื่อแก้ปัญหาเรื่องที่ดินร่วมกับเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศ ไทย ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชน (ปจช.) แต่พื้นที่ดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการผลักดันให้กระทรวงทรัพย์ส่งมอบพื้นที่ ให้สำนักงานโฉนดชุมชนดำเนินการจัดทำโฉนดชุมชน ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ.2553
นอก จากนี้ พื้นที่ชุมชนดังกล่าวยังอยู่ในพื้นที่ฟ้องร้องดำเนินคดีระหว่างสำนักงานการ ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กับบริษัทจิวกังจุ้ยพัฒนา จำกัด โดย ส.ป.ก.ฟ้องขับไล่ให้บริษัทเอกชนออกจากพื้นที่ แต่ขณะนี้บริษัทได้ยื่นอุทธรณ์ผลอาสินไว้
ลำดับเหตุการณ์ชุมชนคลองไทรพัฒนา
อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี
พฤศจิกายน 2551
มีการรวมกลุ่มของชาวบ้านประมาณ 120 ครอบครัวขอเข้าไปใช้พื้นที่ตั้งเป็นชุมชนคลองไทรพัฒนา หมู่ 2 ต.ไทรทอง อ.ชัยทอง จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อติดตามตรวจสอบผลักดันการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐให้เกิดผลในทางปฏิบัติ โดยต้องการให้นำที่ดินเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปเพื่อชุมชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน โดยเร็ว
มีนาคม 2552
บริษัทจิวกังจุ้ย พัฒนาจำกัด ได้ฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากชาวบ้าน 3 คนได้แก่นายบัญญัติ จอง นายอดุลย์ รามจันทร์ และนายสมหมาย ลิกขชัย เป็นจำนวน 3,000,000 บาท โดยโจทก์ขอคุ้มครองชั่วคราวและให้มีหมายจับจำเลยทั้ง 3 ต่อมาศาลได้ถอนฟ้องนายบัญญัติฯจำเลยที่ 1 เนื่องจากมาทราบข้อเท็จจริงภายหลังว่า นายบัญญัติฯเป็นคนวิกลจริต ปัจจุบันรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลสวนสราญรมย์ โดยจำเลยที่ 2และ 3 ยินยอมออกจากพื้นที่
9 สิงหาคม 2552
06.30 น. มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 40 คันรถปิ๊กอัพ นำโดยผู้บังคับการจังหวัดสุราษฎร์ธานีและกำลังตรวจจากสถานีตำรวจชัยบุรี เข้าตรวจค้นอาวุธและยาเสพติดในชุมชน ใช่เวลาราว 1 ชม.ตรวจยึดได้เพียงมีดพร้าของชาวบ้าน จากนั้น ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังทยอยกลับ มีรถไถจำนวนหลายคันและมีกลุ่มชายฉกรรจ์ถืออาวุธปืนยาวหลายคนเดินนำรถไถพัง รั้วของชุมชนเข้ามาไถบ้านของชาวบ้านพังจำนวน 60 หลัง ชาวได้แจ้งตำรวจแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกให้ไปแจ้งความที่โรงพัก ชาวบ้านจึงได้บันทึกภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไว้และในวันเดียวกันได้ไปแจ้ง ความ ที่สถานีตำรวจภูธรชัยบุรี แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคนใดรับเรื่อง
10 สิงหาคม 2552
ได้มี ชรบ.ประมาณ 40 นายเข้ามาตรึงกำลังที่แคมป์ของบริษัท ได้มีชาวบ้าน 5 คน เข้าไปแจ้งความอีกครั้ง มีการลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจภูธรชัยบุรี ล่าสุดคดียังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
2-7 พฤศจิกายน 2552
คณะ ทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อประกอบการช่วยเหลือและแก้ปัญหาคดีความของเครือ ข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย ประกอบด้วย กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดย พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิลและคณะ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตในภาครัฐโดย พ.ต.ท.สันต์ทรง ตังละแม และกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ณ ชุมชนคลองไทรพัฒนา, ชุมชนน้ำแดง และชุมชนสันติพัฒนา ต.บางสวรรค์ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อนำข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเสนอต่อคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาคดีความฯ และเสนอต่อคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน
29 ธันวาคม 2552
12.05 น. พ.ต.ท.โกเมธ ชูชมชื่น จาก สภอ.เขาพนม จ.กระบี่ มาพร้อมกับนายทวี แดงอนันต์ ผู้จัดการบริษัทจิวกังจุ้ย พัฒนาจำกัด และพวกอีก 5 คน ใช้ รถปิ๊กอัพ 2 คัน เข้ามาในชุมชนคลองไทรพัฒนา หมู่ 2 ต.ไทรทอง อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี และสอบถามข้อมูลต่างๆ จากสมาชิกบางคนในชุมชน จึงเกิดความขัดแย้งกันขึ้น และพ.ต.ท.โกเมธ ได้ตบหน้านายอภินนท์ สังข์ทอง สมาชิกชุมชนคลองไทรฯ นายอภินนท์ จึงเอากล้องมาขอถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน แต่ พ.ต.ท.โกเมธ และกลุ่มบุคคลที่มาด้วยเอาปืนมาจี้ที่น่าอกนายอภินนท์ สังข์ทอง และนางมาลิดา เจียกรัมย์ (ภรรยานายอภินนท์) จึงไม่ได้ภาพไว้เป็นหลักฐาน แล้วกลุ่มบุคคลดังกล่าวได้เดินทางออกไปจากชุมชน
11 มกราคม 2553
19.00 น. ได้มีกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนลูกซองและปืนเอ็ม.16 ยิงเข้าใส่วงสนทนาและรับประทานอาหารค่ำที่นอกชานหน้ากระท่อมที่พักของนายฟอง ขุนฤทธิ์ ซึ่งมีนายสมพร พัฒนภูมิ เพื่อนบ้านมานั่งอยู่ด้วยและเป็นที่ถูกกระสุนปืนจนเสียชีวิตหลังจากวิ่งหนี มาได้ประมาณ 10 เมตรเศษ
ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำตรวจ สภ.อ.ชัยบุรี ได้ตรวจพบปลอกกระสุนปืนลูกซอง 1 ปลอกและปลอกกระสุนปืน M16 จำนวน 7 ปลอก
มี ข้อสังเกตว่าก่อนเกิดเหตุยิงใส่กลุ่มสมาชิกชุมชนคลองไทรฯ ที่หน้ากระท่อมของนายฟอง ขุนฤทธิ์ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าให้ฟังว่าพบเห็นนายทวี แดงอนันต์ ผู้จัดการบริษัทจิวกังจุ้ย เข้าตรวจเดินดูสภาพต่างๆ ในชุมชนโดยเฉพาะบริเวณด้านหลังที่เกิดเหตุ
19 มกราคม 2553
เครือ ข่ายปฏิรูป (คปท) ได้รวมตัวกันที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อเรียกร้องติดตามผลการแก้ไขปัญหาที่ดิน ส.ป.ก.สุราษฏร์ธานี และ เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย (คปท) เรื่องการตรวจสอบพื้นที่เขต ส.ป.ก.และกรณีสมาชิกเครือข่ายถูกทำร้ายเสียชีวิตในชุมชนคลองไทรพัฒนาเขต ส.ป.ก.สุราษฏร์ธานี ตลอดจนขอรับความคุ้มครองความปลอดภัย ใน 4 ชุมชน ในเขตพื้นที่ ส.ป.ก. สุราษฏร์ธานี อันได้แก่ พื้นที่ชุมชนสันติพัฒนา หมู่ที่ 6 ต.บางสวรรค์ อ.พระแสง จ.สุราษฏร์ธานี พื้นที่ชุมชนบ้านน้ำแดง หมู่ที่ 9 ต.คลองน้อย อ.ชัยบุรี จ.สุราษฏร์ธานี พื้นที่ชุมชนคลองไทรพัฒนา หมู่ที่ 2 ต.ไทรทอง อ.ชัยบุรี จ.สุราษฏร์ธานี และพื้นที่ชุมชนไทรงามพัฒนา หมู่ที่ 5 ต.ไทรทอง อ.ชัยบุรี จ.สุราษฏร์ธานี
จากนั้นได้มีหนังสือคำสั่งจากนายกรัฐมนตรี ให้ตำรวจตระเวนชายแดน จากกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 42 (ค่ายศรีนครินทรา ทุ่งสง ) ลงพื้นที่คุมครองความปลอดภัยในพื้นที่ดังกล่าว ตังแต่วันที่ 21 มกราคม 2553
10 กุมภาพันธ์ 2553
เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น.ได้ มีเสียงปืนไม่ทราบขนาดดังขึ้นที่บริเวณหน้าชุมชนจำนวน 6-7 นัด ทำให้สมาชิกในชุมชนคลองไทรฯ ตื่นตกใจ จึงต้องช่วยกันปกป้องดูแลรักษาความปลอดภัยกันอย่างเข้มงวดยิ่งขึ้น
11 กุมภาพันธ์ 2553
09.35 น.ได้มีคนงานจำนวน 25 คน ของบริษัทจิวกังจุ้ยซึ่งเป็นบริษัทที่เก็บเกี่ยวผลผลิตปาล์มน้ำมันในพื้นที่ ที่ขณะนี้อยู่ในช่วงการดำเนินคดีฟ้องร้องของ ส.ป.ก.สุราษฎร์ธานี เข้าทำการเก็บเกี่ยวผลผลิตจนเสร็จสิ้นในช่วงเวลาประมาณ 13.00 น.ของวันเดียวกัน หลังจากคนงานเหล่านี้ได้ออกจากชุมชนเพียงครู่หนึ่ง สมาชิกในชุมชนก็ได้เสียงปืนดังขึ้นอีกจำนวนกว่า 20 นัด จากฝั่งที่คนงานดังกล่าวอยู่ ทำให้ชาวบ้านในชุมชนครองไทรพัฒนาแตกตื่นและต่างพากันวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิต รอด
จาก เหตุการณ์ดังกล่าวทางชุมชนได้ประสานไปที่ชุดกำลัง ตชด.ที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับชุมชน แต่กลับไม่ได้รับความร่วมมือแต่อย่างใด อีกทั้งยังอ้างด้วยว่าชุดปฏิบัติการ ตชด.ไม่มียานพาหนะที่จะเดินทางเข้าไปในชุมชน ซึ่งห่างจากจุดพัก ตชด.กว่า 3 กิโลเมตร ทั้งๆ ที่การให้ ตชด.ลงพื้นดูแลรักษาความปลอดภัยในเขตชุมชนเป็นคำสั่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
19 กรกฎาคม 2554
เมื่อเวลา 14.00 น.นายฉลอง มณีโชติ หัวหน้า ปฏิรูปที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ชัยบุรีว่า ได้มีการซื้อขายพื้นที่ของ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) และได้ทำลายพื้นที่ให้เสียหาย จากนั้น เจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมกำลังตำรวจกว่าสิบนายได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว และได้พบรถบรรทุกสิบล้อ 1 คัน รถแบคโฮ 1 คัน และรถไถ 1 คันพร้อมคนขับ ตำรวจจึงได้จับกุมและเชิญตัวไป สภ.ชัยบุรีเพื่อดำเนินคดีในฐานทำลายทรัพย์ให้เสียทรัพย์
นายฉลอง เข้าให้ปากคำกับร้อยเวร สภ.ชัยบุรีเพื่อลงบันทึกประจำวัน ถึงกรณีนี้ว่า บริษัทจิวกังจุ้ยพัฒนา จำกัด มีเนื้อที่ 1,051 ไร่ เป็นบริษัทที่ ส.ป.ก.ฟ้องขับไล่ให้ออกจากพื้นที่ ส.ป.ก. แต่บริษัทได้ยื่นอุทธรณ์ผลอาสินไว้กับศาลภาคแปด อย่างไรก็ตาม บริษัทได้กระทำผิดต่อคำสั่งศาลนอกจากนั้นยังละเมิดคำสั่งศาลที่ระบุว่าห้าม ทำการใดๆ ที่ทำให้เกินผลเสียหายต่อพื้นที่ ส.ป.ก.โดยบริษัทได้ว่าจ้างคนให้ไปขุดดินเป็นร่องคูแบ่งแนวเขต เพื่อทำการขายเปลี่ยนมือ