ที่มา ประชาไท
ตัวแทนจากภาคประชาสังคมเรียกร้องรัฐบาลทั่วโลกสั่งห้ามส่งออกเทคโนโลยี ที่นำไปใช้ปราบปรามพลเมือง โดยออกกฎหมายที่มีประสิทธิภาพเพื่อสนับสนุนให้บริษัทต่างๆ ในประเทศปฏิบัติตามหลักจรรยาบรรณขององค์กรที่จะไม่ทำลายพลเมืองประเทศอื่นๆ และคุ้มครองให้เกิดการแข่งขันที่เท่าเทียม
เมื่อสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ในการประชุมระดับโลกว่าด้วยธรรมาภิบาลอินเทอร์เน็ต (Internet Governance Forum - IGF) ณ สหประชาชาติ ประเทศเคนยา กลุ่มตัวแทนจากภาคประชาสังคมร่วมกันออกแถลงการณ์เรียกร้องรัฐบาลทั่วโลก เกี่ยวกับนโยบายด้านอินเทอร์เน็ตในฐานะเครือข่ายอันทรงพลังเพื่อส่งเสริม ขบวนการประชาธิปไตยดังที่เกิดขึ้นแล้วในหลายประเทศ
Amira Yahyaoui บล็อกเกอร์และนักเคลื่อนไหวด้านเสรีภาพอินเทอร์เน็ตจากประเทศตูนิเซีย เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์ในนามกลุ่มภาคประชาสังคมที่เข้าร่วมประชุม ซึ่งมาจาก บาห์เรน เบลารุส บราซิล แคนาดา จีน ฝรั่งเศส อินโดนีเซีย อิหร่าน มาเลเซีย ไนจีเรีย ปากีสถาน รัสเซีย ไทย และสหรัฐอเมริกา
ใจความหลักในแถลงการณ์ เรียกร้องต่อรัฐบาลประชาธิปไตยทั่วโลกให้สั่งห้ามมิให้ส่งออกเทคโนโลยีที่นำ ไปใช้ปราบปรามพลเมือง โดยขอให้รัฐบาลออกกฎหมายที่มีประสิทธิภาพเพื่อสนับสนุนให้บริษัทต่างๆ ในประเทศของตนเองสามารถปฏิบัติตามหลักจรรยาบรรณขององค์กรที่จะไม่ทำลาย พลเมืองประเทศอื่นๆ และคุ้มครองให้เกิดสนามการแข่งขันที่เท่าเทียม
นอกจากนี้ ตัวแทนภาคประชาสังคมจากประเทศต่างๆ ยังเรียกร้องให้ผู้ให้บริการร่วมส่งเสริมขบวนการประชาธิปไตย ซึ่งต้องเปิดให้มีการสื่อสารทางสังคมออนไลน์ที่ปลอดภัย นั่นคือต้องรักษาสิทธิความเป็นส่วนตัวและสิทธิที่จะไม่เปิดเผยชื่อด้วย
แถลงการณ์ตัวแทนภาคประชาสังคมโลก ว่าด้วยธรรมาภิบาลด้านอินเทอร์เน็ต ปี 2554
แถลงการณ์นี้จัดเตรียมให้ Amira Yahyaoui แห่งตูนิเซียเป็นผู้กล่าวในฐานะตัวแทนภาคประชาสังคมจากหลายภูมิภาค
30 ก.ย. 2554 กรุงไนโรบี ประเทศเคนยา
ก่อนอื่น เราขอแสดงความยินดีที่มีโอกาสได้มาประชุมในที่ประชุมว่าด้วยธรรมาภิบาลด้านอินเทอร์เน็ต (Internet Governance Forum - IGF) ที่ประเทศเคนยา ในฐานะชาวตูนิเซีย ดิฉันมีโอกาสได้เห็นกับตาถึงขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อเสรีภาพในทวีปแอฟริกาที่ ได้รับประโยชน์จากวิธีการสื่อสารใหม่ๆ เมื่อมีการประชุมสุดยอดโลกว่าด้วยสังคมสารสนเทศ (World Summit on the Information Society - WSIS) ที่ประเทศดิฉันเมื่อปี 2548 รัฐบาลในสมัยนั้นคิดว่าเป็นการประชุมที่จะสร้างความชอบธรรมให้กับระบอบเผด็จ การของตนเอง แต่เนื่องจากมีผู้เข้าร่วมประชุมครั้งนั้นจำนวนมาก เช่นเดียวกับคนจำนวนมากในห้องประชุมแห่งนี้ พวกเราที่มาจากตูนิเซียและต้องการอนาคตใหม่จึงได้รับแรงบันดาลใจมากมายจาก เพื่อนต่างชาติที่คอยให้กำลังใจและสนับสนุนการเคลื่อนไหวเพื่อเสรีภาพของพวก เรา ในโอกาสที่มีผู้เข้าประชุมจากทั่วโลก และต่างคนต่างมีความสัมพันธ์กันอย่างหลากหลาย เป็นเหตุให้การประชุมครั้งนั้นส่งผลสะเทือนต่อรัฐบาลที่กดขี่ปราบปราม ตรงข้ามกับความคาดหวังของระบอบเผด็จการ เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอุทาหรณ์ให้กับเผด็จการในที่อื่นๆ ว่าพวกเขาจะไม่ประสบความสำเร็จในการใช้ประโยชน์จากศักยภาพของชุมชนโลกที่มี การสื่อสารกันอย่างงดงาม
เป็นครั้งแรกที่ดิฉันได้เข้า ร่วมการประชุม IGF ในฐานะส่วนหนึ่งของกลุ่มผู้สนับสนุนเสรีภาพด้านอินเทอร์เน็ต เรามาจากประเทศต่าง ๆ อย่างเช่น บาห์เรน เบลารุส บราซิล แคนาดา จีน ฝรั่งเศส อินโดนีเซีย อิหร่าน มาเลเซีย ไนจีเรีย ปากีสถาน รัสเซีย ไทย ตูนิเซีย และสหรัฐอเมริกา
ในท่ามกลางความหลากหลาย เราเห็นชอบร่วมกันดังนี้
เราขอเรียกร้องให้ประเทศ ประชาธิปไตยทั้งหลาย นำนโยบายและกฎหมายมาใช้เพื่อป้องกันไม่ให้ระบอบเผด็จการกดขี่ประชาชนได้ต่อ ไป ซึ่งรวมถึงการสั่งห้ามอย่างเป็นระบบไม่ให้ส่งออกเทคโนโลยีไปยังรัฐบาลที่นำ เทคโนโลยีเหล่านั้นไปใช้ปราบปรามพลเมืองของตนเอง จรรยาบรรณที่กำหนดขึ้นโดยสมัครใจของบริษัทขนาดใหญ่นับเป็นก้าวย่างในเชิงบวก แต่ในอีกด้านหนึ่งรัฐบาลในแต่ละประเทศก็ควรออกกฎหมายที่เข้มแข็งเพื่อสนับ สนุนการปฏิบัติตามหลักจรรยาบรรณเหล่านั้นด้วย บางบริษัทได้ให้ความเห็นว่า ยินดีหากจะมีกฎหมายเช่นนั้นเพื่อให้สนามแข่งขันเท่าเทียมกัน
นักกิจกรรมและพลเรือนทั่วโลก โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในประเทศเผด็จการ ต้องการพื้นที่ที่ปลอดภัยและเปิดเผยเพื่อการสื่อสาร รวมทั้งการสื่อสารทางเครือข่ายสังคมออนไลน์ เราได้เห็นแล้วว่าเครือข่ายเช่นนั้นเป็นเครื่องมืออันทรงพลังเพื่อต่อต้าน การปราบปราม ผู้ให้บริการจึงควรพยายามส่งเสริมให้ขบวนการประชาธิปไตยสามารถสื่อสารกันใน ลักษณะที่ปลอดภัยได้ ด้วยเหตุดังกล่าว สิทธิความเป็นส่วนตัวและสิทธิที่จะไม่เปิดเผยชื่อจึงเป็นปัจจัยหลักเพื่อ ประกันความปลอดภัยดังกล่าว การจำกัดสิทธิเหล่านั้นให้กระทำได้โดยกำหนดเป็นข้อยกเว้น โดยเฉพาะกรณีที่มีเงื่อนไขพิเศษและมีการกำหนดเป็นกฎหมายเพื่อจำกัดสิทธิ อย่างชัดเจนและเป็นไปโดยสอดคล้องกับหลักการปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
ผู้เผด็จการมักมีข้ออ้างสวยหรู เพื่อจำกัดเสรีภาพของเรา บ้างก็อ้างความมั่นคงในราชอาณาจักร บ้างก็อ้างการต่อต้านฝ่ายหัวรุนแรง บ้างก็อ้างการปกป้องศีลธรรม การคุ้มครองวัฒนธรรม การเคารพต่อศาสนา หรือการคุ้มครองเจ้าพนักงานจากการดูหมิ่น ข้ออ้างเหล่านี้ได้ถูกใช้เป็นเหตุผลสนับสนุนการจำกัดสิทธิมนุษยชนของเรา ทั้งโดยผ่านการเซ็นเซอร์และการปิดกั้นการเข้าถึง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางเวทีธรรมาภิบาลอินเทอร์เน็ตควรแสดงจุดยืนคัดค้านอย่าง เข้มแข็ง
ข้อเรียกร้องที่สำคัญเหล่านี้ ไม่ใช่เป็นข้อกังวลทั้งหมดของประชาคมสิทธิมนุษยชน แต่หากได้รับการตอบสนอง ย่อมจะมีส่วนส่งเสริมบรรยากาศธรรมาภิบาลด้านอินเทอร์เน็ตอย่างชัดเจนในโลก
ขอบคุณค่ะ Asante sana
ที่มา: http://www.ilaw.or.th/node/1248
ที่มาภาพ: freefotouk (CC BY-NC 2.0)