ที่มา ข่าวสด
วันที่ 4 พ.ย. ที่ จ.พะเยา คณะทำงานเครือข่ายแม่ญิงพะเยา จำนวน 10 คน ประกอบด้วย พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.)พะเยา ประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัด(กพส.จ.)พะเยา เครือข่ายภาคองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) เครือข่ายสิ่งแวดล้อม และ เครือข่ายอาสาสมัคร อพม.นำโดย นางสาวราณี วงศ์ประจวบลาภ พมจ.พะเยา นางสุภัคสร วรรณปลูก ประธาน กพส.จ. และประธานเครือข่ายแม่ญิงพะเยา นางสาวอารีย์ อ้อยหอม นายก ทต.บ้านต๊ำ ฯลฯ เดินทางมารวมกันเพื่อยื่นแถลงการณ์ต่อต้านนายเอกยุทธ อัญชันบุตร ต่อนายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ที่ห้องทำงาน ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดพะเยา อ.เมืองพะเยา จ.พะเยา
นางสุภัคสร กล่าวว่า ในแถลงการณ์ครั้งนี้ทางเครือข่าย ฯ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง คนไทยทุกกลุ่มพยายามที่จะมองหาช่องทาง วิธีการ แนวทางเพื่อลดความขัดแย้งเหล่านี้ลง สลายความไม่เข้าใจกันให้โดยเร็ว และจะกลับไปสู่ความสงบสุขต่อกันโดยเร็วพิบัติภัยน้ำท่วมครั้งใหญ่ คนไทยในพื้นที่ไม่ประสบภัยน้ำท่วม หรือได้รับผลกระทบไม่มากนัก ต่างได้ขวนขวายและพยายามรับบริจาค ส่งน้ำใจ น้ำเงิน น้ำพักน้ำแรง และสารพัดสิ่งของ และนำส่งให้แก่เพื่อนชาวไทยที่ประสบภัยน้ำท่วมใหญ่ในครั้งนี้ โดยเฉพาะผู้หญิงเหนือที่เป็นกำลังสำคัญในทุกภาคส่วน แต่ในความวิกฤติของภัยธรรมชาติเรายังได้เห็นความมีน้ำใจของคนไทย ความขัดแย้งได้ลดน้อยลง ความเห็นอกเห็นใจเข้ามาแทนที่ หลายคนต้องทำงานหนักเพื่อฝ่าฟันวิกฤติบ้านเมืองไปให้ได้ หลายฝ่ายต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง ก้าวข้ามความเห็นแก่ตัว เพื่อไปสู่สิ่งที่ดีกว่า
ทางเครือข่ายแม่ญิงพะเยา จึงขอประณามการกระทำของนายเอกยุทธ ว่า ละเมิดสิทธิสตรีของผู้หญิงเหนืออย่างรุนแรง เพราะด้วยศักดิ์ศรีของความเป็นคน และ ก้าวล่วงและดูหมิ่น “เพศแม่” อย่างไม่เหมาะสม และขอเรียกร้องให้นายเอกยุทธ ออกมา “ขอโทษ” ผู้หญิงเหนือภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2554 เพราะผู้หญิงเหนือก็มีศักดิ์ศรีความเป็นคนหากนายเอกยุทธไม่ออกมาขอโทษผู้หญิงเหนือตามที่ทางเครือข่าย ฯ เรียกร้องไป ทางเครือข่าย ฯ จะมีการขับเคลื่อนทางสังคมเพื่อกดดันนายเอกยุทธต่อไป
ด้านนางเจริญศรี กล่าวเสริมว่า ความรู้ ความสามารถของนายเอกยุทธมีอยู่อย่างท่วมท้น ซึ่งหากนำไปใช้ให้เกิดคุณประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองก็จะดีไม่น้อย หากนำความรู้ ความสามารถของนายเอกยุทธ ถูกนำไปใช้อย่างไม่เหมาะสมก็น่าเสียดาย โดยเฉพาะในประเด็นการโพสต์ข้อความดังกล่าวในเฟซบุ๊กส่วนตัวของเขา กำลังจะกลายเป็นชนวนของความขัดแย้งครั้งใหม่ และความขัดแย้งในครั้งนี้อาจจะหมายถึงความขัดแย้งทางชาติพันธุ์ ความขัดแย้งของชนชั้นในสังคมที่อาจจะไม่เคยยอมรับกัน กลับทำให้เกลียดชังกันมากขึ้น ตรงนี้เป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังอย่างมาก เพราะเป็นความละเอียดอ่อนเรื่องของความรู้สึกที่จะมีผลต่อความรู้สึกของกลุ่มชาติพันธ์ ฉะนั้น นายเอกยุทธต้องแสดงความรับผิดชอบต่อคำพูดดังกล่าวโดยเร็ว
จากนั้น คณะเดินทางสักการะอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง ริมกว๊านพะเยา เพื่อกราบไหว้ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองผู้หญิงเหนือทุกคน
ทั้งนี้ ข้อความที่นายเอกยุทธโพสต์แล้วทำให้กลุ่มสิทธิสตรีไม่พอใจอย่างรุนแรง คือ "ไม่อยากจะกล่าวคำแบบนี้ เพราะจะดูเสมือนดูถูกสตรี..แต่ในความเป็นจริงนั้น..สาวเหนือที่ไร้การศึกษาหรือขี้เกียจ และด้อยปัญญา จะมาทำงานสบายที่หญิงปกติไม่ทำกัน..หลักๆ ก็คือขายบริการ..ฉะนั้นสาวเหนือที่ไร้สติปัญญาและโง่เขลาขนาดหนักแต่หน้าด้านมารับตำแหน่ง ก็ควรจะรู้นะว่าอาชีพอะไรที่เหมาะแก่คุณ ?"
จากนั้น นายเอกยุทธยังได้โพสต์ข้อความที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ เช่น
"ตำแหน่งนายกฯ นั้น ไม่ใช่ของครอบครัว..และไม่ใช่ที่ฝึกหัดงาน..หากไร้ปัญญาก็อย่าหน้าด้านมารับ ตำแหน่ง..สื่อถามรัฐบาลและผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายว่าต้องการความช่วยเหลือจาก ต่างประเทศเรื่องน้ำท่วมมั้ย ? คำตอบที่ได้คือ ′เราช่วยตัวเอง′ ได้...มิน่าถึงได้ยินบ่อยๆว่า ′เอาอยู่ค่ะ′ ”