ที่มา thaifreenews
โดย ลูกชาวนาไทย
หากเราดูในภาพรวมขณะนี้ เราพอจะประเมินได้ว่า จุดวิกฤติของน้ำท่วม กทม. นั้นได้ผ่านไปแล้ว เพราะช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูงสุด ได้ผ่านไปแล้ว ดังนั้น การระบายน้ำออกทางแม่น้ำเจ้าพระยาก็จะสามารถทำได้เพิ่มมากขึ้น แรงกดดันจากน้ำทะเลหนุนจะลดลง วันที่น้ำทะเลหนุนสูงสุดคือวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา ไม่ทำให้น้ำล้นฝั่งคันกั้นน้ำริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
กรุงเทพฯ ก็นับว่าปลอดภัยจากน้ำทะเลหนุน และในภาพรวม การปล่อยน้ำลงทะเลก็จะทำได้วันละ 550 ล้านลูกบาศก์เมตร สิบวันก็สามาถปล่อยได้ 5,500 ล้านลูกบาศก์เมตร ที่ผ่านมาสองสามอาทิตย์ ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม จนถึงวันนี้ น้ำน่าจะลงทะเลไปแล้ว 3,000-4,000 ล้านลูกบาศก์เมตร น่าจะเหลืออีกในทุ่งลพบุรี ชัยนาทลงมา ไม่เกิน 7-8 พันล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งน้ำจะไม่มาพร้อมกันแต่จะทยอยไหลลงมา
ตอนนี้แนวปราการของกรุงเทพฯ มีจุดเดียว ที่จะพังคือ "คันกั้นน้ำคลองหกวา" บริเวณเขตสายไหม ยาวประมาณ 6 กิโลเมตร
หากคันกันน้ำนี้พัง น้ำก็ไหลเข้าท่วมกรุงเทพฯ อย่างแน่นอน และท่วมหนักด้วย
แรงดันของน้ำตอนนี้ คงไม่สามารถพังคลองกั้นน้ำนี้ได้ นอกจากฝีมือมนุษย์เมท่านั้นที่ไปรื้อคันมันลงมาเท่านั้น
ผม ได้ยินข่าวจากแหล่งข่าวระดับสูง แจ้งมาว่า จะมีคนบางกลุ่มบางพวก ไปพังคันกั้นน้ำบริเวณนี้ลง เพื่อให้น้ำท่วมกรุงเทพฯ ซึ่งหากคันกั้นน้ำนี้พัง น้ำซึ่งอยู่ตอนเหนือบริเวณทุ่งรังสิต ซึ่งค่อนข้างเป็นน้ำเน่าแล้ว เพราะค้างทุ่งมานาน ก็จะไหลเข้าคลองประปา
จะทำให้น้ำประปา ไม่สามารถใช้ได้ จากน้ำสีเหลือง ก็จะกลายเป็นสีดำ
ส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมากทันที เรียกว่าหลายล้านคน
คนกรุงเทพฯ ก็จะด่ารัฐบาลนายกฯ ปู โยนความผิดให้กับรัฐบาลรับไปทันที
ที่ผ่านมาเราก็เห็นแล้วว่า มีชาวบ้านไปพังคันกั้นน้ำ ริมคลองประปา ทำให้น้ำประปา ฝั่งธนฯ คุณภาพน้ำลดลงไปมากทันที
"""แต่ จะเป็นชาวบ้านจริงหรือเปล่า หรือมี กลุ่มชายฉกรรก์ ทำตัวเป็นชาวบ้าน (เหมือนพวกเสื้อสีฟ้า) ไปพังคันกั้นน้ำเพื่อสร้างสถานการณ์ เพื่อทำลายรัฐบาลนี้
โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่เชื่อว่า ชาวบ้านริมขอบกรุงเทพฯ ซึ่งเรียกว่าน่าจะเป็นคนที่มีการศึกษา จะไม่ได้ฟังข่าวสารทางสื่อต่างๆ จะคิดแบบคนป่า คือ ตัวเองเดือดร้อน แล้ว อยากจะให้คนอื่นได้เดือดร้อนบ้าง ต่อให้เป็นคนใจดำขนาดไหน ผมว่าฟังเหตุผลแล้ว ก็ต้องเข้าใจ
คุณเดือดร้อน มันไม่จำเป็นต้องทำให้คนที่เขายังไม่เดือดร้อน ได้รับความทุกข์ทรมานไปด้วย ทำอย่างนั้น ก็คือคนบาปดีๆ นี่เอง เราเดือดร้อน เผชิญความทุกข์ยาก เราควรจะมีใจที่สูงสมเป็นชาวพุทธคือ พยายามไม่ให้คนอื่นต้องเดือดร้อนเหมือนเรา หรือได้รับความทุกข์ยากเหมือนเรา
โทรทัศน์ ก็ออกข่าวตลอดเวลา หากเป็นชาวบ้านจริงๆ จะไม่รู้เชียวหรือว่ามันสร้างความเดือดร้อนให้คนหมู่มากขนาดไหน คนไทยเราจะใจจืดใจดำขนาดนั้นเชียวหรือ
หากมันเป็นแผนการณ์ของคนบางกลุ่มบางคน ที่ต้องการทำลายรัฐบาลนายกฯปู
อัน นี้พอจะเข้าใจได้ เหมือนการสร้างสถานการณ์ ผสมโรง เผาห้างเซ็นทรัลเวิร์ด แล้วโยนให้คนเสื้อแดงที่กำลังหนีตาย ว่าไปเผาห้าง เผาบ้านเผาเมือง
หากคันกั้นน้ำ คลองหกวา มีชาวบ้านบุกไปพัง เชื่อได้เลยว่า ไม่ใช่ชาวบ้านจริงๆ แต่เป็น "คนบางกลุ่ม" ไปสร้างสถานการณ์ พังมันลงมา
เป็นยุทธการแบบหน้ามืด เอาความเดือดร้อนของคนกรุงเทพฯ เพื่อสังเวยตัณหาที่จะโค่นล้มรัฐบาลนายกฯปู
จะหวังพึ่งทหารให้ป้องกันแนวคันกั้นน้ำนี้ ก็ลำบากครับ
เพราะทหารก็มี Hidden Agenda เหมือนกัน (ไม่ใช่ทหารชั้นผู้น้อย แต่เป็นพวกที่กุมอำนาจในเวลานี้) เขาไม่ได้พิศวาทรัฐบาลปู
ที่ทหารออกช่วยชาวบ้าน เพราะเขาก็ต้องการสร้างชื่อเสียงกลับคืนมา ไม่ได้เกี่ยวกับการต้องปกป้องรัฐบาลแต่อย่างใด
ดังนั้น ชาว กทม. คงต้องเฝ้าระวังคันกั้นน้ำ คลองหกวาให้ดีนะครับ
แนวกำแพงป้องกันข้าศึก หากทะลาย ก็จะทะลายจากจุดนั้น
กรุงศรีอยุธยาแตก เพราะมีใส้ศึก กำแพงมันไม่ได้พังมาจากภายนอก จากข้าศึก
แต่มันพังจากภายใน จากใส้ศึก
Re:
ผมมีภาพบริเวณนี้ครับ
จากภาพเราจะเห็นแนวทางตอนเหนือที่บอกว่า "แนวคันกั้นน้ำคลองหกวา 6 กม."
ตรงนี้แหละครับเป็นจุดอ่อนที่สุด
ชาว บ้านแถวนั้น ยอมทนลำบากไปอีกสิบวันได้หรือไม่ เพื่อที่จะได้ระบายน้ำเลงทะเลไปอีกสัก 5,000 ล้านคิว ปริมาณน้ำจะลดลง แล้วคนที่ยังไม่ได้รับความทุกข์ อีกหลายล้านคน เขาจะได้ไม่ต้องมีทุกข์
แทนที่จะคิดว่า เราได้รับความทรมาน คนอื่นสมควรได้รับบ้าง
อันนั้นมันคิดแบบคนที่มีใจที่ยังไม่ได้พัฒนา
เรา ควรทำใจแบบพระในนิยายจีนกำลังภายใน ที่บอกว่า "อาตมาไม่ลงนรกแล้วใครจะลงนรก" คือ ยอมรับบาปแทนคนอื่นไป เพื่อให้คนอื่นจะได้ไม่ต้องทนทุกข์
ในส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่า ชาวบ้านหนึ่งคนอาจคิดแบบแย่ๆ ได้คือ "เราลำบาก คนอื่นควรลำบากด้วย"
แต่ หากมีชาวบ้านเป็นร้อยคนคิดอย่างนั้น โดยมีการปรึกษาหารือกันมาก่อน ผมเชื่อว่า ไม่มีคน "ขาดสติ" จำนวน มากขนาดนั้น อย่างน้อยก็ต้องมีคนค้านว่ามันเป็นบาป เป็นสิ่งไม่ดี
นอกจากมีคน บางกลุ่ม บางพวก ต้องการใช้ความเดือดร้อนของคนกรุงเทพฯ เพื่อเป้าประสงค์ทางการเมือง ซึ่งเราก็เห็นกันมาแล้ว 5 ปี ว่าพวกเขาทำอย่างนั้นจริงๆ