ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ เหล็กใน
สมิงสามผลัด
ช่วงนี้ถือได้ว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของคนกรุงเทพฯ
ศปภ.ระบุว่าวันที่ 31 ต.ค.นี้จะพ้นช่วงน้ำทะเลหนุนสูงสุด จากนั้นน้ำทะเลจะลดลงต่ำมาก
ฉะนั้น การระบายน้ำเหนือที่ท่วมขังอยู่ในกรุงเทพฯลงสู่ทะเล
จะคล่องขึ้น ง่ายขึ้น เป็นกอบเป็นกำขึ้น
ความจริงแล้วช่วง 29-31 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่น้ำทะเลขึ้นสูงสุดนั้น คาดการณ์ไว้ว่าจะสูงถึง 2.65 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง
สูงกว่าคันกั้นริมแม่น้ำเจ้าพระยา 15 ซ.ม.
แต่เอาเข้าจริงๆ ทะเลหนุนสูงสุดแค่ 2.53 เมตร
ถือว่าธรรมชาติยังปรานี
และมีการคาดการณ์กันอีกว่าน้ำทะเลจะขึ้นสูงสุดอีกครั้งช่วงลอยกระทง 11-18 พ.ย.นี้
สิ่ง ที่ศปภ.ต้องทำกันอย่างจริงจัง คือเร่งระบายน้ำก้อนมหึมา 5 พันล้านลบ.เมตรที่อยู่เหนือกรุงเทพฯ และท่วมพื้นที่บางส่วนของกรุงเทพฯ ออกสู่ทะเลให้ได้เร็วและมากที่สุด
เพราะมีเวลาแค่ 11 วันเท่านั้น
หากระบายน้ำออกทะเลได้ยิ่งมากเท่าไหร่ โอกาสที่กรุงเทพฯจะรอดก็ยิ่งมากขึ้น
เขตสายไหม เขตดอนเมือง เขตบางพลัด และเขตทวีวัฒนา ซึ่งประสบปัญหาน้ำท่วมขังสูงมานับอาทิตย์แล้ว
จะมีโอกาสได้เห็นน้ำลดลงเร็วกว่าเดิม !
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ในช่วง 11 วันนี้ถือเป็นการดิ้นเฮือกสุดท้ายของศปภ.
การ ระบายน้ำลงทะเล ทั้งกรมชลฯและกทม.มีเครื่องไม้เครื่องมืออยู่แล้ว ระบบการสูบน้ำในพื้นที่กรุงเทพฯที่เดียวมีประสิทธิภาพมากกว่าระบบสูบน้ำของ ทั้งประเทศรวมกัน
ดังนั้น เรื่องระบบเรื่องเครื่องมือไม่ต้องเป็นห่วง
ห่วงแต่อย่างเดียวว่าจะเกิดเกาเหลา เกิดปัญหาเรื่องการประสานงานอีกหรือไม่
เพราะในห้วงวิกฤตของบ้านเมืองแบบนี้ ก็ยังมีให้เห็นถึงความแตกแยก ไม่เลิกขัดแข้งขัดขากัน
นักการเมืองบางคนยังมุ่งทำลาย ทำทุกอย่างเพื่อหวังผลทางการเมือง
คิดแค่ว่าทำยังไงจะล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ให้ได้
"ข่าวลือ-ข่าวปล่อย-ข่าวป้ายสี"ถึงยังกระหึ่มเมืองอยู่ในขณะนี้
คิดกันเล่นๆ นะ ถ้าพวกแมลงสาบยอมหยุดความใจแคบ ยอมวางเรื่องส่วนตัวชั่วคราว
หันมาร่วมมือร่วมใจกับศปภ.แก้ปัญหาน้ำท่วมกันจริงจัง
อดใจรอจนน้ำลด รอจนเมืองไทยผ่านพ้นวิกฤตอุทกภัยเสียก่อน
แล้วค่อยกลับมาฟาดฟันล้มรัฐบาล
ถึงตอนนั้นก็คงไม่สายเกินไปมั้ง !?