ที่มา ไทยรัฐ
การเมืองที่กำลัง เดินไปสู่จุดแตกหัก ด้วยเงื่อนไขการชุมนุมขับไล่ รัฐบาล องคมนตรี และเรียกร้อง รัฐธรรมนูญปี 2540......แม้ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แม้รองนายกฯ สุเทพ เทือกสุบรรณ แม้ ผบ.ทบ. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา จะวิเคราะห์ว่า สถานการณ์ไม่น่าจะรุนแรง....แต่ด้วยองค์ประกอบทางการเมืองไม่น่าไว้วางใจ
จะรุนแรงไม่รุนแรงอยู่ที่ จำนวนผู้ชุมนุมและการเคลื่อนไหว ของผู้ชุมนุม.....บวกกับการแก้ไขสถานการณ์ของ รัฐบาลและกองทัพ......ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ประวัติศาสตร์ การชุมนุมทางการเมือง เรียกร้องประชาธิปไตย.....จบลงด้วย เลือดเนื้อ และความสูญเสียของประชาชนเกือบทุกครั้ง
วิกฤติการเมืองครั้งนี้ ที่มีการชุมนุมของ คนเสื้อแดง....กับวิกฤติการเมืองเมื่อปี 2549 ที่เป็นการชุมนุมของ คนเสื้อเหลือง เป็น วิกฤติการเมืองที่ต่อเนื่อง.....ที่เกิดจาก ความขัดแย้ง ความหวาดระแวง แล้วคิดแทน เสียงส่วนใหญ่ ของประเทศ....ล้มกันในระบบไม่ได้ ก็ต้องหาทาง ล้มกันนอกระบบ....สุดท้ายกลายเป็นกับดักทางการเมืองซ้ำซาก
เพราะเหล่านี้คือ บ่อเกิดแห่งปัญหาเดียวกัน เพียงแต่อยู่คนละฝั่ง เป็นความคิดคนละด้าน.....ดังนั้น ถ้ายังหา จุดกึ่งกลางของความเป็นธรรม ไม่ได้ก็ต้องต่อสู้กันไปไม่มีจุดสิ้นสุด.....แพ้ชนะไม่ใช่สาระ สำคัญเท่ากับ ความล่มจม ของประเทศในอนาคต
การออกมาตั้งข้อสังเกตของ รองนายกฯสุเทพ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อาจหลบซ่อนตัวอยู่ใน ประเทศกัมพูชา.....จะเป็นอันตรายต่อความรู้สึก ระหว่างผู้นำ ของทั้งสองประเทศหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง.......“อินทรีเหล็ก” ไม่อยากให้วิกฤติการเมืองภายในกลายเป็นชนวนการเมืองระหว่างประเทศ ชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้าน ไปฉิบ
ก็ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านระหว่าง ไทย-กัมพูชา ทำท่าจะบานปลาย.....ระหว่าง นายกฯสมเด็จฮุนเซน ที่พูดถึงพฤติกรรมปากของ กษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ....ว่านายกฯกัมพูชามาจากการเลือกตั้ง ไม่ได้ไปปล้นอำนาจใครมา.....ส่งสัญญาณความไม่พอใจชัดเจน
แล้วการที่ นายกฯอภิสิทธิ์ ระบุว่า จะ ยึดหลักกฎหมาย ของบ้านเมืองในการดำเนินการทุกอย่าง พูดง่ายแต่ทำยาก.....เพราะการบังคับใช้กฎหมายถูกครหาว่า มีการเลือกข้าง จึงสายเกินไป ที่กฎหมายจะได้รับการยอมรับเมื่อ กฎกติกาถูกทำลาย ไปแล้วโดยสิ้นเชิง
ยกตัวอย่างที่ จาตุรนต์ ฉายแสง พูดเอาไว้กรณีการประชุมกันของ กลุ่มบุคคล 7 คน ที่บ้าน ปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา....กระทบถึงความเชื่อมั่นของ สถาบันตุลาการและองคมนตรี เพราะมีการอ้างถึงการลอบสังหารและการยึดอำนาจรัฐ.....จึงควรจะมีการตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมาชำระสะสางด้วยจึงจะเป็นธรรม
การออกมาตอบโต้จากทุกฝ่าย จึงเป็นการตอกย้ำ วิกฤติประเทศ และเร่งชนวนการเมืองไปถึงจุดแตกหักเร็วขึ้น.....โดยเฉพาะการแตกแยกในบ้านเมืองที่เกิดขึ้นจะเป็นการสูญเสีย ความเป็นปึกแผ่น ของประเทศครั้งรุนแรงที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
ไหนจะเกิดการสูญเสียของ พี่น้องทหารหาญ ไหนจะปัญหา เรื่องของดินแดน.....“อินทรีเหล็ก” พูดอย่างตรงไปตรงมา วันนั้น กษิต จะเอาเป็นเอาตายกับเรื่องของ เขาพระวิหาร.....จนเกิดรอยร้าวตามแนวชายแดน.....วันนี้ กษิต ภิรมย์ จะว่าอย่างไรในฐานะ รมว.ต่างประเทศของไทย ช่วยตอบทีเถอะ
ภาระตรงนี้ ไม่เฉพาะกระทรวงการต่างประเทศ แต่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.อ.วิบูลย์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่สอง.....โดยเฉพาะ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องตอบคำถามเรื่องนี้ให้ชัด กว่าการค้นหา สถานที่วีดิโอลิงค์ ของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร จริงมะ
สรุปสถานการณ์เศรษฐกิจจากตัวเลขสถิติแล้วน่าใจหาย กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรม ลดลงไปกว่าครึ่ง การนำเข้าเพื่อการผลิตก็ลดลงเกือบครึ่ง....ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ปัจจุบันไปจนถึงอีก 3 เดือนข้างหน้าคาดว่าจะต่ำกว่าร้อยละ 50...นายจ้างเจอสภาวะการขาดทุนเตรียม ขอลดส่งเงินสมทบ เข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ...หรืออาจจะของดด้วยซ้ำ.....แล้วเศรษฐกิจประเทศไทยจะอยู่กันอย่างไร
เฮ้อ การที่ กรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ก็ออกมาตอกย้ำ......นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเดินมาถูกทางแล้ว.....เตรียมกู้เงินชดเชย รายได้ 9 หมื่น 4 พันล้านบาท....ย้ำว่า ไม่ใช่ก้อนสุดท้าย ต้องมีการเพิ่มอีกแน่นอน.....หรือกู้เท่านั้นที่จะเป็นทางออกของวิกฤติ พับผ่า
“อินทรีเหล็ก”