ที่มา ไทยรัฐ
ความพยายามของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และแนวร่วมคนเสื้อแดง ที่ชุมนุมล้อมทำเนียบรัฐบาลมากว่าสัปดาห์ เพื่อกดดันให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยุบสภาจัดเลือกตั้งใหม่ รวมถึงโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ว่าอยู่เบื้องหลังการปฏิวัติล้มรัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 สร้างความไม่พอใจให้กับคนอีกหลายกลุ่ม กลายเป็นการเปิดศึกวิวาทะกับกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น
“ณัฐวุฒิ” สวนข้ามรุ่นโต้ “พิจิตร”
ต่อมาเมื่อช่วงเช้าวันที่ 4 เม.ย. ซึ่งเป็นการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงที่ทำเนียบฯ เข้าสู่วันที่ 9 ผู้สื่อข่าวราย งานว่า ยังคงเหลือผู้ชุมนุมค่อนข้างบางตา เนื่องจากคืนที่ผ่านมา มีพายุฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนักกระทั่งเวลา 10.00 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง แถลงถึงการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 8 เม.ย.ว่า จะเป็นการวางเดิมพันระหว่างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยโดยมีองค์พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข และระบบอมาตยาธิปไตย ที่มี พล.อ.เปรมคอยแทรกแซงในทุกกระบวนการ ขอเรียกร้องไปยังประชาชนทุกสีเสื้อทั่วประเทศให้พิจารณาว่าประเทศควรจะปกครองในระบอบใด การต่อต้านระบอบอมาตยาธิปไตยของคนเสื้อแดง ไม่ได้มีเป้าหมายที่จะกระทบสถาบันองคมนตรี โดยเฉพาะสถาบันเบื้องสูง คนเสื้อแดงไม่ได้มีแนวคิดดังกล่าวแต่อย่างใด แต่การออกมาแสดงความเห็นของ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี ที่พูดถึงการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่ามุ่งหมายโค่นล้มสถาบันเบื้องสูง ส่งผลกระทบกับการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ และคนเสื้อแดงเคลื่อนไหวไปในแนวทางเดียวกัน
ย้ำเสื้อแดงไม่คิดล้มเบื้องสูง
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ขอยืนยันว่าคนเสื้อแดงภาคภูมิใจที่ได้เกิดใต้ร่มพระบารมี ภูมิใจที่เกิดในแผ่นดินไทยมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นพ่อของแผ่นดิน มีสมเด็จพระราชินีและพระบรมวงศานุวงศ์ สถิตเป็นมิ่งมงคล แต่มีคนที่อยู่ใกล้ชิดกับสถาบันเบื้องสูงกลับใช้บทบาทเข้ามาแทรกแซงการเมือง จนส่งผลให้เกิดความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นการยึดอำนาจรัฐประหาร 19 ก.ย. ส่งผลให้พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระประมุข ในระบอบการปกครองแบบเผด็จการ คนเสื้อแดงจึงไม่ยอมรับ พล.อ. เปรม และ พล.อ.สุรยุทธ์ แต่ไม่ได้เกี่ยวเนื่องไป ถึงองคมนตรีท่านอื่นๆ ในฐานะที่ พล.อ.พิจิตร เป็นผู้ใหญ่ คนเสื้อแดงยินดีรับฟังคำพูด แต่ขอปฏิเสธโดยสิ้นเชิงว่าการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงไม่เกี่ยวกับการจ้องล้มสถาบันเบื้องสูง
เป็นผู้ใหญ่ควรเปิดใจกว้าง
แกนนำกลุ่มเสื้อแดง กล่าวอีกว่า อยากตั้งข้อสังเกตว่าทำไม พล.อ.พิจิตรจึงออกมากล่าวหาบุคคลอื่นด้วยข้อหาฉกาจฉกรรจ์ ต้องดูเจตนาว่าเป็นอย่างไร การจะกล่าวหาคนอื่นต้องมีหลักฐานข้อเท็จจริง และควรจะพิจารณาข้อเท็จจริงและเหตุผลของคนเสื้อแดงในการออกมาต่อต้าน ควรเปิดใจให้กว้าง เพื่อรับฟังข้อเท็จจริงว่าสิ่งที่คนเสื้อแดงพูดมีข้อเท็จจริงหรือไม่ พล.อ.เปรม เกี่ยวข้องกับการรัฐประหาร 19 ก.ย. หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ รู้ก่อนล่วงหน้าหรือไม่ ถ้าการเคลื่อนไหวนี้เป็นความจริง พล.อ.พิจิตรจะมีความคิดเห็นอย่างไร คนเสื้อแดงยืนยัน ว่าจะไม่เปิดเกมเพื่อตอบโต้สถาบันองคมนตรี แต่ต้องปกป้องสิทธิเพื่อไม่ให้ถูกใส่ร้าย เพราะเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ทั้งนี้ แกนนำคนเสื้อแดงยังกล่าวว่าช่วงนี้จะมุ่งเน้นทำความเข้าใจกับประชาชนใน กทม.และปริมณฑลด้วยการจัดรถปราศรัยสัญจรและแจกใบปลิวในย่านชุมนุมและย่านธุรกิจ เชิญชวนมาชุมนุมในวันที่ 8 เม.ย.นี้ พร้อมขู่ว่าหากมีการตั้งด่านสกัด ก็พร้อมแหก และร่วมปิดถนน ให้การจราจรเป็นอัมพาต
รับ 8 เม.ย.ไม่ม้วนเดียวจบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าการเคลื่อนไหวใหญ่วันที่ 8 เม.ย. ไม่ประสบความสำเร็จจะทำอย่างไร นายณัฐวุฒิตอบว่า ถ้าไม่สำเร็จก็จะต่อวันที่ 9-10 จะไม่ยุติจนกว่าจะสำเร็จ ส่วนจะกดดันอย่างไร ขึ้นอยู่กับสถานการณ์กำหนดล่วงหน้าไม่ได้ จะแก้เกมชั่วโมงต่อชั่วโมง คนเสื้อแดงจะเป็นกำลังหลักในการชุมนุม หากจะมี ส.ส.พรรคเพื่อไทย นำประชาชนมาร่วมชุมนุมด้วย ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าอับอาย ประชาชนควรจะชื่นใจที่มีนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยเดินนำหน้ามาโค่นล้มระบอบอำมาตยาธิปไตย การชุมนุมใหญ่ วันที่ 8 เม.ย. จะไม่เรียกว่าสงครามครั้งสุดท้าย ไม่ใช่ม้วนเดียวจบ แต่จะเป็นการเดิมพันระหว่างประชาธิปไตยกับอำมาตยาธิปไตย คนเสื้อแดงไม่ต้องการให้เกิดหยดเลือด แต่ต้องทำทุกทางให้ชนะ จะกดดันเข้มข้นแต่ไม่รุนแรง ไม่ใช้อาวุธ ไม่ยึดสถานที่ราชการ เป้าหมายอยู่ที่รัฐบาลต้องออก พล.อ.เปรม และ พล.อ.สุรยุทธ์ต้องยุติบทบาท ขอให้ติดตามอย่ากะพริบตา
แจง “ทักษิณ” แค่แนวร่วม
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะนำการชุมนุมใหญ่วันที่ 8 เม.ย.ด้วยหรือไม่ นายณัฐวุฒิตอบว่า อาจมีวีดิโอลิงค์ส่งเสียงมาให้ขวัญกำลังใจ แต่การควบคุมดูแลการเคลื่อนขบวนและประเมินสถานการณ์จะอยู่กับแกนนำบนเวที จะใช้โทรศัพท์บังคับบัญชาคนเป็นแสนคงไม่ได้ วันนั้นจะมีการใช้รถเป็นเวทีเคลื่อนที่ ถ้าคนมากก็จะยาวไปถึงบ้านสี่เสาเทเวศร์ ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่จะมีคนมีบารมีเป็นคนกลางเข้ามาเจรจา นายณัฐวุฒิตอบว่า พ.ต.ท. ทักษิณยืนยันไว้ชัดเจนว่าจะไม่มีการเจรจา จะไปเจรจาให้ระบอบประชาธิปไตยกับระบอบอำมาตยาธิปไตยอยู่ ร่วมกันไม่ได้ ประเทศต้องมีระบอบเดียว คือระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข แต่หากมีการเจรจาระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับคนที่มีบุญคุณกัน เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ต้องไม่เกี่ยวกับแนวทางการต่อสู้ของคนเสื้อแดง และสถานะของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นเพียงแนวร่วมหนึ่งของคนเสื้อแดงเท่านั้น
“พัลลภ” เตือนทหารอย่าใช้กำลัง
จากนั้นตลอดวันก็มีผู้เกี่ยวข้องทยอยออกมาให้ ความคิดเห็นถึงการนัดเคลื่อนไหวใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดง โดย พล.อ.พัลลภ ปินมณี อดีตรอง ผอ.รมน. ให้สัมภาษณ์ ผ่านรายการลับ ลวง พราง ทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 เมกะเฮิรตซ์ ถึงกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงจะชุมนุมใหญ่เพื่อล้มรัฐบาลในวันที่ 8 เม.ย. ว่า การเข้าสลายอะไรคงต้องใช้อาวุธ แต่จะสลายหรือไม่ต้องรอดูวันที่ 8 เม.ย.นี้ ผู้ชุมนุมจะเคลื่อนย้ายไปขนาดไหนก็ไม่รู้ แต่ทหารคงไม่ยอมให้กลุ่มเสื้อแดงบุกบ้านสี่เสาเทเวศร์ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ แต่ถ้าเขามีการใช้กำลังต่อผู้ชุมนุม ตนก็จะเดินทางไป หากมีการใช้อาวุธเมื่อไร คิดว่าจะแพ้ทันที เพราะประชาชนจะลุกขึ้นทั่วประเทศ ก็ไม่รู้ว่าเขาจะแรงอย่างที่เขาคุยหรือไม่ แต่ทราบว่า พล.อ. เปรมหนีไปอยู่ที่ จ.นครราชสีมาแล้ว ส่วนตัวเคารพ พล.อ. เปรม เพราะไม่มีอะไรกับท่าน เจอตามงานที่ไหน ท่านจะเดินเข้ามาทัก ไม่มีอะไรกัน
ผบ.ทบ.เชื่อชุมนุมใหญ่ไม่แรง
ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ก็กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ยังเชื่อมั่นว่าคนไทยมีสติพอที่จะคิด และเท่าที่โพลสำรวจออกมา คนไทยมีความเป็นห่วงสถานการณ์ 20 เปอร์เซ็นต์ และอีก 70 กว่าเปอร์เซ็นต์ไม่มีความกังวล อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อมั่นว่าคนไทยไม่ใช่ไม่มีความเห็นแตกต่าง แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานที่จะไม่สร้างความรุนแรงและกระทบต่อพื้นฐานทางเศรษฐกิจและชีวิตของประชาชนโดยรวม ซึ่งไม่น่าจะเกิดความรุนแรงมากนัก ส่วนการดูแลบ้านพักของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษนั้น เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจรับผิดชอบ ขณะนี้ยังไม่มีการประชุมรองรับสถานการณ์อะไร
ตำรวจพร้อมรับม็อบบุกบ้านป๋า
ด้านการเตรียมพรอมรับมือของตำรวจ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.กล่าวถึงการนัดชุมนุมใหญ่ ในวันที่ 8 เม.ย. ของกลุ่มเสื้อแดงว่า มีหน่วยงานที่ติดตามม็อบอยู่ ประเมินสถานการณ์ว่าอาจจะมีการเคลื่อนไหวไปชุมนุมบริเวณบ้านสี่เสาเทเวศร์ของ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. จัดเตรียมแผนเพื่อรองรับสถานการณ์การเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมและจัดกำลังดูแลความสงบเรียบร้อยภายในบ้านพักของ พล.อ.เปรม เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย และจะมีการประสานสนับสนุนกำลังทหารเข้ามาช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลความสงบเรียบร้อยและป้องกันไม่ให้ กลุ่มมือที่สามเข้ามาแทรกแซงสร้างสถานการณ์ ทำให้เกิดความรุนแรงขึ้น รวมทั้งให้ บช.น.ประสานแกนนำกลุ่ม นปข.เพื่อจัดเตรียมเส้นทางจราจร เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ชุมนุมและพี่น้องประชาชนที่ใช้เส้นทาง
ผบ.ตร.ยันไม่ทำร้ายประชาชน
ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำหน้าที่ดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ให้เกิดความรุนแรงและต้องปฏิบัติหน้าที่ให้อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ยืนยันว่าตำรวจทุกคนไม่ได้คิดและต้องการทำร้ายประชาชน ตลอดการชุมนุมที่ผ่านมาได้เน้นในเรื่องการหาข่าว เจรจาต่อรอง และทำตามกฎหมาย ผู้ที่มาชุมนุมต้องปฏิบัติตามกฎหมาย การดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุมทุกกลุ่ม ต้องทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน คงไม่มีปัญหาอะไรขอให้ทุกฝ่ายทำตามกฎหมาย นโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ใช้การเจรจา ห้ามปะทะ ไม่ใช้ความรุนแรง ใช้ความอดทนอดกลั้นมาตลอด
ไม่สรุปผลถอดยศ “ทักษิณ”
พล.ต.อ.พัชรวาท ยังกล่าวถึงคำสั่งถอดยศ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า เรื่องนี้เป็นขั้นตอนการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบรายละเอียดอกสารและระเบียบข้อกฎหมายจนกว่าจะครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ตามระเบียบข้อกฎหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งเป็นอำนาจของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จนเมื่อตรวจสอบรายละเอียดครบถ้วนจึงจะเสนอมาที่ ผบ.ตร. ซึ่งตอนนี้ไม่ได้มีเสนอเรื่องนี้เข้ามา เป็นเรื่องของข่าว แต่การตรวจสอบรายละเอียดเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ
เสื้อแดง ชม.ระดมไล่ “มาร์ค”
ขณะเดียวกัน จ.เชียงใหม่ ในช่วงเที่ยง ที่หน้าโรงแรมวโรรสแกรนด์พาเลซ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ได้ขึ้นเวทีปราศรัยระดมผู้คนชาวเสื้อแดงให้ออกไปรวมตัวที่สนามบิน จ.เชียงใหม่ เพื่อไล่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางมาถึงในช่วงบ่าย โดยกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ยังเตรียมของฝากจากชาวเชียงใหม่ จะไปมอบเพื่อเซอร์ไพรส์ให้กับนายกฯอีกด้วย ขณะที่ พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่ ระดมกำลังตำรวจจากอำเภอรอบนอก กว่า 300 นาย มาดูแลความเรียบร้อยที่สนามบิน จ.เชียงใหม่ ร่วมกับทหารอากาศจากกองบิน 41
นายกฯ ถึงเชียงใหม่ขึ้น ฮ.ไปทันที
กระทั่งช่วงบ่าย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกเดินทางจากกองการบินกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) ไปที่ จ.เชียงใหม่ โดยลงเครื่องบินที่ท่าอากาศยานจังหวัดเชียงใหม่ในเวลา 15.25 น. ก่อนขึ้นเฮลิคอปเตอร์เดินทางต่อไปยังสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง อ.ฝาง ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 กองร้อย สนธิกำลังกับทหารในพื้นที่ โดยมีการตั้งด่านตรวจตั้งแต่เชิงดอยเป็นระยะ อย่างไรก็ตาม ยังมีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณร้อยคน โดยสารรถกระบะร่วมสิบคัน พยายามขึ้นมาบนดอย แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ผ่าน โดยยื่นเงื่อนไขให้จอดรถทิ้งไว้เชิงดอยแล้วเดินเท้าไปแทน ซึ่งเป็นระยะทางร่วม 5 กิโลเมตร กลุ่มคนเสื้อแดงก็ยอมรับเงื่อนไขดังกล่าว ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์จะนอนค้างแรมที่ดอยอ่างขาง 1 คืน โดยมีกำหนดประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวงที่สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ในเวลา 10.00 น. วันที่ 5 เม.ย. ก่อนเดินทางกลับในช่วงบ่าย
กลุ่มรักป๋าออกโรงจวก นปช.
ในส่วนผู้ไม่เห็นด้วยกับที่กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงสายวันเดียวกัน ชมรมลูกป๋าเปรมโคราช และกลุ่มคนโคราชที่รักและเคารพ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ นำป้ายขนาดใหญ่ ซึ่งมีข้อความให้กำลังใจ พลเอกเปรมฯ เขียวข้อความว่า “ปกป้องคนดี เชิดชูสถาบัน ซื่อสัตย์ สุจริต เสียสละ จงรักภักดี เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน” มาติดไว้โดยรอบทั่วเมือง เช่น ประตูชุมพล หลังอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี, รั้ววัด, ตามสี่แยก, สามแยก และสถานที่ราชการ โดยข้อความเรียกร้องให้ชาวจังหวัดนครราชสีมา และประชาชนที่ผ่านไปมาลุกขึ้นมาช่วยกันปกป้อง พลเอกเปรม รวมถึงสถาบันของชาติ โดยเฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์ อีกทั้งยังมีข้อความบรรยายถึงคุณงามความดีของพลเอกเปรม อาทิ ซื่อสัตย์ สุจริต และจงรักภักดี เป็นต้น
พธม.โคราชให้กำลังใจป๋า
อีกด้านที่หน้าสหภาพแรงงานรถไฟ ถนนรถไฟ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา นายแพทย์ศุภผล เอี่ยมเมธาวี ประธานกลุ่มภาคีมวลชนคนโคราชรักษ์ประชาธิปไตย และแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯในจังหวัดนครราชสีมา รวมถึงกลุ่มสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย จังหวัดนครราชสีมา และกลุ่มคนโคราชรักป๋าเปรมชาวปักษ์ใต้ มารวมตัวกันกว่า 150 คน เดินขบวนไปมอบกระเช้าของขวัญและมาลัยให้กำลังใจ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่บ้านไร้กังวล หน้ากองบัญชาการช่วยรบที่ 2 (บชร.2) แต่เมื่อเดินทางไปถึงสามแยกสำนักงานชลประทาน ห่างจากบ้านไร้กังวลเพียง 500 เมตร ก็เจอกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง และตำรวจจากท้องที่ใกล้เคียงกว่า 100 นาย พร้อมโล่ และแผงเหล็กมาวางปิดกั้นถนนสี่เลนสองฝัง ไม่ยอมให้กลุ่มมวลชนคนเสื้อเหลืองหลุดลอดผ่านไปยื่นหนังสือได้ ซึ่งเมื่อไม่ สามารถผ่านได้ กลุ่มเสื้อเหลืองก็ถอยกลับ
จี้ทหารตำรวจจัดการ “ทักษิณ”
ทั้งนี้ นายแพทย์ศุภผลได้ออกมาเรียกร้องให้ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ทหารและตำรวจ รับผิดชอบในการรักษารัฐธรรมนูญและกฎหมาย และดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมทั้งแกนนำกลุ่ม นปช. ที่กล่าวพาดพิงสถาบันองคมนตรี ซึ่งถือว่าเป็นสถาบันชั้นสูงของประเทศ รวมทั้งยังปลุกระดมปลุกปั˜นให้ประชาชนกระทำผิดกฎหมาย คิดล้มล้างการปกครองของแผ่นดิน ซึ่งถือว่าเป็นภัยร้ายแรงต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หาใช่เป็นเพียงการต่อสู้ทางการเมืองที่ต้องอาศัยการเมืองแก้ไขเท่านั้น
ปลุกมวลชนลุกต้านเสื้อแดง
แกนนำพันธมิตรฯยังประเมินสถานการณ์ด้วย ว่า มีแนวโน้มที่จะเกิดความรุนแรงถึงขั้นสงครามกลาง เมืองดังที่แกนนำเสื้อแดงประกาศเอาไว้ ดังนั้น สมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย จึงเรียกร้องให้มวลสมาชิกสมัชชาฯ ทั่วประเทศออกมาเคลื่อนไหวพร้อมกันเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลปกครองทั่วประเทศ และเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดตามมาตรา 157 ของ ป.กฎหมายอาญา ฐานที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยคาดว่าในสัปดาห์นี้จะเริ่มดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลปกครองและแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องพร้อมกันทั่วประเทศ และในเย็นวันเดียวกันนี้ ก็ตั้งเวทีปราศรัยตอบโต้การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในจังหวัดนครราชสีมา ที่โจมตี พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ อย่างต่อเนื่อง
ป๋ายิ้มแย้มคนแห่ให้กำลังใจ
ต่อมาเวลา 12.00 น. ที่บ้านไร้กังวลฯ พล.ท.โสภณ ดิษแย้ม แม่ทัพน้อยที่ 2 และคณะนายทหารกองทัพภาคที่ 2 ได้เข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ จากนั้น พล.อ.เปรมได้เดินทางออกจากบ้านพัก บ้านไร้กังวล ไปยังห้างเดอะมอลล์ โคราช เพื่อรับประทานอาหารกลางวัน โดยมี พล.ท.โสภณ ดิษแย้ม แม่ทัพน้อยที่ 2, พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผบช.ภ. 3 , นายประจักษ์ สุวรรณภักดี ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ และนายปรีชา ลิ้มอั่ว ผจก.ทั่วไปเดอะมอลล์ ให้การต้อนรับและร่วมรับประทานอาหารร่วมกัน ซึ่งมีนักธุรกิจได้มอบพวงมาลัยดอกมะลิสดให้กับ พล.อ.เปรม เพื่อเป็นกำลังใจ โดย พล.อ.เปรมกล่าวเพียงสั้นๆ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสว่า ขอบใจ ไม่มีอะไรมาก และกล่าวทักทายพนักงานห้าง พนักงานขายสินค้า และประชาชนทั่วไปอย่างอารมณ์ดี ซึ่งหลังจากทานอาหารเสร็จก็เดินทางกลับบ้านสี่เสาเทเวศร์ กทม.
ระดมคนใส่สีฟ้าไปบ้านสี่เสาฯ
วันเดียวกัน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า ในสมัยที่ นปก.ไปชุมนุมประท้วงที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ตนได้รวมคนพลังเงียบไปให้กำลังใจ พล.อ.เปรมมาแล้ว ครั้งนี้ก็มีคนสอบถามว่าจะไม่ทำอะไรกันเลยหรือ จึงตัดสินใจที่จะเดินทางไปที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ในช่วงเย็นวันที่ 7 เม.ย.เพื่อปกป้องสถาบันองคมนตรี ไม่ได้ปกป้องที่ตัวบุคคล ขอเชิญชวนพลังเงียบที่จงรักภักดีต่อสถาบันองคมนตรีและสถาบันพระมหากษัตริย์มาร่วมชุมนุมในครั้งนี้ด้วย คงจะมีประมาณ 400-500 คน ผู้ที่จะมาร่วมขอให้ใช้สีฟ้าเป็นสัญลักษณ์ ส่วนจะปักหลักชุมนุมถึงวันที่ 8 เม.ย. ที่ตรงกับคนเสื้อแดงจะเคลื่อนมาที่บ้านสี่เสาเทเวศร์หรือไม่ ต้องดูสถานการณ์ก่อน
“สาทิตย์” ทำงงคำพูด “ทักษิณ”
ขณะที่นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานมอบทุนการศึกษาของสมาคมชาวตรัง ที่ห้องประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ศูนย์ตรัง ถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงนัดรวมพลครั้งใหญ่วันที่ 8 เม.ย.นี้ ว่า การชุมนุมกันของประชาชนนั้นเป็นสิทธิที่ทำได้ เพียงแต่สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดคำที่ยังเป็นปริศนาว่าปฏิวัติโดยประชาชน จะให้ยิ่งใหญ่กว่า 14 ต.ค. หรือพฤษภาทมิฬ นั้นหมายความว่าอย่างไร กับคำว่าล้มระบอบอำมาตยาธิปไตยเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย หมายความว่าอย่างไร เพราะฉะนั้นสิ่งที่ท่านต้องการโค่นล้มคืออะไรกันแน่ ไม่เฉพาะประชาชนทั่วไปที่ไม่เข้าใจ แต่ตนเชื่อว่าคนเสื้อแดงจำนวนมาก ยังไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่ พ.ต.ท.ทักษิณออกมาพูดแท้จริงแล้วต้องการต่อสู้เพื่อตัวเอง และต้องการกลบเกลื่อนสิ่งที่ตัวเองทำผิด อีกทั้งยังเป็นนักโทษที่หลบหนีคดี โดยเอาประชาชนและประเทศไทยมาเป็นตัวประกันหรือไม่
มั่นใจรัฐบาลตามเกมทัน
นายสาทิตย์กล่าวต่อไปว่า สำหรับหน้าที่ของรัฐบาลนั้นมีอยู่ 2 ประการ คือ ดูแลสถานการณ์ไม่ให้ลุกลามบานปลาย ซึ่งจะส่งผลต่อวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศได้ ประการที่ 2 คือการให้ข้อมูลข้อเท็จจริงว่าประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย มีพระมหากษัตริย์ เป็นประมุข เราไม่ได้ปกครองด้วยระบอบอื่นเลย ซึ่งเป็นประชาธิปไตยที่ พ.ต.ท.ทักษิณเองก็เคยได้อำนาจมาเช่นกัน ตนจึงอยากให้ความมั่นใจกับประชาชนว่า รัฐบาลเข้าใจสถานการณ์ ข้อเรียกร้องต่างๆ และตามทันต่อการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ และเราต้องการให้บ้านเมืองสงบเดินหน้าได้อย่างที่คนทั่วไปต้องการ และเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะยังคงผ่านวันที่ 8 ไปได้ โดยที่ไม่มีการสูญเสียเลือดเนื้อ
ดักคอม็อบบุกยึดทำเนียบฯ
ส่วนนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการดูแลรักษาทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 8 เม.ย. ที่ว่าทั้งตำรวจและทหารจะไม่ให้มีใครพกปืนเป็นอันขาด จะให้มีเพียงโล่ กระบอง แก๊สน้ำตา และปืนฉีดน้ำเท่านั้น เพื่อไม่ให้มีการนำไปกล่าวอ้างในกรณีหากเกิดเหตุการณ์ รุนแรงขึ้น ขอยืนยันว่าถ้ามีกระสุนนัดแรกดังขึ้นจะต้องไม่ได้มาจากรัฐบาลอย่างแน่นอน ทั้งนี้ รัฐบาลจะพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า การไปประชุม ครม.สัญจรที่พัทยา ในวันที่ 7 เม.ย.นี้ก็เป็นส่วนหนึ่งมาตรการไม่ให้ผู้ชุมนุมรู้สึกว่าถูกกดดัน โดยขณะนี้ฝ่ายความมั่นคงกำลังประเมินแนวทางการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงว่าจะไปที่ใดบ้าง แต่ยอมรับว่าอาจมีการบุกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลก็ได้
ห่วงมือที่สามจ้องก่อกวน
เมื่อถามว่า ประเมินว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงในวันที่ 8 เม.ย. จะลุกลามบานปลายเหมือนเหตุการณ์ 14 ต.ค. 2516 หรือเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 หรือไม่ นายปณิธานตอบว่า ไม่น่าจะเหมือน เพราะเงื่อนไขแตกต่างกัน เหตุการณ์ในขณะนั้น เป็นรัฐบาลเผด็จการทหาร ส่วนรัฐบาลชุดนี้มาตามระบอบประชาธิปไตย นายกฯได้รับการเลือกในสภาผู้แทนราษฎร อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะไม่ ประมาท เนื่องจากเป็นห่วงว่ามือที่สามจะเข้ามาก่อความวุ่นวายจนเป็นชนวนให้เหตุการณ์ลุกลามบานปลาย ซึ่งต้องจับตาบุคคลเหล่านั้นเป็นพิเศษ และจะต้องดูแลความปลอดภัยให้คนเสื้อแดงเป็นพิเศษ
“มนัส” วอนปกป้องสถาบัน
พล.ต.อ.มนัส ครุฑไชยยันต์ อดีต รอง อ.ตร. กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นนายตำรวจแก่ที่รักและเห็นแก่บ้านเมืองอยากขอร้องท่าน ผบ.เหล่าทัพทั้งหลายทำหน้าที่ปกป้องดูแลบ้านเมืองและรักษาสถาบันเอาไว้ให้ได้ตามอำนาจหน้าที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะอย่างยิ่งขอให้สงสารพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านรักห่วงใยพวกเราคนไทยอย่างมากที่สุด ขออย่าให้พระองค์ท่านต้องทรงเสียพระทัยที่เห็นพี่น้องคนไทยด้วยกันมีความคิดที่แตกแยกกันเองและทำให้บ้านเมืองได้รับความเสียหาย ทั้งที่พระองค์ท่านได้อุทิศพระวรกายซึ่งผู้นำเหล่าทัพต้องร่วมมือกันปกป้องรักษาชาติบ้านเมืองเอาไว้ให้ได้ความเหนื่อยยากตลอดชีวิตในการพัฒนาประเทศชาติบ้านเมืองของไทยเราจนได้เจริญรุ่งเรืองมาจนถึงปัจจุบันนี้ อย่าปล่อยให้ประเทศเสียหาย เพราะมีผู้ที่คิดทำขนาดที่จะแบ่งแยกแผ่นดินของประเทศไทยออกเป็น 4 ภาค เป็นเรื่องที่มีความพยายามให้เกิดขึ้นเป็นที่ทราบกันมานาน พวกท่านทั้งหลายที่ยังไม่ทราบควรจะได้ทราบ และร่วมมือกันปกป้องรักษาชาติบ้านเมืองเอาไว้ให้ได้
รวบหนุ่มเสพยาบ้าในม็อบ
ต่อมาเวลา 14.30 น. ที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล ด้านคลองผดุงกรุงเกษม การ์ดกลุ่มเสื้อแดงได้จับตัวนายอาทิตย์ ลาช้อน อายุ 24 ปี ชาวมหาสารคาม ส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีผู้เข้าร่วมชุมนุมได้แจ้งว่าพบกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยว่าจะเข้ามาขายยาบ้าในกลุ่มผู้ชุมนุม ทำให้การ์ดได้เฝ้าระวังและจับตาพฤติกรรมของกลุ่มบุคคลต้องสงสัย ซึ่งจากการเฝ้าติดตามพฤติกรรมเป็นเวลา 3 วัน การ์ดกลุ่มคนเสื้อแดงจึงเข้าจับกุมนายอาทิตย์ได้ ในขณะที่กำลังจะเข้ารถสุขาเคลื่อนที่ บริเวณหน้าประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล เมื่อค้นตัวก็พบยา ลักษณะเม็ดกลมสีส้มจำนวน 2 เม็ดครึ่ง และแคปซูลสีส้มดำ จำนวน 3 เม็ด รวมอยู่ในถุงใสพลาสติก จึงได้นำตัวส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนต่อ โดยระหว่างที่นายอาทิตย์ถูกจับกุม ได้สวมเสื้อยืดสีขาวที่หน้าอกสกรีนสัญลักษณ์โรงเรียนนายร้อย จปร. ผูกผ้าพันคอสีแดง จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายอาทิตย์รับสารภาพว่า มีไว้เสพเองไม่ได้จำหน่าย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณทำเนียบรัฐบาลได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ จาก สน.ดุสิต นำตัวไปดำเนินคดีต่อไป อย่างไรก็ตาม แคปซูลยาที่มีผงสีขาวที่พบพร้อมกับยาบ้า ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นยาเสพติดด้วยหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบพิสูจน์ต่อไป
“ตู่” โต้แทน “แม้ว” ไม่อยู่เขมร
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงหลังจากนั้นก็เจออุปสรรคจากฝนที่เทกระหน่ำลงมา ทำให้ผู้ชุมนุมบางส่วนเปียกปอน และเดินทางกลับ ส่งผลให้เหลือผู้ชุมนุมอยู่ไม่มากนัก แต่เมื่อถึงเวลา 17.00 น. ผู้ชุมนุมจึงทยอยกลับมาหนาแน่นขึ้น และนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง ได้เปิดแถลงข่าวกรณี พ.ต.ท.ทักษิณถูกสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหาว่าเข้าไปพำนักอยู่ที่ประเทศกัมพูชา ระหว่างที่เกิดการปะทะกันบริเวณชายแดน โดยนายจตุพรกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า เป็นความเท็จร้อยเปอร์เซ็นต์ ทั้งยังเรียกร้องให้แสดงหลักฐานที่กล่าวหา นอกจากนี้ ยังระบุว่าเหตุปะทะบริเวณพรมแดนไทยกัมพูชานั้นเคยอภิปรายไม่ไว้ วางใจนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เพราะเกิดขึ้นมานานตั้งแต่ต้นปี 2552 กองกำลังสุรนารีเคยทำหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศถึง 8 ครั้ง เพื่อขอให้ประท้วงไปยังกัมพูชาเรื่องการล้ำดินแดน แต่กระทรวงการต่างประเทศเมินเฉย เพราะกลัวกระทบความสัมพันธ์ จึงรอให้การประชุมอาเซียนซัมมิตจบก่อน ดังนั้นกว่าจะทำหนังสือไปประท้วงถึงกัมพูชา ก็ทำให้มีการรุกล้ำดินแดนมาแล้วกว่า 250 เมตร มีการตัดถนนเข้ามาในเขตแดนไทย
จวก “มาร์ค” ทำไทยเสียดินแดน
“ดังนั้น นายอภิสิทธิ์ จึงเป็นนายกฯ คนแรกที่ทำให้เสียดินแดน หลังจากที่เราเสียเอกราชไปในปี พ.ศ. 2505 วันนี้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ใกล้ที่จะจนมุมคนเสื้อแดงจึงพยายามจะปลุกกระแสชาตินิยมขึ้นมา โดยกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า อยู่ในประเทศกัมพูชาระหว่างที่เกิดปะทะ ทั้งที่อดีตนายกฯอยู่ไกลจากประเทศไทยหลายร้อย กม.และสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะแทนที่แม่ทัพภาคที่ 2 จะเอาเวลาไปเยี่ยมทหารที่อยู่ชายแดน กลับไปต้อนรับ พล.อ.เปรมที่บ้านไร้กังวล” นายจตุพรกล่าวอย่างมีอารมณ์
ตอกกลับ “บิ๊กเสือ” ทุกถ้อยคำ
จากนั้นนายจตุพรได้ตอบโต้แทน พ.ต.ท.ทักษิณ กรณี พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี ที่ออกมาสัมภาษณ์ว่า อดีตนายกฯโฟนอินเป็นการทำลายสถาบัน โดยระบุว่าองคมนตรี พูดแบบกามิกาเซ่ใส่อดีตนายกฯ อยากถาม พล.อ. พิจิตรกลับไปว่า ตอนนี้มีองคมนตรีคนหนึ่งที่เป็นอัลไซเมอร์ นั่งกินไวน์อยู่ก็ถึงกับปัสสาวะรถกางเกงตัวเอง ท่านรู้จักองคมนตรีผู้นี้หรือไม่ เพราะเท่าที่ดูจากการให้สัมภาษณ์ ของ พล.อ.พิจิตร ก็เห็นว่ามีการถามนำตลอด และท่านก็ไม่อยู่ในสภาพที่จะช่วยตัวเอง เรื่องที่พูดจึงเป็นความเท็จ ส่วนเรื่องข้อกล่าวหาต่างๆ อาทิ เรื่องการทำบุญประเทศที่ พ.ต.ท.ทักษิณใช้โบสถ์วัดพระแก้วทำบุญนั้น มีหลักฐานชัดว่าสำนักราชเลขาฯอนุมัติ เรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณเคยพูดว่า ถ้าในหลวงกระซิบข้างหูจะลาออก เรื่องนี้อดีตนายกฯก็พูดสมัยที่ยังดำรงตำแหน่งนายกฯอยู่ ที่บอกว่าจะล้มล้างสถาบัน สงสัยว่าท่านองคมนตรีไม่เคยฟัง ผบช.น.ที่ออกมาแถลงตลอดว่าการโฟนอินนั้นไม่มีเรื่องหมิ่นสถาบัน ส่วนเรื่องเงินที่เกาะเคย์แมนนั้น ก็เป็นเรื่องของทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นเพราะการเติบโตของหุ้นทั้งประเทศ
กร้าวถึงขั้นไล่ให้ลาออก
“แล้วกรณีที่ท่านองคมนตรีเคยเป็นประธานสอบกรณีสลายการชุมนุมสมัยพฤษภาทมิฬ แต่ปิดบังผลสอบสวนไว้ จนกระทั่ง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้เป็น ผบ.ทบ.จะตอบว่าอย่างไร วันนี้ถ้าองคมนตรีทำตัวเป็นคนพูดเท็จใส่ร้ายผู้อื่น ก็ไม่สมควรอยู่ในตำแหน่งนี้ให้เกิดความระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท วันนี้ท่านควรไปพักได้แล้ว เรื่องนี้จากที่ได้คุยกับอดีตนายกฯ ได้บอกกับตนว่าไม่อยากจะตอบโต้” แกนนำเสื้อแดงกล่าว ก่อนจะย้ำอีกว่า ในวันที่ 8 เม.ย.นี้ ซึ่งจะมีการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดง ขอให้ประชาชนที่มาร่วมเตรียมตัวไว้ให้ดี เพราะบางคนอาจจะต้องหยุดงานมา ก็ขอให้เป็นวันหยุดเพื่อประชาธิปไตยและเพื่อโค่นล้มระบอบอมาตยาธิปไตย ขอให้มาเสียสละร่วมกันจะได้เหนื่อยไม่กี่ครั้ง และจะได้ปิดบัญชีก่อนสงกรานต์ไปเลย
“แม้ว” โฟนอินปลุกคนอุดรฯเข้ากรุง
จากนั้นเวลา 20.40 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โฟนอินเข้ามายังเวทีปราศรัยของชมรมคนรักอุดร ที่มีนายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำชมรมคนรักอุดร จัดงานครบรอบ 3 ปีการก่อตั้งสถานีวิทยุชุมชนคนรักอุดร ที่บริเวณลานหน้าสถานีวิทยุฯ บ้านหนองเหล็ก ซอย 9 อ.เมือง จ.อุดรธานี ซึ่งมีคนเสื้อแดงมาร่วมงานจำนวนมาก พร้อมกันนี้ยังมี ส.ส.เพื่อไทย อุดรธานี นพ.เหวง โตจิราการ และนายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย แกนนำนปช.ร่วมเวทีพร้อมหน้า โดย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวหยอดคำหวานดีใจที่เห็นคนอุดรฯ ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย พร้อมกันนี้ก็กล่าวปลุกระดมว่าวันที่ 8 เม.ย. ให้คนออกมารวมตัวกันที่ถนนราชดำเนิน ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ซึ่งแกนนำเสื้อแดงอุดรฯได้กล่าวตอบ พ.ต.ท.ทักษิณว่า คนอุดรฯจะไป 50 คันรถ จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ปลุกระดมอีกว่า ถ้าไม่มากรุงเทพฯก็ให้ไปรวมตัวที่ศาลากลางจังหวัด และรู้สึกภูมิใจพี่น้องคนอุดรฯ และขอให้อดทนอีกนิดแล้วประชาชนชาวอุดรฯจะเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ครั้งนี้ ในการสร้างประชาธิปไตย และวันที่ 8 เม.ย.นี้ จะเป็นการส่งสัญญาณให้ชัดเจนว่าหากยังทำการเมืองแบบนี้ ไม่ทำการเมืองเพื่อประชาชน เราก็รับไม่ได้อีกแล้ว และรับปากว่าหากประเทศเป็นประชาธิปไตยแล้ว จะทำให้อุดรฯเจริญกว่านี้ให้ได้พร้อมกันนี้อดีตนายกฯยังกล่าวปลุกเร้าผู้มาร่วมชุมนุมด้วยว่า ที่ผ่านมาเราถูกหลอกว่าเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงมาสองครั้งแล้ว และยังว่าถึงการเลือกตั้งก็จะเอาตังค์ซื้อแล้วก็ไปหาตังค์อย่างเดียว
ย้ำ “มาร์ค” คิดผิดตั้ง “กษิต”
นอกจากนี้ พิธีกรบนเวทียังถามถึงจะทำอย่างไรถึงจะขับไล่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ซึ่ง พ.ต.ท. ทักษิณกล่าวสวนกลับมาทันทีว่า “คนมันบ้า” นายกฯ ตั้งคนบ้าเป็น รมว.ต่างประเทศ คนเป็นทูตต้องมีความเป็นผู้ดี หากไม่นิ่มนวลไปเจรจากับใครก็เจ๊ง ซึ่งขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวถึงนายกษิตนั้น ก็เรียกเสียงเฮจากผู้มาฟังปราศรัยดังกึกก้อง
“แม้ว” ส่งเสียงที่มหาสารคาม
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านั้น ที่บริเวณสนามที่ว่าการอำเภอเมืองมหาสารคาม กลุ่มม็อบเสื้อแดง ราว 500 คน นำโดยนายสุรจิตร ยนต์ตระกูล ส.ส.เพื่อไทย มหาสารคาม และนายสุทิน คลังแสง อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย มหาสารคาม ที่ถูกคดียุบพรรคพลังประชาชน ถูกตัดสิทธิ 5 ปี มาเปิดเวทีอภิปรายโจมตีการทำงานของรัฐบาล และพันธมิตรฯ ซึ่งในเวลา 20.00 น.ได้มีการโทรศัพท์ติดต่อกับ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งส่งเสียงตามสาย หรือโฟนอิน เข้ามาอ้อนชาวจังหวัดมหาสารคามว่าถูกพวกไม่หวังดีมุ่งทำลายและเปรียบเทียบว่าคนเสื้อเหลือง ทำอะไรก็ไม่ผิด แต่คนเสื้อแดง ทำอะไรก็ผิดไปหมด จากนั้นได้พูดฝากฝัง ส.ส.พรรคเพื่อไทย มหาสารคาม ทุกคน แต่อย่าไปเลือกพวกที่ทรยศ พรรคที่หันไปเข้าข้างรัฐบาลอภิสิทธิ์ และกล่าวตอบนายสุทิน คลังแสง ที่ถามเรื่องสุขภาพและความเป็นอยู่ว่า ยังแข็งแรง พร้อมที่กลับมาบริหารประเทศอีก และยืนยันว่าตอนนี้อยู่ในที่ปลอดภัยดี ซึ่งหลังโฟนอินเข้ามาราว 10 นาทีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณก็ได้กล่าวปิดท้ายด้วยการเชิญชวนกลุ่มม็อบเสื้อแดง มหาสารคาม เข้าชุมนุมในวันที่ 8 เมษายนนี้ให้มากๆ เพื่อขับไล่พวกอำมาตย์ที่ชอบมายุ่งกับการเมืองให้หมดไป
ขู่จะหาช่องฟ้อง “บิ๊กเสือ”
ขณะที่บรรยากาศที่เวทีทำเนียบรัฐบาล การชุมนุมยิ่งคึกคักขึ้น โดยเหล่าแกนนำคนเสื้อแดงทยอยขึ้นเวทีปราศรัยโจมตีรัฐบาลและองค์มนตรี และเนื้อหาเริ่มเน้นไปที่ การกล่าวโจมตี พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี ทั้งนี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ยังได้ขึ้นเวทีนำข้อความการให้ สัมภาษณ์ของ พล.อ.พิจิตร มาโต้โดยแก้ข้อกล่าวหาให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ทีละข้อๆ นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า ทางฝ่ายกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังหาทางดำเนินคดีกับ พล.อ.พิจิตร เนื่องจากกล่าวหาอดีตนายกฯ โดยไม่มีหลักฐาน
งดจ้อ กทม.กะรวบยอด
ขณะเดียวกัน หลังจากที่มีการยืนยันแน่นอนแล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โฟนอินเข้ามาหากลุ่มเสื้อแดงที่ จ.มหาสารคาม และ จ.อุดรธานี แต่ที่เวทีทำเนียบรัฐบาล กลับไร้เสียงของอดีตนายกฯ และไม่มีการเชื่อมต่อสัญญาณตามที่มีการประกาศไว้ มีเพียงผู้ปราศรัยบนเวทีคือนายจตุพร ที่ประกาศกร้าวต่อผู้ชุมนุมว่า ไม่เกิน 1 ทุ่มของวันที่ 8 คนเสื้อแดงจะเช็กบิล ดังนั้นอย่ามัวอยู่แต่ที่บ้าน ถนนทุกสายจะมุ่งหน้าสู่ราชดำเนิน ทำเนียบฯ บ้านสี่เสาฯ ไม่สู้ครั้งนี้ไม่มีโอกาสชนะแล้ว นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะโค่นอมาตยาธิปไตย สู้จนชนะไม่ชนะไม่กลับ และในเวลา 21.00 น. นายจตุพร เผยหลังการปราศรัยว่า การงดวีดิโอลิงค์ของ พ.ต.ท. ทักษิณ ในวันนี้เนื่องจากอดีตนายกฯ ต้องการที่จะเก็บข้อมูลของฝ่ายต่างๆ ที่กล่าวถึง พ.ต.ท.ทักษิณ เช่น กรณี พล.อ.พิจิตร รวมทั้งกรณีปัญหาชายแดนระหว่างไทยกัมพูชาด้วย จึงของดวีดิโอลิงค์ แล้วรวบยอดไปปราศรัยทางวีดิโอลิงค์ในวันที่ 5 เม.ย.ทีเดียว