ที่มา ประชาไท
การเมือง – สังคม |
“นายกฯ”มั่นใจสัมมนาปชป.ทำให้บรรยากาศในพรรคดีขึ้น
เว็บไซต์คมชัดลึก - “นายกฯ”มั่นใจสัมมนาปชป.ที่สมุยจะให้บรรยากาศในพรรคดีขึ้น ระบุ “น้องเนวิน” ร่วมงานวันเกิดส.ส.ไม่มีอะไร อย่าคิดมาก แกนนำพันธมิตรฯเตรียมเปิดตัวมูลนิธิแรงงานสมศักดิ์ โกศัยสุข
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสนามบินนานชาติเกาะสมุยว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมสัมมนา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ระหว่างวันที่ 22 - 24 พ.ค. ที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ว่า หลังจากมีการพูดคุยกับสมาชิกพรรค เพื่อปรับความเข้าใจกันแล้ว จะทำให้บรรยากาศภายในพรรคดีขึ้น
ส่วนกรณีที่มีข่าวออกมาว่ามีส.ส.ของพรรคไปร่วมกินข้าวที่ร้านนางกวัก และมีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ น้องชายนายเนวิน ชิดชอบ ก็เป็นการไปงานเลี้ยงวันเกิดของส.ส.ในพรรค ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีอะไร เป็นการมาร่วมงานเลี้ยงของคนที่รู้จักกันเท่านั้น
แกนนำพันธมิตรฯเตรียมเปิดตัวมูลนิธิแรงงานสมศักดิ์ โกศัยสุข
แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดยนายสมศักดิ์ โกศัยสุข ได้เปิดตัวมูลนิธิแรงงานสมศักดิ์ โกศัยสุข ในวันพรุ่งนี้ (23 พ.ค.) เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 2 สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งภายในงานได้จัดกิจกรรมปราศรัย แบ่งปันความคิด อุดมการณ์ แนวทางการจัดการ และกำลังใจแก่การทำงานของมูลนิธิ การร่วมแสดงความยินดีจากเพื่อนผู้นำแรงงานสากล ผู้นำแรงงานจากนิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ และบรรดาแกนนำพันธมิตรฯ อาทิ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย รวมทั้งนักวิชาการ
นอกจากนี้ ยังมีการแสดงจากศิลปิน อาทิ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ หงา คาราวาน และตั้ว ศรัณยู รวมทั้งยังมีการออกร้านจำหน่ายจากบรรดาพ่อยกแม่ยกกว่า 20 ร้านด้วย
"อนุฯปฏิรูปฯ"เล็งเสนอรบ.ตั้งองค์กรปฏิรูปฯระยะยาว
นายประเสริฐ ชิตพงศ์ ส.ว.สงขลา ประธานคณะอนุกรรมการศึกษาเพื่อการปฏิรูปการเมือง กล่าวถึงวคามคืบหน้าในการทำงานว่า คณะอนุกรรมการฯได้วางกรอบการพิจารณาไว้ 4 กรอบใหญ่ ได้แก่ 1.โครงสร้างทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง ตามรัฐธรรมนูญ 2.โครงสร้างวิถีวัฒนธรรมประชาธิปไตย 3.หลักการบังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปตามหลักนิติรัฐ และนิติธรรม
4.การมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะส่วนร่วมจากภาคประชาชน ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นการศึกษาเพื่อวางแนวทางการปฏิรูปการเมือง และสังคมไทยสำหรับอนาคต เพื่อปลูกจิตสำนึกของประชาชน สังคม และโดยเฉพาะตัวนักการเมืองเองให้มีจิตสำนึกความรับผิดชอบด้านประชาธิปไตย เพราะวันนี้เราใช้ประชาธิปไตยตามชาติตะวันตกแต่กระพี้ ไม่ได้เข้าถึงแก่น เลยมีแต่ความเห็นแก่ได้ ซึ่งกรอบเวลา 45 วัน อาจทำไม่เสร็จ ทางคณะอนุกรรมการฯจะมีข้อเสนอแนบท้ายไปยังรัฐบาล ให้ตั้งองค์กรขึ้นมาองค์กรหนึ่งที่เป็นกลาง โดยมีตัวแทนจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคประชาชน อาจเป็นสภาปฏิรูป หรือสภาพัฒนาประชาธิปไตย เพื่อดำเนินการปฏิรูปการเมืองและสังคมให้สำเร็จเป็นรูปธรรมจริง
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า วันนี้แทนที่เราจะให้ความสำคัญกับส่วนหัวอย่าง เรื่องการสร้างความสมานฉันท์ เพื่อนำไปสู่การปฏิรูป แล้วค่อยนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เรากลับไปร่วมกระดิกหางก่อนหัว เน้นแต่เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ตามที่นักการเมืองบอกต้องแก้เพราะเขาเดือดร้อน ธงทั้ง 3 ธงนี้ จึงโดนบีบจากนักการเมืองที่เป็นกระแสค่อนข้างแรง
เมื่อถามว่าหากขวางไม่ให้แก้รัฐธรรมนูญไม่ได้จริงๆ จะทำอย่างไรไม่ให้กระบวนการเสียไปทั้งหมด นายประเสริฐ กล่าวว่า เมื่อหัวต้องกระดิกตามหาง เราก็ต้องพยายามควบคุมไม่ให้มันเป๋ไปทั้งตัว โดยเฉพาะสื่อที่ต้องช่วยกันดู เพราะคนพวกนี้กลัวสื่อ อย่างนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ที่ช่วงแรกมีการเสนอความเห็นค่อนข้างแรง แต่เมื่อโดนจับตาจากสื่อหนักเข้าก็ต้องนิ่ง อย่างไรก็ตามในการทำงานช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของคณะกรรมการฯชุดใหญ่ จะพยายามออกมาสื่อสารกับสื่อมวลชน เราต้องช่วยกันกดอย่าให้หางกระดิกมากนัก
รมช.มท.รับ 130 คนไทยกลับบ้านเกิดแล้ว พร้อมได้สมาชิกเพิ่มอีก 2 ยัน ได้สัญชาติไทยเหมือนเดิม
เว็บไซต์แนวหน้า - นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่แรงงานไทย จำนวน 130 คน จากหมู่บ้านตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ที่อพยพไปอยู่ประเทศมาเลเซียตั้งแต่ปี 2547 สมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางกลับภูมิลำเนามาเรียบร้อยแล้ว โดยมีคนไทยเพิ่มขึ้น 2 คน ที่ไปเกิดที่ประเทศมาเลเซีย แต่ยังคงใช้สัญชาติไทยอยู่ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณในระดับหนึ่งว่า เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นชายแดนใต้คลี่คลายลงในระดับหนึ่งแล้ว นอกจากนี้ ยังได้ประเมินว่ายังมีแรงงานไทยที่ไปทำงานที่ประเทศมาเลเซียประมาณ 2 แสนคน
รองนายกฯ สนั่นยันพรรคชาติไทยพัฒนายังไม่ปรับ รมต.ของพรรค
พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรีเผยไม่ได้พูดคุยเรื่องปรับ ครม. กับนายกรัฐมนตรี ยันพรรคชาติไทยพัฒนายังไม่มีการปรับ
พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่า เป็นเรื่องปกติ มีงานอะไรก็รายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบ สำหรับการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนานั้น ในขณะนี้ยังไม่มีการปรับ ซึ่งงานที่รับผิดชอบก็มีมาก โดยเฉพาะเรื่องเร่งด่วนที่จำเป็นจะต้องทำคือการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จากนั้นจะมาแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสการปรับ ครม.ของพรรคร่วมรัฐบาล มองว่าจะมีผลกระทบหรือเป็นแรงกระเพื่อมในรัฐบาลหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่มีอะไร ใครอยากปรับก็เสนอมา ส่วนจะเป็นการปรับใหญ่หรือเล็กนั้น ยังไม่เห็นนายกรัฐมนตรีจะพูดว่าปรับใหญ่หรือเล็ก คงไม่มี อย่างไรก็ตามจากที่เป็นข่าวก็มีเพียงประเด็นของนายชาติชาย พุคยาภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยคงต้องคุยกับนายกรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการพูดคุยประเมินสถานการณ์การเมืองกับนายกรัฐมนตรีบ้างหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเมินแล้วไม่น่าจะมีอะไร สำหรับกรณีของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในพรรคประชาธิปัตย์ที่มี ส.ส.ใหม่กับ ส.ส.เก่านั้น คิดว่าไม่มีอะไร เป็นเรื่องธรรมดา สมัยที่ตนอยู่ก็เคยมีแบบนี้ แต่เราได้ทำความเข้าใจกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางพรรคภูมิใจไทยจะมีการดึงคนในพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมและเริ่มทวงถามถึงสิ่งที่เคยรับปากกันไว้เรื่องนี้จะกระทบกระเทือนถึงเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงต้องทำความเข้าใจกัน เรื่องรับปากก็รับปาก แต่เป็นเรื่องที่ให้กันได้ อะไรที่ให้ไม่ได้รับปากไปก็ไร้ประโยชน์ ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าการเมืองในพรรคประชาธิปัตย์ขณะนี้แรงหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่แรง พรรคประชาธิปัตย์เป็นอย่างนี้ คิดว่าเขาคงจะคุยกันในพรรควันนี้ มีการพูดจากันได้ในพรรคประชาธิปัตย์คงไม่มีอะไร ส่วนอย่างอื่นไม่มีอะไรอยู่แล้ว
สาทิตย์ เล็ง ทำสรุปผลงาน 6 ด.รัฐบาล
เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - "สาทิตย์" เตรียมทำรายงานสรุปผลงานรัฐบาลในรอบ 6 เดือนเสนอนายกฯ
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล เตรียมสรุปผลการทำงานครบ 6 เดือนในวันที่ 29 มิ.ย.นี้ เพื่อรายงานต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งเร่งติดตามงานของรัฐบาลโดยเฉพาะนโยบายเร่งด่วนและโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจใน 16 โครงการที่ได้แถลงต่อรัฐสภา
"วันที่ 29 มิ.ย.นี้ ที่รัฐบาลจะทำงานครบ 6 เดือน ก็จะทำเป็นรายงานเพื่อสรุปเสนอต่อนายกรัฐมนตรี หลังจากนั้นคณะกรรมการฯชุดนี้ ก็จะไปติดตามการทำงานในเรื่องอื่นๆ เพราะที่ผ่านมาแต่ละกระทรวงต่างคนต่างรายงาน จึงไม่เห็นภาพรวม ดังนั้นจึงต้องกลับทิศทางใหม่" นายสาทิตย์ กล่าว
ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ชุดดังกล่าวมีหน้าที่ติดตามการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลและเน้นในนโยบายเร่งด่วน 4 ข้อหลัก รวมถึงนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ 16 โครงการที่แถลงต่อรัฐสภา โดยได้เพิ่มเรื่องการเทิดทูนและปกป้องสถาบันเข้ามาด้วย
นายสาทิตย์ ได้เสนอให้แยกนโยบายออกมาเป็น 20 หัวข้อ โดยให้มีเจ้าภาพรับเรื่องไปประชุมกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายนั้นๆ และสรุปกลับมา ก่อนที่จะนำมาประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 18 มิ.ย. โดยแต่ละเรื่องต้องสามารถระบุได้ว่าการทำงานได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลหรือไม่
"มาร์ค"ยันทำถูกขึ้นภาษีบาป
ASTV ผู้จัดการรายวัน - นายกฯเมิน “โอฬาร” โจมตี ยันขึ้นภาษีเหล้า-บุหรี่เหมาะแล้ว กระทบคนเฉพาะกลุ่ม ไม่ได้เอาเงินจากกระเป๋าประชาชน แจงขึ้นภาษีเหล้าขาวน้อยเพราะกลัวกระทบชุมชน ไม่เกี่ยวเอื้อประโยชน์ "เจริญ สิริวัฒนภักดี" บิ๊ก สศค.พร้อมเดินหน้าภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง คาดจีดีพีติดลบ 3.5%
กรณีที่นายโอฬาร ไชยประวัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี รัฐบาลทักษิณ ได้โจมตีการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลเดินมาผิดแนวทาง และผิดเวลาเพราะการปรับขึ้นภาษีครั้งนี้ทำในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังทรุดตัว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่รัฐบาลตัดสินใจหารายได้เพิ่มในภาวะเช่นนี้จากภาษีสรรพสามิตเหล้าบุหรี่เป็นเรื่องที่น่าจะถูกต้องเพราะถือเป็นภาษีบาป เป็นเรื่องที่คนงานด้านสุขภาพเรียกร้องมาเป็นเวลานาน ไม่ได้ไปเพิ่มภาระให้ประชาชนในส่วนอื่น
"หลายประเทศต้องขึ้นเป็นประจำทุกปีด้วยซ้ำ คงไม่ใช่เป็นเรื่องของการเอาเงินจากกระเป๋าหนึ่งไปใส่อีกระเป๋าหนึ่ง และคนที่ได้ประโยชน์จากการเรียนฟรี เบี้ยยังชีพ ชุมชนพอเพียง และโครงการต้นกล้าอาชีพเราไม่อยากให้ไปสูบบุหรี่ดื่มเหล้า เขาไม่ได้เอาเงินออกไปจากกระเป๋า"
ส่วนภาษีน้ำมันก็ได้รับชดเชยโดยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง นายอภิทธิ์ยืนยันว่า ในเมื่อรัฐบาลมีความจำเป็นจะต้องลงทุน ส่วนหนึ่งจะกู้เงินในประเทศ ขณะเดียวกันเห็นว่าเงินที่ดึงออกมาจากคนบางกลุ่มมันมีเหตุผล ถ้านายโอฬารไม่สนับสนุนมาตรการเรื่องบุหรี่กับเหล้าก็ไม่เป็นไร แต่ในทางเศรษฐกิจและสุขภาพก็ดี มันตอบได้ชัดเจน มันมีเหตุผลของมันเมื่อถามถึงกรณีที่บริษัท บุญรอดบริวเวอรรี่ จำกัด ไม่พอใจมาตรการขึ้นภาษีสุราของรัฐบาลที่ไม่เป็นธรรมกรณีขึ้นภาษีเหล้าขาว (กลุ่มไทยเบฟเวอเรจที่มีนายเจริญ สิริวัฒนภักดี เป็นเจ้าของ) โดยจัดเก็บน้อยกว่าสุราประเภทอื่นและต่ำกว่าเพดาน นายอภิสิทธิ์ตอบว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทุกพรรคได้คุยกัน ปัญหาของเหล้าขาวมันมีผู้ผลิตในระดับชุมชนอยู่จำนวนมาก แรกทีเดียวทางกระทรวงการคลังลังเลว่าจะขึ้นภาษีเหล้าขาวหรือไม่ เพราะจะไปกระทบเหล้าชุมชน ตนก็บอกว่าในเมื่อมีการขึ้นภาษีเบียร์และตัวอื่นๆ ก็จำเป็นต้องขึ้นทั้งหมด และพยายามจะดูว่าขึ้นแล้วไม่กระทบชุมชน และให้เป็นธรรมในระดับหนึ่งจะทำอย่างไร ดังนั้น จึงตัดสินใจขึ้นไปในอัตราที่ประกาศไป ไม่ได้คิดเอื้อให้กับบริษัทเหล้าอะไร และในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) คนที่ทักท้วงในการภาษีเหล้าขาวก็พูดถึงแต่เหล้าชุมชนทั้งนั้น
ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมานายปิติ ภิรมภักดี ผู้บริหารกลุ่มบุญรอดฯ ถามว่าพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นภาษีเหล้าเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับบุคคลเพียงบางกลุ่มใช่หรือไม่ พร้อมกล่าวหาในทำนองเป็นลูกจ้างโรงเหล้า
นักวิชาการเห็นด้วย แนวคิดเงินออมเกษียณอายุ
เว็บไซต์แนวหน้า - ดร.วิโรจน์ ณ ระนอง นักวิชาการสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวถึงกรณีที่นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีแนวคิดเรื่องเงินออมหลังเกษียณ โดยให้จ่ายเงินสมทบ 100 บาท ต่อเดือน และรัฐช่วยจ่าย 50 บาท ต่อเดือนว่า ตนเห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว เพราะที่ผ่านมามีการเรียกร้องให้มีการต้องกองทุนชราภาพสำหรับแรงงานนอกระบบที่ไม่มีประกันสังคม แต่สำหรับผู้ที่มีประกันสังคมอยู่แล้ว รัฐควรเข้ามาช่วยดูแลในส่วนชราภาพมากกว่าการนำแนวคิดเงินออมหลังเกษียณมารวม เพราะเป็นการสร้างภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และยังถือเป็นเงินสมทบที่ช่วยเหลือในส่วนเดียวกันอยู่แล้ว ดังนั้นหากรัฐต้องการช่วยเหลือในส่วนนี้จริงๆ ควรช่วยจ่ายเงินสมทบในกรณีชราภาพของผู้มีประกันสังคมจะดีกว่า
ด้านนางวิไลวรรณ แซ่เตีย ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กล่าวว่า เห็นด้วยที่มีการช่วยเหลือแรงงานนอกระบบที่ไม่มีประกันสังคม เพราะจะได้มีเงินออมไว้ใช้ แต่ไม่เห็นด้วยที่นำแนวคิดเงินออมนี้มาให้ผู้ที่ทำประกันสังคมอยู่แล้ว เพราะเป็นการเพิ่มภาระให้แรงงานมากเกินไป เพราะรายได้น้อย และไม่มีกำลังที่จะจ่ายให้ในส่วนนี้ และตนยังยินดีที่รัฐเข้ามาช่วยเหลือผู้ใช้แรงงาน แต่อยากให้มีการหารือกับผู้ใช้แรงงานบ้าง เพราะบางนโยบายที่ออกมานั้นไม่สามารถใช้ได้จริงกับปัญหาที่แรงงานประสบ
นางสุจิน รุ่งสว่าง ผู้ประสานงานเครือข่ายแรงงานนอกระบบแห่งชาติ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลมีแนวคิดการออมเงินหลังเกษียณ เพราะเป็นการผลักภาระให้ผู้ใช้แรงงานและสถานประกอบการ เนื่องจากรัฐมีหน้าที่ต้องเข้ามาดูแลในด้วยนี้อยู่แล้ว อีกทั้งยังเห็นว่ารัฐควรนำเงินส่วนนี้มาเป็นเงินตั้งต้นที่รัฐช่วยจ่ายเข้าประกันสังคมให้ผู้ที่ยังไม่มีประสังคมจะดีกว่า และในปีต่อๆ ไปให้ช่วยจ่ายครึ่งหนึ่ง เพื่อเป็นแรงจูงใจให้คนมาเข้าประกันสังคม
พบกะโหลกมนุษย์อายุกว่า 500 ปี จมแม่น้ำเจ้าพระยา
เว็บไซต์ไทยรัฐ - พ.ต.อ.วิเชียร รัตติทิวาพาณิชย์. ผกก.สภ.สามโคก อ.สามโคก จ.ปทุมธานี เดินทางมาที่วัดตำหนัก ม.1 ต.สามโคก อ.สามโคก หลังมีคนแจ้งว่า พบหัวกะโหลกมนุษย์ และของใช้โบราณ หลายรายการ ภายในแม่น้ำหลังวัดดังกล่าว จึงประสานไปยัง นายศรายุธ ปิ่นประทีป หัวหน้าวัฒนธรรมจังหวัดปทุมธานี เดินทางมาตรวจสอบพร้อมด้วยนายเอนก สมบุญ นายก อบต.สามโคก นายคำรณ ซุ้มดี ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.สามโคก และมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง เมื่อมาถึงที่วัดดังกล่าวพบของโบราณมากมาย หลายรายการ อาทิ หม้อดินเก่า กระปุกตั้งฉ่าย กระปุกเต้าหู้ยี้ โบราณ สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น อายุราว 300-500 กว่าปี
จากการสอบสวนนายมานะ อ่องสะอาด อายุ 36 ปี บ้านเลขที่ 2/27 ซ.มิตตคาม แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กทม. ให้การว่า ตนมีอาชีพดำน้ำหาของเก่าขาย โดยทำมานานกว่า 50 ปี ตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อ ส่วนตนทำงานนี้มานานกว่า 20 ปีแล้ว โดยตนจะดำไปเรื่อยๆ จนดำมาถึงบริเวณวัดตำหนัก มีชาวบ้านแถวนี้มาถาม ว่าวันนี้ได้อะไรบ้าง ตนก็บอกไปว่าได้หลายอย่าง แล้วก็เจอหัวกะโหลกคนด้วย ชาวบ้านคนดังกล่าวบอกว่า ถ้ามีจริงเอาขึ้นมาให้ดูหน่อย ตนจึงนำขึ้นมาให้ดู จึงมีคนโทรแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบดังกล่าวหลังจากนั้นนายมานะจึงชี้จุดที่พบกะโหลก อีกทั้งยังได้บอกกับตำรวจว่ามีอีกหลายหัว นักดำน้ำของมูลนิธิฯ กว่า 50 นายได้ช่วยกันลงงบตามจุดที่นายมานะ บอกโดยใช้เวลากว่า 4 ชม. จนพบหัวกะโหลกและของโบราณหลายรายการรวมทั้งหมดประมาณ 22 ชิ้น เช่น หัวกะโหลกมนุษย์ 3 หัว เป็นกะโหลกที่สมบูรณ์ มีฟันติดอยู่ กระดูกสันหลังช้าง กระดูกข้อต่อช้าง กระปุกตั้งฉ่าย กระปุกทรงสูง กระปุกใส่เต้าหู้ยี้ หม้อดินเผา(หม้อข้าว) อ่างดินเผา ครกน้ำพริก ชิ้นส่วนไหสี่หู อายุกว่า 400 ปี ทำขึ้นมาจากเตาลำน้ำน้อย ไหเท้าช้าง ลายใบเสมา อายุกว่า 500 ปี ทำขึ้นใน จ.สุพรรณบุรี
ด้าน นายศรายุธ ปิ่นประทีป หัวหน้าวัฒนธรรมจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า ของโบราณเหล่านี้รวมทั้งกะโหลกมนุษย์ที่พบนั้น น่าจะเป็นสมัยอยุธยาตอนต้นถึงสมัยรัตนโกสินทร์ โดยมีอายุประมาณ 300-500 ปี โดยส่วนให้ที่ชาวบ้านแถวริมแม่น้ำ ที่ไปหาปลาแล้วเจอของโบราณ หรือเก็บของโบราณได้ก็จำนำมาให้ผู้ใหญ่บ้านบ้าง หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องบ้าง แต่ในคราวนี้ มีการพบกะโหลกมนุษย์ด้วยจึงเป็นสิ่งที่หน้าสนใจ แก่สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไป จนทำให้เป็นข่าวขึ้นมา
ส่วนพ.ต.อ.วิเชียร รัตติทิวาพาณิชย์. ผกก.สภ.สามโคก อ.สามโคก จ.ปทุมธานี กล่าวว่า ของโบราณที่เก็บขึ้นมาได้นั้นจะมอบให้นายเอนก สมบุญ นายก อบต.สามโคกเป็นคนเก็บรักษาไว้ ต่อไปส่วนกระดูกทั้งหมด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำส่งไปตรวจ อย่างละเอียดอีก
เศรษฐกิจ |
ปตท.รื้อแผนNGVหลังเจ๊งหมื่นล้านลุ้นปีหน้าราคาขึ้น
เว็บไซต์แนวหน้า - นายณัฐชาติ จารุจินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ บมจ.ปตท.(PTT) กล่าวว่า ปตท.ต้องปรับแผนลงทุนการส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติ(NGV) ในภาคขนส่งใหม่ หลังรัฐบาลไม่ปรับขึ้นราคา NGV จากขณะนี้อยู่ที่กิโลกรัมละ 8.50 บาท แต่ยังหวังว่าปีหน้าราคา NGV จะปรับขึ้น เพราะราคาที่ตรึงอยู่ในปัจุบันส่งผลให้ ปตท.มีปัญหาขาดทุน โดยไตรมาสแรกปีนี้ ปตท.ขาดทุนจากการขาย NGV แล้ว 2,000 ล้านบาท เฉลี่ยทั้งปีคาดว่าจะขาดทุน 7,000-8,000 ล้านบาท โดยที่ผ่านมา ปตท.ขาดทุนสะสมกรณีลงทุน NGV แล้ว 11,000 ล้านบาท โดยการปรับแผนของ ปตท.จะเน้นลดต้นทุนขนส่ง จากเดิมขนส่งด้วยรถยนต์ ก็จะหันมาขนส่งตามแนวท่อมากขึ้น และยังจูงใจให้ภาคเอกชนตั้งสถานีบริการ NGV เพิ่ม เพื่อลดภาระการลงทุน
ทั้งนี้ปัจจุบันยอดใช้ NGV อยู่ที่วันละ 3,400-3,600 ตัน มีรถยนต์ติดตั้งประมาณ 14,000 คัน และจากแนวโน้มราคาน้ำมันขาขึ้น ส่งผลให้มีการใช้ NGV เพิ่มขึ้นบ้างแล้ว เห็นได้จากยอดการติดตั้งระบบ NGV ในรถยนต์เดือนพฤษภาคม สูงขึ้นเป็นวันละ 60 คัน จากเดือนเมษายน ที่ผ่านมา อยู่ที่วันละ 30 คัน ขณะที่ปีที่ผ่านมามียอดติดตั้งสูงถึงวันละ 400-500 คัน
สศค.พร้อมลุยภาษีที่ดิน
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค.ได้เตรียมพร้อมที่จะเสนอนโยบายด้านการคลังเชิงรุก มุ่งเน้นการแก้ไขจุดอ่อนของปัญหาเศรษฐกิจและสังคมไทยในระยะปานกลางและระยะยาว ได้แก่ มาตรการภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และภาษีสิ่งแวดล้อม พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ที่เป็นธรรม พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจเพื่อขยายขอบเขตสินทรัพย์ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ เพื่อใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันสินเชื่อ และ พ.ร.บ.การจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ เพื่อดูแลด้านหลักประกันรายได้เพื่อการยังชีพเมื่อชราภาพสำหรับแรงงานนอกระบบ
นอกจากนี้ ยังเห็นด้วยกับการดำเนินนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการขอความร่วมมือกับสมาคมธนาคารไทย ที่จะผลักดันให้ธนาคารพาณิชย์ยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมในการรีไฟแนนซ์ และในอนาคตผู้ประกอบการควรเตรียมตัวที่จะลงทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากสัญญาณทางเศรษฐกิจบางตัวชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจน่าจะถึงจุดต่ำสุดแล้วในไตรมาส 1 ปีนี้
คาดทั้งปีจีดีพีติดลบ 3.5%
ผอ.สศค.คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทย ปี 52 จะหดตัว 3.5%ต่อปี โดยคาดว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี จะหดตัวรุนแรงมากที่สุดที่ 6.8% ก่อนจะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 2 ที่คาดว่าจะหดตัวลดลงเหลือ 4.8% และไตรมาส3 จะหดตัว 3.3% ส่วนไตรมาสสุดท้ายของปีเศรษฐกิจไทยจะกลับมาเป็นบวกได้
"เศรษฐกิจไทยปีนี้จะมีแนวโน้มดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจชัดเจนมากขึ้น จึงส่งผลให้ไตรมาส 4 เศรษฐกิจจึงกลับมาเป็นบวก" นายสมชัยกล่าว
ต่างประเทศ |
ศาลอุทธรณ์พลิก รบ.มาเลย์มีชัย คดียื้ออำนาจปกครอง
เว็บไซต์ไทยรัฐ - กรณียื้อแย่งอำนาจปกครองรัฐเปรัก ภาคเหนือของมาเลเซียที่พรรคฝ่ายค้านชนะเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว แต่ถูกพรรครัฐบาลจ้องดูดส.ส.ฝ่ายค้านให้แปรพักตร์ พรรคฝ่ายค้านเตรียมฎีกาคดีนี้ต่อไป
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ศาลอุทธรณ์มาเลเซีย กลับคำตัดสินของศาลชั้นต้นให้พรรคพันธมิตรรัฐบาลชนะคดีเหนือพรรคฝ่ายค้าน กรณียื้อแย่งอำนาจปกครองรัฐเปรัก ภาคเหนือของประเทศที่พรรคฝ่ายค้านชนะเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว แต่ถูกพรรครัฐบาลจ้องดูดส.ส.ฝ่ายค้านให้แปรพักตร์มาเข้าร่วมจนมีเสียงมากพอ และบีบให้ฝ่ายค้านลงจากอำนาจ เกิดสุญญากาศทางการเมืองท้องถิ่นจนต้องพึ่งศาลตัดสิน และ ศาลชั้นต้นระบุให้ พรรคฝ่ายค้านคงสิทธิ์ปกครองรัฐต่อไป
รายงานระบุต่อว่า พรรคฝ่ายค้านที่ต้องการให้จัดเลือกตั้งใหม่เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ระบุจะฎีกาคดีต่อไป
‘โอบามา’ยันต้องปิด‘กวนตานาโม’
ASTV ผู้จัดการรายวัน - เอเอฟพี/รอยเตอร์- ผู้นำสหรัฐฯยันค่ายกักกันที่กวนตานาโมต้องถูกปิดในเดือนมกราคมปีหน้าแม้จะถูกคัดค้านอย่างหนักจากสภาคองเกรสและอดีตรองประธานาธิบดีดิ๊ก เชนีย์
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แถลงที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.เมื่อวันพฤหัสบดี (21) โดยยืนยันจะเดินหน้าแผนปิดค่ายกักกันนักโทษ 3 แห่งที่ฐานทัพเรือสหรัฐฯ ในอ่าวกวนตานาโมของคิวบาต่อไปตามกำหนดเดิมในเดือนมกราคม2010 โดยชี้ว่าค่ายกักกันกวนตานาโมทำให้ภาพลักษณ์ของสหรัฐฯในสายตาชาวโลกมัวหมองและการกักขังนักโทษโดยไม่มีการพิจารณาคดียังขัดต่อค่านิยมเรื่องสิทธิเสรีภาพของชาวอเมริกัน พร้อมตำหนิยุทธศาสตร์ต่อต้านการก่อการร้ายในยุคของประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ว่าตั้งอยู่พื้นฐานของ “ความกลัวภัยคุกคามแบบเกินขอบเขต”
โอบามาซึ่งรับตำแหน่งต่อจากบุชเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมายอมรับว่า ปัญหาค่ายกักกันผู้ถูกกล่าวหาเป็นกลุ่มติดอาวุธ และนโยบายการทำสงครามต่อต้านการก่อการร้าย รวมทั้งการทรมานนักโทษของรัฐบาลบุช หลังเหตุการณ์ 11 กันยายนปี 2001 ทำให้รัฐบาลของเขาต้องเผชิญกับเรื่องปวดหัวทางการเมืองเป็นรายวัน พร้อมย้ำว่าเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อยุติปัญหาเหล่านี้ รวมทั้ง การปิดค่ายกักกันที่กวนตานาโม
การแถลงจุดยืนของโอบามามีขึ้น1วันหลังจากวุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติ 90 ต่อ 6 เสียง คัดค้านแผนของโอบามาที่เสนอของบประมาณ 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 2,800 ล้านบาท เพื่อให้กระทรวงกลาโหมและกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ นำไปใช้ดำเนินการปิดค่ายกักกันที่กวนตานาโม และย้ายผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ก่อการร้าย 240 คน มาควบคุมตัวในเรือนจำที่มีการควบคุมแน่นหนาในสหรัฐฯแทน ซึ่งโอบามามั่นใจว่า กระบวนการยุติธรรมสหรัฐฯ สามารถให้ความเป็นธรรมในการพิจารณาคดีนักโทษเหล่านี้ได้
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ชี้ว่าประเด็นการย้ายนักโทษอัลกออิดะห์มายังสหรัฐฯ นี้เองที่ทำให้วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตจำนวนมาก หันไปร่วมมือกับฝั่งรีพับลิกันเพื่อต่อต้านแผนการของโอบามาและทำให้โอบามาต้องทำการบ้านหนักขึ้น หากต้องการให้ค่ายกักกันทั้ง3ที่กวนตานาโมซึ่งเปิดใช้ตั้งแต่ปี2002 คือค่ายกักกันเดลตา อิกัวนา และเอ็คโค ถูกปิดตามกำหนดเดิมในเดือนมกราคม
แฮร์รี เมสัน รีด วุฒิสมาชิกเดโมแครตจากมลรัฐเนวาดา ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภายืนยันว่า เป็นการเสี่ยงเกินไปที่จะส่งนักโทษจากกวนตานาโมมาพิจารณาคดีหรือคุมขังในสหรัฐฯ ขณะที่วุฒิสมาชิก แอดดิสัน มิตช์ แมคคอนเนลล์ แห่งพรรครีพับลิกันจากมลรัฐเคนทักกี ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา ย้ำว่า “กวนตานาโมเป็นสถานที่เหมาะสมที่สุดในโลกสำหรับคุมขังผู้ก่อการร้ายเหล่านี้”
ด้านหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวในรัฐบาลที่เปิดเผยว่า มีเอกสารลับของกระทรวงกลาโหม ที่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณชนยืนยันว่า 1 ใน 7 ของนักโทษจำนวน 534 รายจากกวนตานาโมซึ่งถูกย้ายไปควบคุมตัวต่อในต่างแดน สามารถหลบหนีและกลับเข้าสู่วงจรของการก่อการร้ายอีกครั้ง และเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า คงไม่ใช่เรื่องง่ายหากโอบามาจะปิดค่ายกักกันและนำตัวผู้ก่อการร้ายเหล่านี้มาควบคุมตัวบนแผ่นดินสหรัฐฯ
ขณะเดียวกัน อดีตรองประธานาธิบดี ดิค เชนีย์ ซึ่งถูกเชิญไปกล่าวสุนทรพจน์ ที่สถาบันวิสาหกิจเพื่อการวิจัยนโยบายสาธารณะหรือ“เออีไอ”ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.เมื่อวันพฤหัสบดี (21) ได้ตำหนิโอบามาอย่างรุนแรงในเรื่องนี้ โดยเชนีย์ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในนักการเมือง “สายเหยี่ยว” คนสำคัญในรัฐบาลบุชระบุว่า “โอบามากำลังจะทำให้ชีวิตชาวอเมริกันและความมั่นคงของประเทศชาติตกอยู่ในอันตราย และโอบามาประเมินขีดความสามารถของนักโทษเหล่านี้ต่ำเกินไป”
นอกจากนั้น เชนีย์ ยังยืนยันว่า การสอบสวนนักโทษอัลกออิดะห์ในสมัยบุช เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นและไม่ได้เป็นการทรมานตามที่โอบามาโจมตีแต่อย่างใด