ที่มา ประชาไท
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ระหว่างการปราศรัยในงานรำลึก “งานรำลึก 193 วัน 1 ปีการต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ที่สนามกีฬาหลัก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อ 25 พ.ค. (ที่มาของภาพ: ASTVผู้จัดการออนไลน์)
สนธิ ลิ้มทองกุลเผยนั่งดูพาเหรดแล้วน้ำตาซึม เพราะสู้มาเกือบ 4 ปี ไม่นึกว่าจะมีคนบ้ารักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มากถึงเพียงนี้ ขอให้เชื่อไปเลยว่าพวกเราเท่านั้นทำให้ชาติบ้านเมืองอยู่รอดได้ ตั้งพรรคการเมืองเพราะต้องการสอนพรรคต่างๆ ให้รู้ว่านักการเมืองที่ดีนั้นต้องนักการเมืองพรรคพันธมิตรฯ ก่อนถามพรรคอื่นมีปัญญาเอาคนมาแบบนี้ไหม โดยที่ไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่บาทเดียว แนะมวลชนหากท้อให้นึกถึงน้องโบว์-สารวัตรจ๊าบ ก่อนจบปราศรัยเชิญชวนพันธมิตรฯ ในสนามโห่ร้องแสดงพลังให้กับคนที่ดูทีวี "ที่ไม่ใช่พวกเรา" เห็นว่า "ของเราของจริง"
เมื่อเวลา 21.30 น.วันที่ 25 พ.ค.ในงานรำลึก “193 วัน 1 ปีการต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ที่สนามกีฬาหลัก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ได้ขึ้นปราศรัย หลังจากที่พันธมิตรฯ ผู้เข้าร่วมงานได้มีมติเอกฉันท์ในการจัดตั้งพรรคการเมือง โดยมีรายละเอียดดังนี้
“พี่น้องเอ๊ย พี่น้องเอ๊ย 100 กว่านัดพี่น้องเอ๊ย พี่น้อง วันที่ 17 เมษายน เป็นวันที่พี่น้องต้องรู้ว่า 193 วันของพี่น้องนั้นมันทำให้คนกลัว ทำไมเขาต้องยิงผม เพราะเขาเข้าใจผิดอย่างสาหัสสากรรจ์ ว่าถ้าผมตายไปแล้วกระบวนการพี่น้องต้องล่มสลาย นี่เป็นความคิดของคนที่ไม่เคยเข้าใจการตื่นขึ้นมาของภาคประชาชนครับพี่น้อง เขาไม่เคยเข้าใจว่า พี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น ผ่าน 193 วันมานั้น ผ่านมาได้มิใช่เพราะโชคช่วย แต่ผ่านมาได้เพราะจิตใจอันเข้มแข็ง ผ่านมาได้ไม่ใช่จิตใจอันเข้มแข็งอย่างเดียว ผ่านมาได้เพราะพี่น้องมีความเชื่อมั่น และศรัทธาในสิ่งที่พ่อแม่พี่น้องทำ ถ้าไม่เชื่อมั่นและศรัทธาแล้วจะมานั่งตากฝนเหมือนคนบ้าอย่างนี้ได้อย่างไร
พี่น้องเอ๊ย ผมอยากให้ศัตรูเรา หรือคนที่ไม่ชอบเรา นั่งดู ASTV แล้วฟังเสียงพี่น้องตอบผม พี่น้องเอ๊ย... ถ้าเขาฟังเสียงพี่น้องแค่นี้ไม่ออก ถ้าบ้านเขามีผนังก่อด้วยอิฐ ก็ขอความกรุณาเอาหัวโขกผนังให้ตายห่าไปเลย
ผมมาที่นี่เมื่อบ่าย 3 โมงกว่า 4 โมงเย็น ผมนั่งดูขบวนพาเหรดของพ่อแม่พี่น้อง ขบวนแล้วขบวนเล่า ผมน้ำตาซึม เพราะผมมองย้อนหลังไปวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2548 ของการจุดเทียนเล่มแรกที่หอประชุมเล็กธรรมศาสตร์ ผมไม่เคยคิดว่า 3 ปีกว่าเกือบ 4 ปีกว่า จะมีคนบ้ารักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มากถึงเพียงนี้ครับพี่น้อง
เทียนเล่มแรกที่จุดขึ้นมา มันถูกจุดผ่านต่อไป ต่อไป ตั้งไม่รู้กี่เล่ม จากเปลวไฟเล็กๆ ของขี้ผึ้งแท่งเล็กๆ รวมกัน หลอมยิ่งกว่าเทียนพรรษา กลายเป็นแสงสว่าง แสงสว่างแสงเดียวเท่านั้นพี่น้อง แสงสว่างแสงเดียวเท่านั้นที่สามารถจะส่องให้ประเทศไทยที่มืดมิดนั้น กลับมาสว่างได้ และพี่น้อง ขอให้จำไว้ ชาติบ้านเมืองถ้าจะอยู่ได้จากนี้ต่อไป อยู่ได้เพราะน้ำตา หยาดเหงื่อ ความตาย พิการ และกระสุนที่ผ่านสมองผมไป และก็พ่อแม่พี่น้องทุกคน พวกเราเท่านั้นที่จะทำให้ชาติบ้านเมืองอยู่รอดได้ พี่น้องครับ ขอให้เชื่อไปเลย ขอให้เชื่อไปเลย ขอให้เชื่อไปเลย
ผมพูดเมื่อวานนี้ที่ ม.รังสิต ผมบอกว่ายังไง ผมบอกว่า วันที่ 17 ถ้าผมตายไปแล้ว ทุกอย่างสำหรับผมมันเป็นเรื่องความว่างเปล่าไปหมดแล้ว บุญคุณความแค้นก็หมดไป ชีวิตนี้จะไปผุดจะไปเกิดที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วแต่กรรมเวรที่ทำ แต่มันสอนอะไรผม มันสอนอะไรพี่น้อง มันสอนสิ่งที่ผมพูดตลอดเวลาใช่ไหมพี่น้อง ว่า พ่อแม่ครูอาจารย์บอกว่าชีวิตมีแต่ความว่างเปล่า มันว่างเปล่า มันว่างเปล่า แต่ทว่าถ้าเราทำงานเพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน เมื่อเราทำแล้วความว่างเปล่ามันก็หมดไป มันจะเป็นอานิสงส์ให้กับตัวเราส่งผลถึงลูกถึงหลาน และเป็นอานิสงส์ให้กับบรรพบุรุษเราทุกคน ด้วยเหตุนี้พี่น้อง นี่คือ เหตุผลว่าทำไมพี่น้องต้องมานั่งแบบนี้ ตากฝนให้เปียก วันนี้ผมยังไม่หายดี ผมยังมีอาการวูบ หน้ามืด เวลาจะนอนต้องเอาก้นนั่งบนเตียงแล้วนิ่งๆ สักพักหนึ่งให้เลือดไหลขึ้นไปสู่สมอง พอจะนอนเอาศอกยันลงไปก่อน ให้สถานภาพร่างกายมันมีเสถียรภาพ แล้วค่อยๆ เอนหัวลงไป พอหัวถึงหมอนแล้วเหนื่อย พลิกตัวทีหนึ่งหน้าก็ยังมืดอยู่ แต่มันอยู่ที่นอนไม่ได้ เพราะอะไร เพราะว่าวันนี้เป็นวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตพวกเรา พ่อแม่พี่น้องครับ วันนี้พ่อแม่พี่น้องรอบสนามนี้จนกระทั่งอยู่ข้างนอก กำลังพิสูจน์ให้โลกเห็น พี่น้องอย่าไปภูมิใจนะว่าสิ่งที่พี่น้องทำนั้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ไทย ไม่ใช่ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โลก พ่อแม่พี่น้อง
ไม่มีอีกแล้ว อ.สมเกียรติ พูดมาแล้ว พี่พิภพพูดมาแล้ว พี่สมศักดิ์พูดมาแล้ว พี่ลองพูดมาแล้ว ไม่มี สง่างาม สมศักดิ์ศรี เหมือนผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน แสดงว่าพี่น้องทุกคนมีพุทโธกำกับอยู่ในตัวตลอด พุทโธ พุทโธ พุทโธ เพราะเราทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยสติเรา เราไม่เคยสติแตก ใช่/ไม่ใช่ พี่น้อง เราถูกฆ่าอย่างกับหมูอย่างกับหมา คนพิการ คนบาดเจ็บอีกเป็นร้อย ผมถูกยิงอย่างกับเป็นเป้าซ้อมยิงปืนของทหารอย่างนั้นล่ะ
แต่วันนี้ไม่มาไม่ได้ ถ้าไม่มา แล้วจะพี่น้องเอ้ย กับใครล่ะ พวกเราเอ้ย กันมาตั้ง 193 วันแล้ว พี่น้องเอ้ย
พี่น้องครับ เมื่อวานนี้ผมบอกพ่อแม่พี่น้องแล้ว ว่า ฉันทามติการตั้งพรรคการเมืองนั้น มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ถ้าพี่น้องตัดสินใจไปแล้วเหมือนอย่างที่เมื่อกี้ท่านประธานพันธมิตร ประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้หยั่งเสียงพ่อแม่พี่น้องแล้วว่า พี่น้องต้องการมีพรรคการเมือง ก็ต้องมีพรรคการเมือง แต่พี่น้องจำคำพูดผมเอาไว้ การยกมือ ลุกขึ้นยืน ปรบมือให้กับการเกิดของพรรคการเมืองนั้น มันเป็นเรื่องไม่ยาก แต่สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับพวกเรา พ่อแม่พี่น้อง พวกเราต้องรีบแต่ไม่ร้อน พี่น้องต้องจำเอาไว้ การลงทุนทำพรรคการเมืองเพื่อเป็นเครื่องมือหนึ่งของพันธมิตรประชาชนเพื่อ ประชาธิปไตยนั้น คือ การลงทุนทางปัญญาระยะยาว พี่น้องต้องพร้อม พี่น้องจะพร้อมหรือเปล่าครับ อย่าท้อใจ ถ้าเรามี ส.ส.เข้าไปน้อย หลายคนที่คัดค้านบอกว่า มี ส.ส.ก็ไม่มีทางที่จะเป็นรัฐบาลได้ เพราะจำนวนน้อยตั้งไปทำไม ถ้าพูดอย่างนี้ก็อุปมาอุปไมยเหมือนคนไม่ได้กินข้าวกันทั้งบ้าน แล้วบอกว่ามีจานเหลืออยู่จานเดียวจะกินข้าวไปทำไม การเมืองใหม่ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องมี ส.ส.มาก ขอให้เราได้แสดงออกทางจิตวิญญาณพวกเรา
พี่น้องครับ ที่ผมไม่ตายเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ให้ผมตาย เพราะพ่อแม่ครูอาจารย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ บอกว่า สนธิ มึงยังต้องใช้กรรมอยู่ในแผ่นดินนี้ต่อไป
วันนี้มีพี่น้องที่ขอนแก่นเอาเงินจัดงานมาบริจาคให้ มีพี่สาวคนหนึ่ง อายุมากแล้ว คุณสนธิ ฉันเจ็บใจมันมาก มันหาว่าคุณสนธิจัดฉากยิง ผมบอกว่า ป้าอย่าไปกังวล ก็บอกมันสิยิงคนให้ตายมันง่ายกว่ายิงให้รอด แล้วมีกระสุนเม็ดหนึ่งฝังในหัว สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงพี่น้อง พี่น้องจำคำพูดผมเอาไว้ ผมให้สัมภาษณ์หลังจากที่ถูกยิง ผมพูดอยู่ 2 ประเด็น ประเด็นแรกผมบอกว่า ถ้าการที่ผมโดนยิงร้อยกว่านัด แล้วสามารถเรียกความเชื่อมั่นของคนไทยกลับมา ว่า ทำดีได้ดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มกัน ถ้าการเจ็บของผมครั้งนี้แล้วทำให้ประชาชนเชื่อ แล้วกลับมาทำคุณงามความดีกันอีก มันก็คุ้ม พี่น้อง เพราะว่าพวกเราเกือบจะไม่เชื่อแล้วใช่ไหมพี่น้อง ว่าทำดีได้ดี ผมก็ภาวนา ยกมือท่วมหัวถึงพ่อแม่ครูอาจารย์ กราบขอบพระคุณความเมตตาของท่านและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แล้วบอกว่า เห็นแล้วใช่ไหม พ่อแม่ครูอาจารย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ อย่าลองอีกนะ มันเสียวไส้พี่น้อง
พี่น้องครับ ความสวยงามของพ่อแม่พี่น้องที่เดินขบวนมา พี่น้องคิดกันเอง ออกแบบทุกอย่างกันเอง ความคิดสร้างสรรค์เกิดขึ้น เกิดขึ้นหลายอย่าง จังหวัดเดียว ความคิดสร้างสรรค์ มีความหลากหลาย ชลบุรี พัทยามาด้วยชุดทิฟฟานี่ ตามด้วยสัตหีบเมืองติดทะเล มาด้วยชุดฮาวาย ใส่ฮูล่า แต่เลือกเอาป้าๆ ใส่ ไม่ได้เลือกเอาสาวๆ ใส่มา นครสวรรค์ เอามังกรที่ยาวมา แล้วใครก็ไม่รู้ช่างคิด สร้างรถคันที่ผมถูกยิงขึ้นมา แล้วแบกแล้วจุดประทัดไล่ เหมือนเสียงปืนเลย พี่น้องครับ เราสนุก เรามัน แต่เราเคยหยุดคิดไหมอยากให้พวกที่ดูเราอยู่ทาง ASTV พวกพรรคการเมืองอื่นๆ ดู ผมอยากจะถามพวกคุณ ว่า พวกคุณมีปัญญาเอาคนของคุณมาแบบนี้ไหม โดยที่คุณไม่ต้องจ่ายเงินให้เขาเลยแม้แต่บาทเดียว ใช่/ไม่ใช่ พี่น้อง ใช่ไหมพี่น้องเอ้ย
แล้วมันมีพรรคการเมืองไหนพี่น้อง ที่มีประชาชนทั้งสวย ทั้งหล่อ ทั้งน่ารักแบบนี้ ไม่มีแล้ว น้ำอดน้ำทนก็เยอะ เหมือนพี่ลองพูด เหนื่อยเราก็ไม่เหนื่อย นี่เปียกเราก็ไม่กลัวเปียก ใช่/ไม่ใช่ พี่น้องครับ หัวใจพี่น้องมันทำด้วยอะไร พี่น้องเอ้ย หัวใจพี่น้องทำด้วยอะไรผมไม่รู้ แต่หัวใจพี่น้องรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พี่น้องเอ้ย
เขาบอกให้พูดต่อ ท่านอังคารยังไม่มา พี่น้องครับ ผมจะกราบเรียนพ่อแม่พี่น้องก่อนจะจบการพูดครั้งนี้ เมื่อวานนี้พี่น้องที่ดู ASTV หรือเข้าประชุม รู้สึกว่าผมพูดมากไปหน่อยใช่ไหม เพราะว่ามันอึดอัดใจ พี่น้อง พี่น้องครับ ผมอดไม่ได้ที่จะต้องพูดถึงกระบวนการลอบสังหารผม ผมต้องพูด ผมไม่พูดไม่ได้
ที่เขาต้องยิงผม ข้อที่ 1.เพราะว่าเขาคิดว่าผมตายแล้วกระบวนการพี่น้องจะล่มสลาย ล่ม/ไม่ล่ม พี่น้อง (ไมล่ม) พี่น้องให้สัญญากับผม ว่าถ้าแกนนำคนใดคนหนึ่ง นี่ต้องลากเข้ามาร่วมด้วยไม่ใช่ผมคนเดียว เดี๋ยวจะไม่ยุติธรรม เป็นอะไรไปพวกเราต้องไม่ท้อใจ เปลี่ยนความแค้น เปลี่ยนความแค้นให้เป็นพลัง
พี่น้องครับ จำได้ไหมผมจะเป็นคนทำนายทายทักอะไรก่อนถูกต้องตลอดเวลา เขาต้องการจะสร้างการเมืองเก่าโดยที่เอานักการเมืองนำหน้า เอาทหารหนุนหลัง แล้วเขาพลิกเกม พี่น้อง เขาพลิกเกมเป็นว่า ข้อผิดพลาดของ ทักษิณ ชินวัตร คือ การจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ เขาถึงออกมาบอกว่า ทักษิณใช้ไม่ได้จาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ เขาคิดว่าเขาทำการเมืองโดยที่ไม่ไปแตะต้องสถาบันกษัตริย์ แล้วเขาจะร่วมกันโกงชาติกินบ้านกินเมือง ก็ไม่มีใครมาล้มเขา เขาเข้าใจผิดใช่ไหมพี่น้อง พี่น้อง ถ้าบ้านเมืองถูกโกงกินไปเยอะขนาดนี้ ชาติอยู่ได้ไหม ถ้าชาติอยู่ไม่ได้ พระเจ้าอยู่หัวอยู่ได้ไหม เห็นหรือยังพี่น้อง นี่คือ สัจธรรม ชาติต้องมั่นคง ชาติจะมั่นคงได้อย่างไร
เช่ารถเมล์ 4,000 คัน ยังแพงกว่าซื้อตั้ง 10 เท่า แล้วชาติจะมั่นคงได้อย่างไร พี่น้องใช่ไหม บ้านเมืองนี้เสาถูกกัดกร่อนไปแทบจะพังทลายไปแล้ว ปลวกแห่งการคอร์รัปชั่นมากัดกินจนกระทั่งบ้านมันจะพังอยู่แล้วพี่น้อง มันโกงมันกินกันแทบจะทุกกระทรวง มันไม่สนใจเลยว่าต้นทุนของแผ่นดินจะสูงแค่ไหน ชาติจะอยู่ได้หรือไม่ ขอให้กูโกงกินเข้ามา แล้วกูจะได้เอาเงินก้อนนี้ไปซื้อเสียง กลับมามีอำนาจต่อไป มันเลวน้อยกว่าทักษิณหรือเปล่า พี่น้องตอบซิ เลวน้อยกว่าทักษิณหรือเปล่า
พี่น้อง ที่พี่น้องตัดสินใจตั้งพรรคการเมือง เพราะเราต้องการสอนพรรคการเมืองต่างๆ ให้รู้ว่านักการเมืองที่ดีนั้น มันต้องนักการเมืองพรรคของเรา ใช่/ไม่ใช่
พี่น้องครับ เมื่อมีการเมืองแล้ว ท้อใจเมื่อไรให้คิดถึงน้องโบว์ สารวัตรจ๊าบ เซ็งเมื่อไรให้คิดถึงแจ๊ค ที่ชุมพร ที่ขาขาดข้างหนึ่ง เบื่อเมื่อไร ให้คิดถึงลูกปืนที่อยู่ในหัวผม คิดถึงพวกเขา ระลึกถึงพวกเขา คิดถึงทุกๆ คนที่บาดเจ็บเป็นร้อยๆ คน แล้วตอบตัวเองว่า เฮ้ย กูเบื่อไม่ได้นะ กูเป็นหนี้บุญคุณคนพวกนั้น พี่น้องไม่ต้องมาเป็นหนี้บุญคุณผม เพราะผมเป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่พี่น้อง โทษฐานของผม ผมมีความผิดอยู่ตรงไหนพี่น้อง ความผิดผม โทษบานผม คือ ดันเป็นคนแรกที่จุดเทียนเล่มแรก ก็เลยต้องรับไป เมื่อจุดเทียนแล้ว พาพี่น้องเดินไปแล้ว เดินมาถึงครึ่งทางแล้ว มันต้องเดินต่อใช่ไหมพี่น้อง พี่น้องพร้อมจะเดินต่อกับพวกผมหรือเปล่าพี่น้อง
พี่น้องครับ ก่อนผมจากไป กราบขอบพระคุณทุกจิตใจที่เป็นห่วงผมในวันที่ผมถูกยิง กราบขอบพระคุณน้ำตาทุกเม็ดที่ไหลออกจากเบ้าตา กราบขอบพระคุณโทรศัพท์ที่โทร.ถามข่าวคราวของผม ชีวิตนี้บอกพ่อแม่พี่น้องมาตั้งนานแล้วว่าเป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่พี่น้อง ที่พูดไม่ใช่หาเสียง เพราะคนอย่างสนธิไม่ต้องหาเสียงกับพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกราบขอบพระคุณบารมีขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทำให้ผมรอดชีวิต ในช่วงที่ถูกยิงนั้นสติอยู่กับตัว บอกกับตัวเองว่า ถ้าต้องตายไป เพราะลูกปืน ก็ขอให้ตายเพราะกรรมเก่า มาเอาไปเลย แต่ถ้าตายแล้วก็ขอให้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และราชบัลลังก์ อยู่รอดปลอดภัย ขอให้บารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ช่วยคุ้มครองด้วย
พี่น้องทั่วสนามแสดงพลังให้กับคนที่ดูทีวีอยู่ที่ไม่ใช่พวกเราหน่อย ว่า ของเราของจริง พี่น้องเอ๊ย.... ขอบพระคุณครับพี่น้องครับ”
โดยหลังนายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัยจบ ได้มีการเปิดเพลง “แสงดาวแห่งศรัทธา” ซึ่งประพันธ์โดย “จิตร ภูมิศักดิ์” โดยหน้าจอ ASTV เขียนว่า “ขอสดุดีแด่ผู้เสียสละชีวิตและผู้บาดเจ็บ เพื่อปกป้องชาติ ราชบัลลังก์ และรัฐธรรมนูญ” เพื่อเป็นการรำลึกถึงผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตระหว่างการชุมนุมเมื่อปี พ.ศ. 2551 ของพันธมิตรฯ
ก่อนหน้านี้ เมื่อวานนี้ (24 พ.ค.) ระหว่างการประชุม “สภาพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเดินหน้าสู่การเมืองใหม่” ที่อาคารนันทนาการ มหาวิทยาลัยรังสิต นายสนธิกล่าวประเมินสถานการณ์ทางการเมืองว่า จากเหตุการณ์ 17 เม.ย.ที่ตนถูกลอบยิง เป็นที่ประจักษ์ชัดเจนว่าการต่อสู้ของพันธมิตรฯ เดินมาถูกทางแล้ว ส่วนคำถามที่ตามมาเกี่ยวกับเรื่องการตั้งพรรคการเมืองว่าใครจะเป็นหัวหน้า พรรคการเมือง วันนี้ต้องขอฉันทานุมัติจากพี่น้องพันธมิตรฯ
นายสนธิกล่าวว่า พันธมิตรฯ เป็นของศักดิ์สิทธิ์ พรรคการเมืองนั้นถ้าจะมีการตั้งก็จะเป็นเครื่องมือหนึ่งในการต่อสู้ของ พันธมิตรฯ ซึ่งพันธมิตรฯ มีเครื่องมือหลายอย่าง นอกจากพรรคการเมืองแล้วอาจมีมูลนิธิที่ออกไปให้ความรู้แก่ประชาชน ทั้งนี้ 5 แกนนำพันธมิตรฯ จะเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพี่น้องพันธมิตรฯ เป็นคนเลือก ไม่ใช่ตั้งกันเองเด็ดขาด
นายสนธิยังเปรียบเทียบอีกว่า พรรคพันธมิตรฯ หากตั้งขึ้นมาก็เปรียบเสมือนพรรคกระยาจกที่มีผู้คุ้มกฎของพรรค ซึ่งถ้ามีพรรคพันธมิตรฯ 5 แกนนำก็อาจจะทำหน้าที่เพียงผู้คุ้มกฎเท่านั้น
นายสนธิกล่าวต่อว่า หากตนเองเสียชีวิตไปในวันที่ 17 เม.ย. ทุกอย่างก็เป็นเรื่องสมมติ เอเอสทีวีก็อาจต้องปิด แต่ที่พันธมิตรฯ ต้องลุกขึ้นมาต่อสู้ทุกวันนี้ก็เพื่อลูกหลาน ขอให้เข้าใจ กระสุนปืนหนึ่งร้อยกว่านัดที่ยิงใส่ตน เป็นเครื่องสะท้อนว่าการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ เป็นอันตรายต่อการเมืองระบอบเก่า โดยที่พรรคการเมืองระบอบเก่าอยากเห็นพันธมิตรฯ ใช้วิถีทางการต่อสู้บนท้องถนนเท่านั้น แต่อีกสักกี่ปีกี่ชาติถึงจะสำเร็จ อย่างไรก็ตาม การที่เราจะตั้งพรรคการเมืองหรือไม่ก็สุดแล้วแต่ฉันทานุมัติ
“เป็นตายแล้วแต่ฟ้าลิขิต ถ้าจะตายนั่งเฉยๆ ก็ตายได้ คนเรามีทั้งคนรักคนเกลียด ถ้าไม่ต้องการให้ต่อสู้ระบบก็สุดแล้วแต่ฉันทานุมัติของพี่น้องพันธมิตรฯ แต่ขอย้ำว่าการต่อสู้ของพวกเราไม่เคยหลอกพี่น้อง และในวันนี้จำเป็นต้องถ่ายทอดสด เพื่อเป็นตัวอย่างให้พรรคการเมืองน้ำเน่าในปัจจุบันได้เห็นประชาธิปไตยทาง ตรงที่กำลังจะเริ่มขึ้น ซึ่งไม่มีที่ไหนในโลกนี้อีกแล้ว” นายสนธิกล่าว
นายสนธิกล่าวว่า พี่น้องพันธมิตรฯ ไม่ต้องเกรงว่า 5 แกนนำจะแปดเปื้อน เพราะ 193 วันที่ผ่านมา เราไม่มีอะไรที่จะให้แปดเปื้อนอีกแล้ว และอีกไม่กี่วันเราก็จะตายกันหมดแล้ว แต่ที่ยังคงอยู่คือต้องสนับสนุนคนดีให้การปกครองบ้านเมือง และสกัดไม่ให้คนไม่ดีเข้ามาบริหารบ้านเมือง ขณะที่พันธมิตรบางส่วนก็เป็นห่วงและต้องการให้มีการตรวจสอบจากภาคประชาชน แต่หลังจากที่ตรวจสอบกันมาตั้งแต่ปี 2548 แล้วมีรัฐบาลไหนฟังบ้าง แล้วเราจะต่อสู้ในรูปแบบการเมืองข้างถนน ไปอีกนานเท่าไหร่ วันนี้เรายังยืนยันที่ใช้ธรรมนำหน้าในการต่อสู้ แต่ต้องเพิ่ม "พุทโธ" และ "พระอัลเลาะห์" นำหน้าอีกด้วย
นายสนธิกล่าวต่อว่า หากมีพรรคพันธมิตรต้องมีที่มาที่ไป มีประวัติศาสตร์ แต่การชุมนุม 193 วันก็ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์แล้ว ขณะที่พรรคการเมืองในวันนี้ส่วนใหญ่ถือเป็นการรวมตัวกันของพวกนักลงทุน ซึ่งไม่มีประวัติศาสตร์ แต่ขอให้เชื่อมั่นและศรัทธา ในเรื่องอุดมการณ์ของแกนนำทั้ง 5 คน การต่อสู้ทางการเมืองเป็นเรื่องยาวนาน และต้องอดทนอย่างสูง จึงขอให้พี่น้องให้พันธมิตรฯ ที่สนับสนุนการตั้งพรรค อย่าคาดหวังว่า ภายใน 2-3 ปีจะต้องประสบสำเร็จ อย่าเอาจำนวน ส.ส.มาตัดสินใจ แต่ขอให้นึกถึงญาติวีรชนหรือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเป็นที่ตั้ง และถ้าตั้งพรรคจริงๆ เราจะระดมทุนจากการให้สมาชิกบริจาคเงินเข้าพรรค อาจจะเป็นคนละ 100 บาทต่อเดือน โดยเราจะไม่ใช้เงินเหล่านั้นมาซื้อเสียง แต่จะเอาไปสร้างเครื่องมือในการให้ความรู้และให้ปัญญาแก่ประชาชน
นายสนธิกล่าวต่อว่า สำหรับพี่น้องที่ไม่เห็นด้วยกับการตั้งพรรค หากมีฉันทานุมัติจากพี่น้องส่วนใหญ่ให้ตั้งพรรค ก็ต้องต้องยอมรับ เพราะนี่คือประชาธิปไตยทางตรง พรรคการเมืองมี 2 ประเภท คือพรรคที่มีรากเหง้าคือพันธมิตรฯ และพรรคที่ไม่มีพรรครากเหง้าเหมือนพรรคการเมืองทั่วไปในปัจจุบัน และขอระบายความคับแค้นใจในรอบ 1 เดือนกว่า จึงขอพูดนานกว่าแกนนำคนอื่น
“คาดว่าพี่น้องคงอยากทราบว่าใครเป็นลอบยิงผม แต่ขอยืนยันว่าเป็นฝีมือคนมีสี ส่วนจะจับใครได้หรือไม่นั้นไม่สำคัญ เพราะได้อโหสิกรรมไปหมดสิ้นแล้ว” นายสนธิกล่าว