ที่มา thaifreenews
เขียนโดย Bugbunny |
วันพุธที่ 27 พฤษภาคม 2009 เวลา 16:10 น. |
ความ แตกต่างในนโยบายเศรษฐกิจและประชาสังคมของนายกรัฐมนตรีสองคนนี้จำกัดความได้ ง่าย ๆ อยู่แค่นี้เอง เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้าบริหารประเทศนั้นมันเป็นช่วงยุคต่อจากความล่มสลายของประเทศไทยภายหลัง วิกฤติต้มยำกุ้งและการเป็นหนี้ IMF ในช่วงนั้น เคยมีผู้คำนวณไว้ว่าคนไทยจะต้องช่วยกันทำงานใช้หนี้ประมาณสี่สิบปีเป็นอย่าง น้อยกว่าจะใช้หนี้ IMF หมด อ่านต่อ และ แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่ โดยเฉพาะในช่วงเมื่อรัฐบาลพรรคประชาธิ ปัตย์ โดยมีนายชวน หลีกภัย เป็นนายก ฯ เข้าบริหารประเทศต่อจากพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ นั้น ทุกคนที่อยู่ในเมืองไทยไม่เคยลืมว่า นายชวน หลีกภัย และนายธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ รมต.คลัง ผู้ดับอนาคตทางการเมืองของตนเองไปเรียบร้อยแล้วนั้น ทำให้คนไทยสิ้นหวังไร้อนาคต จากการเป็นลูกไล่ที่ดีของ IMF ได้มากมายขนาดไหน ข้าราชการระดับสูงคนหนึ่งในกระทรวงการคลังเล่าถึงความเจ็บช้ำน้ำใจสมัยที่ ต้องทำงานตามคำสั่งของเจ้าหน้าีที่ IMF ซึ่งเป็นคนอินเดียที่ให้ขึ้นค่าไฟฟ้าด้วยการแถมค่า FT เข้าไปอีกแม้จะเพิ่มราคาต่อหน่วยไปแล้ว จัดการให้ค่าน้ำขึ้นราคาทันที รัฐวิสาหกิจประเภทที่ทำกำไรต้องแปรสภาพให้เอกชนเข้าร่วมทุน ถ้าไม่สร้างกำไรต้องยุบเลิก และไม่ใช่หน้าที่ของข้าราชการไทยที่จะต้องห่วงใยพนักงานคนไทยที่ต้องถูกเลิก จ้างแต่ประการใด “มันเป็นพวก แขกอินเดีย พวกนี้พูดเขียนภาษาอังกฤษดีกว่าเราเพราะเคยเป็นเมืองขึ้น ไม่เคยรับผิดชอบเศรษฐกิจประเทศไหนทั้งสิ้น แต่เข้ามาคุมเราอีกชั้นหนึ่ง มันสั่งเราต้องทำ เพราะเราเป็นลูกหนี้องค์กรมัน มันไม่สนใจเลยว่าคนไทยต้องลำบากอย่างไร เพราะไม่ใช่คนไทยด้วยกันเหมือนเรา” เศรษฐกิจ ไทยในวันนั้นมีแนวโน้มไปในทางที่ดีทันที เมื่อรัฐบาลพรรคไทยรักไทยเริ่มดำเนินนโยบายส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมขึ้น เป็นวิธีที่ไม่ได้ใหม่อะไรเลย ปกติทั่วประเทศมีผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงและธุรกิจขนาดกลางขนาดย่อมอยูแล้วมากมาย แต่ทั้งหมดถูกปล่อยตามยถากรรม ดิ้นรนต่อสู้เอาตัวรอดกันเอง ไม่มีใครสนับสนุนเลย รัฐบาลไทยรักไทยเข้ามาใช้การตลาดสมัยใหม่ส่งเสริม เช่น สร้างแบรนดิ้ง OTOP ส่งเสริมการขายและการตลาดกระจายไปทั่วโลก อัดฉีดทุนเข้าไปเสริมสภาพคล่อง ผลักดันให้ตลาดต้องการ เศรษฐกิจก็เริ่มเคลื่อนตัว สร้างงานสร้างรายได้ให้หมุนเวียนขึ้นภายในประเทศ เพราะสินค้า OTOP นั้นมีอยู่ทั่วประเทศ เป็นสิ่งที่คนไทยทำขายกันเองอยู่แถวบ้าน ถ้าขยายการขายออกมาให้กว้างระดับชาติระดับโลกเพื่อแข่งขันกับประเทศอื่น สินค้าตามเมืองใหญ่อื่น ทำไมจะสร้างงานสร้างเงินขึ้นมากมายไม่ได้ ส่วน วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รากฐานสำคัญของเศรษฐกิจสำหรับคนส่วนใหญ่ในประเทศ รัฐบาลไทยรักไทยอัดฉีดทุนเข้าไปสร้างงานสร้างธุรกิจให้เคลื่อนไหว ส่งเงินเข้าเป็นกองทุนหมู่บ้านเพื่อให้หน่วยย่อยของประเทศเข้าถึงทุน สร้างงานให้เขา ไม่ใช่เอาแต่จะให้ต่างชาติมาลงทุนตั้งโรงงานมหึมา จ้างคนไทยผลิตสินค้าในแบรนด์ต่างชาติออกไปขายเมืองนอกลูกเดียวที่สภาพัฒน์บี โอไอทำกันมายาวนาน เีที่ยวคุยว่าเศรษฐกิจไทยเติบโตได้เพราะการลงทุนเหล่านี้ โปรดช่วยคำนวณออกมาหน่อยว่า งานที่สร้างให้คนไทยเข้าไปรับจ้างเต็มที่ไม่เกินโรงงานละสองพันคนนั้น ทั้งปีได้งานกันกี่คน แล้วที่เหลือเล่าคนไทยหรือเปล่า นโยบายแบบ ทักษิณให้ทุนไปทำงาน แต่นโยบายแบบอภิสัดคือการให้เงินขอทาน เริ่มจากเช็คสองพันบาท แจกเงินโน่นนี่เต็มไปหมด เบี้ยโน้นเบี้ยนี้ เรียนฟรี ฯลฯ แต่ไม่เคยคิดกันต่อไปเลยว่า ให้เงินเขาไปเพื่อให้เขาไปสร้างเงินเพิ่มได้อย่างไร แจกไปเสร็จไม่กี่วันผู้ได้รับก็ใช้กันหมด แบงก์ได้ค่าพิมพ์เช็ค ห้างสรรพสินค้าได้เงินที่คนไปซื้อของ ฯลฯ แต่ไม่นานหลังจากนั้นก็ไถเงินคืนกลับแบบสุดโหดทันที ขึ้นภาษีบุหรี่เหล้าน้ำมันรายวัน และเตรียมรีดไถประชาชนให้ทุกข์ยากเพิ่มกันอีกหลายอย่าง ไปคำนวณกันดูเองได้เลยว่า สองพันบาทที่อภิสัดแจกให้ หรือเบี้ยทั้งหลายเดือนละสี่ห้าร้อยบาทนั้น เมื่อเทียบกับเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มในค่าน้ำมันเหล้าบุหรี่ ค่าน้ำค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นอย่างน่าประหลาดใจช่วงนี้นั้น วันนี้มันเกินกว่าสองพันไปกี่พันแล้ว ถือว่าตอนนี้ประชาชนไม่ได้รับอะไรจากอภิสัดเลย ที่ได้มาก็กลายเป็นของเสียลงส้วมไปตั้งแต่อาทิตย์แรกแล้ว แต่โดนอภิสัดและกรณ์ปล้นเงินกลับอย่างเลือดเย็นทุกวินาที ด้วยค่าน้ำค่าไฟฟ้าค่าเหล้าบุหรี่น้ำมันที่ต้องจ่ายเพิ่มกันขึ้นมากี่พันบาท แล้วในขณะนี้ ความมั่งคั่งทาง เศรษฐกิจของไทยนั้นมีมาก ที่จริงไม่สมควรทำให้คนไทยยุคไหนต้องลำบากเลยแม้แต่น้อย แต่ข้อมูลก็คือรายได้จากผลผลิตมวลรวมประชาชาติของประเทศนั้นมันกลับคืนสู่ ประชาชนไม่เท่าไหร่ กว่าหกสิบห้าเปอร์เซ็นต์คือรายได้ขององค์กรขนาดมหึมาอันรวมถึงทุนใหญ่ทั้ง หลาย โดยเฉพาะุทุนที่ร่ำรวยและเอาเปรียบที่สุดในเมืองไทยบางทุน ที่ค้าขายได้กำไรเต็มเม็ดเต็มหน่วย สอดแทรกเข้ามาในทุกวินาทีของชีวิตคนไทยอย่างแนบเนียน แต่ไม่เคยคืนอะไรให้กับคนไทยเลย รับเนต ๆ มาตลอด แถมยังมาขอเอี่ยวจากงบประมาณที่ต้องนำมาใช้เพื่อตอบแทนให้คนไทยผู้เสียภา ษีั่ทั่วประเทศอีกต่างหาก แต่อภิสัดไม่เข้าไปแตะทุนพวกนั้นเลย รีดไถประชาชนแทน คนไม่ทำงานทำการค้าขายมาเลยสักครั้งในชีวิต กินแต่มรดกเจ้าคุณปู่ตลอดแบบเขาย่อมไม่มีวันรู้ว่า การแจกเงินนั้นมันทำให้เศรษฐกิจเคลื่อนเพียงเดี๋ยวเดียว แต่การสร้างงานต่างหากที่จะไปสร้างความมั่งคั่งระยะยาวให้คนส่วนใหญ่ พวกคนที่คุ้นเคยกับการแจกเศษเงินให้ข้าทาสบริวารหรือขอทานโดยอ้างว่าเป็น ปริจาคกุศลนั้น ต่างไม่เคยทำมาหากินกันเองเป็นสักคน พวกนี้ไม่ต้องลงมือทำการผลิต คิดกันแต่เพียงว่า ไอ้พวกฐานันดรไพร่้หรือชาวบ้านนี่มันแย่มาก ให้ทานกันขนาดนี้แล้วยังมาเหิมเกริมเรียกร้องอะไรกันนักหนาอีก ทักษิณ ให้ทุน อภิสัดให้ทาน ...ทักษิณให้งาน อภิสัดให้เงิน มันเป็นอย่างนี้จริง ๆ อย่าไปหวังอะไรกับรัฐบาลอภิสัดและกรณ์ จริงอย่างที่ทักษิณพูด ทำงานไม่เป็นยังไ่ม่พอ แจกเงินยังไม่เป็นอีก เพราะแจกเงินให้เขาไปใช้เล่น ไม่ใช่ให้เขาไปสร้างงานสร้างเิงินแล้วพึ่งพาตัวเอง คิดแบบอำมาตย์จริง ๆ ทุกคนคือไพร่ทาส จงมารับทานจากผู้ร่ำรวยกว่า แล้วเจียมตัวเจียมใจเป็นขอทานกันต่อไป |