ที่มา ไทยรัฐ
การเมืองก็เหมือนโรงละคร หน้าฉากเป็นการแสดงแต่หลังฉากคือของจริง
ถ้าแยกมิติการแสดงกับมิติความเป็นจริงไม่ได้ ก็จะอ่านเกมการเมืองไม่เข้าใจ และสุดท้ายก็จะงงซะเอง!!
ข่าวที่ระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์จะแตกหักกับพรรคภูมิใจไทยจนต้องยุบสภาฯเลือกตั้งใหม่ภายใน 3 เดือน 6 เดือน จึงเป็นเพียง "ภาพลวงตา"
เพราะในมิติของความเป็นจริง ประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทยต้องกอดคอกันไปอย่างนี้อีกนาน
เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายมีผลประโยชน์ร่วมกันทางการเมือง เปรียบเหมือนน้ำพึ่งเรือเสือต้องพึ่งป่านั่นแหละโยม
พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่พร้อมยุบสภาฯจนกว่าเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัว และนโยบายของรัฐบาลที่อัดฉีดลงไปจะเกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม
หมายความว่ารัฐบาล "นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" จะต้องประคองตัวให้ผ่าน 1 ปี เพื่อรับประกันความมั่นใจว่าหลังเลือกตั้งใหม่พรรคประชาธิปัตย์จะคัมแบ็กกลับมาเป็นรัฐบาล
เช่นเดียวกับพรรคภูมิใจไทยก็ยังไม่ พร้อมที่จะลงสนามเลือกตั้งเต็มตัว ยังต้องใช้เวลาระดมสรรพกำลังทั้งคนทั้งทุนที่จะใช้ขับเคลื่อนการเมืองเพื่อแย่งชิงฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย
เพราะเป้าหมายสำคัญคือการทำให้พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคที่มี ส.ส.มากที่สุดในสภาฯ
"แม่ลูกจันทร์" จาระไนมาซะยืดยาวก็เพื่อสรุปว่า พรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทยจะไม่ปล่อยให้ความขัดแย้งบานปลาย
โครงการใดที่พรรคภูมิใจไทยผลักดัน พรรคประชาธิปัตย์อาจจะทักท้วงบ้าง เพื่อรักษาหลักการ
แต่จะไม่หักดิบถึงขั้นล้มโครงการ
เพราะพรรคประชาธิปัตย์รู้ดีว่าถ้าเล่นแรงเกินไปรัฐบาลก็พัง!!
"แม่ลูกจันทร์" ฟันธงว่าในที่สุด โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวีสี่พันคัน ก็จะผ่านความเห็นชอบจาก ครม.
เพราะถ้าโครงการนี้ถูกยกเลิก พรรคภูมิใจไทยจะเสียรังวัดอย่างแรง!!
แต่เนื่องจากโครงการนี้มีกระแสคัดค้าน
กันครึกโครม ก็ต้องหาทางปรับลดค่าเช่าลงบ้างพอเป็นกระสายยา
อย่างน้อยก็เป็นข้ออ้างว่ามีการแก้ไขเพื่อรักษาประโยชน์ของประชาชน
เช่นเดียวกับโครงการประมูลข้าว 2.6 ล้านตัน และโครงการประมูลข้าวโพด 4.4 แสนตัน ซึ่ง "นายกฯอภิสิทธิ์" สั่งให้กระทรวงพาณิชย์ทบทวน
"แม่ลูกจันทร์" เชื่อว่าสุดท้ายจะไม่ ยกเลิกประมูล เพื่อให้การระบายสินค้าเกษตรที่ค้างสต๊อกให้เดินหน้าต่อไป
ส่วนปัญหาขัดแย้งระหว่าง รองนายกฯ กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ พรรคประชาธิปัตย์ กับ "รมว.พาณิชย์ พรทิวา นาคาศัย" พรรคภูมิใจไทย เกี่ยวกับการประมูลขายสินค้าเกษตรในสต๊อกรัฐบาล
งานนี้ "รองนายกฯ สุเทพ เทือกสุบรรณ" ต้องสวมวิญญาณกาวใจ คืนอำนาจให้ "เจ๊พรทิวา" รมว.พาณิชย์ เป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจอย่างเดิม
สำหรับรองนายกฯ กอร์ปศักดิ์ที่ออกมาขวางทางปืน ก็ถูกสะกิดให้ลดบทบาทลง เพื่อลดความขัดแย้งภายในรัฐบาล
หมายเหตุ "แม่ลูกจันทร์" เห็นด้วยที่ "นายกฯอภิสิทธิ์" จะยกเลิกนโยบายรับจำนำสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นวงจรอุบาทว์ที่ทำให้รัฐขาดทุนมโหฬารติดต่อกันหลายปี
ขาดทุนมโหฬารเพราะตั้งราคารับจำนำไว้สูงเว่อร์เกินไป แต่เวลาประมูลขายให้พ่อค้าดันขายราคาต่ำเกินควร
คนที่ได้ประโยชน์จึงกลายเป็นพ่อค้า แทนที่จะเป็นพี่น้องเกษตรกร
ก็หวังว่าปีนี้จะเป็นปีสุดท้ายของนโยบายรับจำนำสินค้าเกษตรของรัฐบาล
ผีถึงป่าช้าแล้วนี่ก็ต้องเลยตามเลย.
"แม่ลูกจันทร์"