ที่มา ไทยรัฐ
มติของพรรคภูมิใจไทยชัดเจนแล้วว่าให้นายชาติชาย พุคยา-ภรณ์ ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ นั่นก็หมายความว่าไม่มีทางเลือกอื่นที่รัฐบาลจะต้องมีการปรับ ครม. เพียงแต่ว่าจะปรับอย่างไร มากน้อยแค่ไหน หรือประชาธิปัตย์จะต้องปรับด้วย เพราะมีเรื่องป่วนๆอยู่ภายใน
แต่ที่แน่ๆ นอกจากเรื่องปรับ ครม.แล้ว การประชุมพรรค
ภูมิใจไทยนั้น ปรากฏว่า มี ส.ส.ปชป.และพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาไปร่วมประชุมด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มี ส.ส.เพื่อไทยย่องไปประชุมด้วยมาแล้ว
ครับ...แบบนี้ไม่ต้องไปมองอื่น แสดงว่ามีนักการเมืองหลายพรรคคงต้องการแยกตัวไปอยู่ภูมิใจไทยตั้งแต่ไก่โห่ แม้ว่ายังสังกัดพรรคเก่าอยู่
พรรคการเมืองอื่นๆคงไม่มีอะไร เพราะน่าจะรู้กันดีว่าใครต้องการตีตัวออกห่าง โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ภาคอีสานที่เชื่อว่า "เนวิน ชิดชอบ" จะอุ้มเข้าสภาได้หากมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ แต่สำหรับประชาธิปัตย์เป็นเรื่องแน่
เพราะไม่เคยปรากฏมาก่อน และทำให้เห็นว่าประชาธิปัตย์วันนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่มีหลักการในเรื่องนี้ชัดเจน
พูดง่ายๆ หากจะแตกก็เป็นแบบขัดแย้งกันรุนแรงแล้วแยกทางกัน แต่กรณีนี้ดูเหมือนจะเป็นปัญหาในการไม่ยอมรับการนำและไม่ซื่อตรงต่อพรรคเพราะยังสังกัดพรรค แต่ทั้งใจและกายไปเสียแล้ว โดยไม่สนใจใครทั้งสิ้นพร้อมแสดงตัวอย่างเปิดเผย
นั่นแสดงว่าพรรคประชาธิปัตย์กำลังมีปัญหาภายใน
ก่อนหน้านี้ แม้พยายามจะปฏิเสธว่าไม่มีความขัดแย้งภายใน ไม่มีกลุ่ม ส.ส.ใหม่ 40 คน เคลื่อนไหวเพื่อให้มีการปรับ ครม. แต่สุดท้ายก็ยอมรับความจริงว่ามีปัญหาเกิดขึ้น เพียงแต่อ้างว่าต้องการเอาใจช่วยรัฐมนตรีให้ทำงานอย่างที่ประสิทธิภาพมีผลงาน
การตั้งรัฐมนตรีที่ผ่านมาก็เกิดปัญหาความไม่พอใจบุคคลที่ดำรงตำแหน่งบางส่วน โดยพุ่งเป้าไปที่แกนนำพรรคคือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้จัดการใหญ่ที่เห็นว่ามีการเล่นพรรคเล่นพวก ส.ส.บางคนควรจะถึงวาระเป็นรัฐมนตรีแต่ไม่ได้
ทำให้เกิดปัญหาแม้กระทั่งวันนี้ยังเคลียร์กันไม่จบ ทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำภายในพรรคปรากฏออกมาในรูปลักษณ์ต่างๆ เช่นว่าโจมตีนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน จนมาถึงเรื่องการปรับ ครม. และความไม่พอใจต่อเลขาฯรัฐมนตรีและที่ปรึกษา
เหตุผลก็คือไม่มีผลงาน ไม่ดูแล ส.ส. และจัดงบประมาณลงในพื้นที่ที่รายล้อมผู้ใกล้ชิดแกนนำพรรคเท่านั้น
แน่นอนว่าหากไม่มีปัญหาจริงๆ คงไม่มีการตั้ง ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ผู้อาวุโสของพรรค ไปเคลียร์กับกลุ่ม ส.ส.ที่เคลื่อนไหว
ปฏิบัติการต่างๆที่เกิดขึ้นแสดงว่ามีปัญหาในการนำอย่างไม่ต้องสงสัย และจะเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาได้ หากไม่สามารถแก้ไขอย่างทันท่วงที และจะส่งผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลอย่างเลี่ยงไม่พ้นโดยไม่ต้องอาศัยมือฝ่ายค้านแต่อย่างใด
แม้นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะสอบผ่านในความเป็นผู้นำ แต่ยังสอบไม่ผ่านในการนำพรรค แม้ปัญหาที่เกิดขึ้นคงไม่ได้พุ่งเป้าไปที่หัวหน้าพรรคโดยตรง แต่ก็เลี่ยงไม่พ้นที่จะต้องรับผิดชอบ
ศึกนอกก็หนักหนาแล้ว แต่มาเจอศึกในเข้าไปอีก
อย่างไรก็ดี สถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ทำให้เห็นว่าพรรคภูมิใจไทยกำลังจะเป็นตัวดูดนักการเมืองจากพรรคอื่นๆที่กำลังขยับเคลื่อนตัว แม้กระทั่งพรรคประชาธิปัตย์เองก็เถอะ...
ทำเป็นเล่นไป หากไม่สามารถแก้ปัญหาภายในได้ อาจจะมี ส.ส.ลาออกแล้วไปสังกัดพรรคภูมิใจไทยไม่มากก็น้อย ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาในการเลือกตั้งแน่
และจะชี้ชะตาการเมืองของคนชื่อ "อภิสิทธิ์" ในอนาคต การเมืองข้างหน้าด้วย.
"สายล่อฟ้า"