ที่มา Thai E-News
โดย คุณ อัคนี คคนัมพร
ที่มา เวบไซต์ โลกวันนี้
26 พฤษภาคม 2552
ถึงจะขลุกขลักกระโดกกระเดกโขลกเขลกอย่างไร รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เดินทางผ่านเดือนที่ 5 ไปได้
ตอนนี้ ดูเหมือนผู้คนเค้าจะลืมเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับความไม่ชอบธรรมกันไปหมดแล้ว
ยังมีเรื่องรัฐบาลมือเปื้อนเลือดในสงกรานต์ที่ผ่านมาเท่านั้น ที่กำลังรอการพิสูจน์ และอาจเป็นหมัดน็อกรัฐบาลได้
แต่ใครจะคิดอย่างนั้น ก็ขอให้คิดกันไป ผู้เขียนไม่คิดตาม และยืนยันความคิดเห็นของตนเองว่า เรื่องราวต่างๆ ในอดีตที่ยังไม่ได้รับการชำระสะสาง
ต้องสะสางกันเสียก่อน การปล่อยให้อุจจาระติดง่ามก้นนักเรียนอนุบาล อย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เที่ยววิ่งเพ่นพ่านไปไหนต่อไหน โดยไม่มีการชำระนั้น มีแต่ทำให้เกิดความอับอายขายหน้า
ขอไล่ตั้งแต่การหนีการเกณฑ์ทหาร ซึ่งใครต่อใคร ต่างก็ใช้วิธีนิ่งเงียบ หรือใช้ทฤษฎีสงบสยบการเคลื่อนไหว
ผู้เขียนเห็นว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องแสดงความรับผิดชอบ จะทำเป็นซื่อบื้อ ไม่รู้ไม่ชี้ มิได้ เพราะนั่นเท่ากับเป็นการยอมรับความไม่ได้มาตรฐานการเกณฑ์ทหารของประเทศ ถึงขั้นต้องเอาปี๊บคลุมหัว! หรือไม่ก็อาจถึงขั้นรัฐมนตรีว่าการกลาโหม โดนมาตรา 157 ของประมวลกฎหมายอาญาเล่นงาน ติดคุกตอนแก่
เรื่องที่ 2 ได้แก่ การเข้าสู่อำนาจบริหารโดยขาดความชอบธรรม เรื่องนี้แยกเป็นสองความผิด
หนึ่ง คืออาศัยอำนาจนอกระบบ เข้ามาจัดการไล่ต้อนนักการเมืองให้พลิกขั้วเลือกข้าง โดยการข่มขู่เรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งเป็นข้อหาเก่าค้างปี
กับอีกประการหนึ่ง คือการฉีกพรรคการเมืองอื่นออกเป็นสองซีก หน้าตาเฉย ซีกหนึ่งหนุนรัฐบาล ซีกหนึ่งยังเป็นฝ่ายค้าน พฤติการณ์อย่างนี้ เรียกว่า ชาวนากับงูเห่าทางการเมือง เคยเกิดมาแล้ว เมื่อครั้งนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี
ทั้งสองข้อนี้ ทำให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถูกประวัติศาสตร์จารึก อายไปชั่วลูกชั่วหลาน
ประการที่ 3 เป็นเรื่องของผลงาน เมื่อเริ่มต้นนั้น นายอภิสิทธิ์ตั้งใจว่า จะใช้ผลงานประกาศคุณความดี กลบเรื่องน่าอับอายทั้งหลาย ด้วยการแถลงว่า จะทำประเทศไทยให้เป็นนิติรัฐ จะใช้กฎหมายที่ถูกหลักนิติธรรม และจะใช้อย่างเสมอภาค
ความข้อนี้ ทำให้ผู้เขียนเกิดความหวัง เพราะรัฐบาลที่เข้ามาโดยไม่ชอบธรรม หากทำเรื่องดังกล่าวนี้ให้เป็นรูปธรรม เป็นจริง สามารถลูบคลำจับต้องได้ บางที อาจจะล้างความขี้ริ้วขี้เหร่ในเบื้องต้นได้
แต่แล้ว ก็ขี้ฮกทั้งเพ!
ขอให้ท่านผู้อ่านพิจารณาดูว่า ผู้กระทำความผิดฐานบุกรุกเข้าไปยึดครองทำเนียบรัฐบาล กินอยู่หลับนอนเกินกว่า 100 วัน ยังไม่รับการนำตัวไปขึ้นศาล เพื่อดำเนินคดีแม้แต่รายเดียว
ผู้ที่ใช้กำลังเข้ายึดรัฐสภา เพื่อขัดขวางมิให้มีการประชุมรัฐสภาได้ ในวันที่ 7 ตุลาคม 2551 นอกจากจะไม่ถูกดำเนินคดีแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ยังร้อง ป.ป.ช. ให้สอบสวนการสลายม็อบในวันนั้น การณ์พลิกกลับเป็นว่าอดีตนายกฯ-รองนายกฯ และผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในตอนนั้น เป็นฝ่ายผิด
สุดท้าย คือ กลุ่มบุคคลที่ใช้กำลังเข้ายึดสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นเวลา 8 วัน ทำความเสียหายเฉพาะหน้า 2 แสน 9 หมื่นล้าน ยังไม่มีใครถูกแจ้งความเป็นผู้ต้องหา (รวมทั้งนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ)
ทั้งหมดนี้ คือสภาพการบริหารของรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้ประกาศว่า จะทำให้ประเทศไทยเป็นนิติรัฐ แล้วกลับทำให้นิติรัฐเป็นตลกคาเฟ่
ประเทศสูญเสียเวลาให้กับคุณไป 5 เดือนแล้วนะครับ