ที่มา เดลินิวส์
พรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เลขาธิการพรรค ภูมิใจไทย ที่มีข่าวถูกยึดอำนาจขายข้าวโพดจาก กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ และถูกตอกหน้าจากนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เรื่องขายขาดทุน ยังไงก็เส้นแข็ง ไม่โดนปลด ไม่เหมือน ชาติชาย พุคยาภรณ์ ข้าวนอกนา ที่โดนเชือดพ้นเก้าอี้ รมช.เกษตรฯนั้น
ควรหันมาศึกษาปัญหาราคาพืชผลอย่างจริงจังได้แล้ว เพราะนอกจากข้าวโพด ที่กำลังไล่ตามมา คือ ข้าว โชคดีที่ปีที่ผ่านมา ข้าวราคาแพงกว่าทองคำ ตันละเกือบ 3 หมื่นบาทมั้ง ทำให้ชาวนาต้องเฝ้าท้องนา กลัวโจรปล้นข้าวเปลือกดื้อ ๆ แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป
ไม่ได้ดูถูก แต่ถึงตอนนี้ รมว.พรทิวา ยังไม่ได้แสดงฝีไม้ลายมืออะไรเลย ส่วนหนึ่งอาจเพราะมือใหม่ อีกส่วน เวลาน้อย แต่ปัญหาพืชผลเกษตรไม่คอยท่า เป็นปัญหาทั้งเรื่องฤดูกาล ตลาด ผลผลิต และการทุจริตคอร์รัปชั่น ที่เหมือนวงจรอุบาทว์
พรทิวา อยากสร้างชื่อ ก็ต้องทำให้สินค้าเกษตรมีราคาสูงขึ้น
เมื่อไหร่ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวนา-ชาวสวนดีขึ้น เมื่อนั้นรัฐมนตรีพาณิชย์ ก็เท่ากับประสบความสำเร็จในชีวิต วงจรสินค้าเกษตรนั้น จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่า (โคตร) ยาก ก็ไม่ผิดหรอก
สำคัญสุดคือต้องรู้เท่าทันทุกตัวสินค้า
อดีต รมว.พาณิชย์อย่าง ดร.อดิศัย โพธารามิก อยู่ที่นี่เกือบ 3 ปี ถือเป็นรุ่นพี่ที่สามารถให้คำแนะนำและ “สอนน้อง” ได้ หากรมว.พรทิวาต้องการ เชื่อว่า ดร.อดิศัย ไม่หวงวิชาแน่ แต่หากเขิน ก็ขอเสนอให้ไปขอหนังสือ พิชิตความสำเร็จ สไตล์ ดร.อดิศัย โพธารามิก มาอ่านตั้งแต่บัดนี้
เป็นพ็อกเกตบุ๊กที่ ดร.อดิศัย รวบรวมประสบการณ์และความรู้จากการทำงานมาเขียนบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ พิมพ์ขายด้วย น่าจะหมดแล้ว พอดีได้รับแจกมา 1 เล่ม เลยเก็บไว้เป็นเครื่องมือหากิน มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อไหร่ ก็ได้อ่านทวนความจำ
อย่างเรื่องข้าวโพดขาดทุนที่กำลังดัง ส่วนมากสินค้าเกษตรทุกตัวที่รัฐบาลอุ้มก็อยู่ในวงจรนี้ รับจำนำไว้สูง ขายออกราคาต่ำถึงต่ำมาก ตรงกับหัวข้อ รุกฆาต สินค้าเกษตร แก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ (มี 10 หัวข้อย่อยแน่ะ)
...เช่น กองทุน (ยุคนั้นก็ คชก.) รัฐบาลที่เข้าไปช่วยสนับสนุน ต้องใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ใช้แบบไม่มียุทธศาสตร์เลย (เอาเงินรัฐเข้าไปซื้อขาดทุนแล้วเก็บไว้จนเน่า) ผมต้องใช้วิธีการคล้าย ๆ กันทั้งหมด ต้องทำไม่ให้เกิดการผูกขาด (รายเดียวประมูลได้หมด) ต้องทำให้การแข่งขันเกิดขึ้นทุกระดับ
หรือ....ถ้าเราต้องการให้ราคาสินค้าขึ้น เราต้องทำให้เกิดการแข่งขัน เช่น เกษตรกรต้องมีคนมาแข่งกันซื้อสินค้า ไม่ใช่ว่าโดนวิธีการที่ทำให้เกิดการจำยอมต้องขายก่อน ภาษาเกษตรกร เรียกว่า ตกเขียว
มีการตั้ง “operation room” หรือ “วอร์รูม” ดูแลพืชผลเกษตร เป็นครั้งแรก เพื่อให้รู้ทั้งราคา ปริมาณผลิตของจริง เช่นอำเภอไหนปลูกข้าวประเภทอะไร เริ่มปลูกไปได้เท่าไหร่แล้ว สุกหรือยัง เก็บเกี่ยวหรือยัง มีปริมาณเท่าไหร่ สินค้าเกษตรอื่นก็ทำแบบเดียว ทำให้รู้ข้อมูลหมด ก็ไม่รู้ตอนนี้เลิกไปหรือยัง???
ข้อมูลที่ถูกต้อง ก็นำไปสู่การตัดสินใจที่ถูกต้อง นั่นแหละ
สมัย ดร.อดิศัย ทำให้ข้าวส่งออกมากเป็นประวัติการณ์ ตัว ดร.เองได้แหนบทองคำจากสมาคมผู้ส่งออกข้าว เพราะมีการจัดระเบียบข้าวหอมมะลิ จนสร้างประวัติศาสตร์ให้ราคาข้าวเกวียนละหมื่นสำเร็จ
ทำการบ้านให้หนัก ศึกษาจาก ดร.อดิศัย แล้วเก็บน้ำตาไว้เถอะ ประชุม ครม.นัดต่อไป จะได้ไปต่อกรกับ กอร์ปศักดิ์ และ อภิสิทธิ์ ได้ ไม่ถูกเคี้ยวเอื้องง่ายดายเหมือนที่ผ่านมา.
ดาวประกายพรึก